ตอนที่ 89 ของขวัญที่เหมาะที่สุด
วันที่ 3 กรกฎาคม ลู่เฉินเข้าร่วมการประกวดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ รอบคัดเลือกอย่างเป็นทางการ เป็นการแข่งขันคัดเลือกเพื่อเข้าสู่รอบถัดไป
รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เป็นรายการของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งที่นำเสนอการคัดเลือกคนมีความสามารถจริงๆ สโลแกนคือ ‘เดินไปร้องไป ขับร้องให้ก้องจีน’ โดยมีสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งร่วมมือกับเว็บไซต์โยวซื่อ อี้หว่างมิวสิค และเทียนหยาคัลเจอร์ร่วมกันจัดขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดความสนใจของผู้ชมอย่างกว้างขวาง
รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แบ่งเขตการประกวดร้องเพลงออกเป็น จิงเฉิง เซิ่งจิง ฮู่ไห่ หังเฉิง เทียนฟู่ ฮวาเฉิงและปี้ไห่รวมเจ็ดเขต ใช้วิธีสัญจรออกไปคัดเลือกแบบเฉพาะ เพื่อหาผู้ชนะคนสุดท้ายที่จะได้เงินรางวัลที่สูงกว่า 30 ล้าน!
ตั้งแต่ปี 2008 วงการบันเทิงในประเทศจีนเกิดกระแสใหม่ โดยการริเริ่มของรายการ ‘นักร้องสาวเสียงสตรอง’ จากสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน เป็นการเปิดหน้าใหม่ของการแข่งขันคัดเลือกนักร้องเสียงดีตัวจริงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ช่องโทรทัศน์หลายแห่งเริ่มลอกเลียนแบบ รายการใหม่ที่มีรูปแบบคล้ายกันเกิดขึ้นไม่ขาดสาย กลายเป็นเกมกระดานใหม่ที่ยักษ์ใหญ่ต่อสู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อ หลายปีมานี้การแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น
แต่เดิมที่การแข่งขันในสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเป็นฝ่ายถูกจับจ้องมาโดยตลอด ให้ความรู้สึกถึงความเข้มงวดและระมัดระวัง
แต่เมื่อมีผลประโยชน์มหาศาล ความเข้มงวดใดๆ ก็ตามมักจะไม่ยั่งยืน
ดังนั้นก่อนที่ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนจะมาถึง สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งจึงเตรียมนำเสนอรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ที่เตรียมการบ่มเพาะมานาน อาศัยเบื้องหลังที่ลึกซึ้งกับเส้นสายของคนในวงการคอยช่วยเหลือ และป่าวประกาศการเริ่มต้นของเวทีบันเทิงให้กึกก้อง
มีผู้ร่วมมือสามรายกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งได้แก่เว็บไซต์โยวซื่อ อี้หว่างมิวสิค และเทียนหยาคัลเจอร์ ทั้งหมดเป็นอันดับต้นๆ ในวงการของประเทศ ถึงได้กล้าเข้ามาต่อกรกับรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน
โชคดีที่ช่วงเวลาการประกวดของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมาจัดขึ้นหลังจากการประกวดรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน เมื่อเป็นแบบนี้ ผู้สมัครเข้าประกวดที่ตกรอบมาเป็นจำนวนมากสามารถเปลี่ยนเส้นทางเข้ามาสมัคร ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ได้ และฝ่ายหลังนี้ก็มีความอะลุ้มอล่วยมากกว่าฝ่ายแรกมากนัก คนที่หน้าตาดีร้องเพลงเพราะต่างมีโอกาสเข้าสู่รอบถัดไปสูง
ในสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเองจึงมักไม่ขาดคนเก่งที่มีความสามารถทางด้านนี้
ตอนที่ลู่เฉินเข้าประกวดรอบคัดเลือก ยังไม่ได้นำผลงานเพลงของตัวเองออกมาแสดง อาศัยร้องเพลง ‘พิราบโบยบิน’ ก็ได้รับบัตรผ่านเข้ารอบอย่างสบายๆ แล้ว
“ขอแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้ วันที่ 10 เดือนนี้ ผมได้เข้าประกวดการคัดเลือกในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ครับ!”
“ขอเชิญทุกท่านชมการถ่ายทอดสดได้ และหวังว่าทุกท่านจะให้การสนับสนุน!”
ลู่เฉินกำลังออกอากาศสดในเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ประกาศให้แฟนคลับหลายแสนคนรู้ถึงข่าวดีนี้ ทั้งห้องออกอากาศคึกคักขึ้นมา แถบข้อความเด้งขึ้นมายาวเหยียดจนบังหน้าจอไปหมด
“โฮสต์จงเจริญ!”
“ฮ่าๆ ไม่นึกเลยว่าเราจะได้เห็นลูกพี่ลู่เฟยของเราออกโทรทัศน์!”
“สนับสนุน! สู้ๆ! พยายามเข้า!”
“ยินดีกับผู้ออกอากาศด้วย ขอให้ผู้ออกอากาศได้รับรางวัลชนะเลิศ”
“คนเมืองหลวงส่งบัตรอวยพร ลูกพี่ลู่เฟยไม่เคยพ่ายแพ้ เป็นที่หนึ่งตลอดไป!”
“คนเซียงหนานส่งบัตรอวยพร!”
“คนเจ๋อตงส่งบัตรอวยพร!”
“คนเซินไห่ส่งบัตรอวยพร!”
“คนเป่าต่าว…”
ข้อความเด้งขึ้นมาทีละประโยค เป็นรางวัลลูกบอลปลาจำนวนนับไม่ถ้วน และยังมีรางวัลเรือรบด้วยอีกลำ!
ความจริงเมื่อนานมาแล้ว อวี๋แฟนคลับก็หวังว่าลู่เฉินจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ทุกคนคิดว่าด้วยความสามารถของเขาไม่น่าจะอยู่แค่ในเว็บไซต์ออกอากาศสด ควรอยู่บนเวทีที่กว้างใหญ่ กลายเป็นนักร้องนักแสดงตัวจริงมากกว่า
แม้ตอนนี้การออกอากาศสดออนไลน์จะเป็นที่นิยมมาก ผู้ออกอากาศที่โด่งดังก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักร้องนักแสดง แต่ในมุมมองที่คุ้นเคยของคนอื่น กระแสของคนทั้งสองแบบนั้นเทียบกันไม่ได้
ในที่สุดตอนนี้ลู่เฉินก็ได้ย่างก้าวแรกออกไป คนส่วนใหญ่จึงยินดีกับเขา ทั้งยังอวยพรให้เขาด้วย!
ในสายตาของบรรดาอวี๋แฟนคลับ ลู่เฉินเป็นผู้ที่ทุกคนให้การสนับสนุนผลักดันขึ้นมา ถ้าเขาได้ออกรายการโทรทัศน์เข้าร่วมการแข่งที่ถูกเผยแพร่ไปทั้งประเทศ นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่สุด
หากอนาคตลู่เฉินโด่งดังเป็นนักร้องนักแสดงจริงๆ พวกเขาจะได้บอกคนอื่นอย่างภูมิใจว่า พวกเขาเคยพูดคุยกับนักร้องดังอย่างออกรสชาติ เคยฝ่าฟัน เคยพยายามมาด้วยกัน
“ยินดีด้วยลูกพี่!”
เมื่อการถ่ายทอดสดจบลง หลี่ไป๋ส่งข้อความหาลู่เฉินทางแชทส่วนตัว
“อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ถึงเวลานั้นรอดูการแสดงออกของพวกเราขุนศึกตระกูลลู่เถอะ รับรองไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่!”
รายการประกวดทุกรายการไม่มีทางไม่เห็นความสำคัญของผู้ชมทางบ้าน ไม่ว่าจะทั้งการส่งข้อความโหวต การโหวตทางเว็บไซต์ หรือการโหวตทางโทรศัพท์ อิทธิพลของผู้ชมจากทางบ้านสำคัญที่สุด
แม้จะมีการให้คะแนนภายใน แต่คะแนนที่เผยออกมาภายนอกส่วนใหญ่มาจากการโหวตของผู้ชมทางบ้าน
นี่เป็นข้อได้เปรียบจุดหนึ่งของลู่เฉิน ตอนนี้ห้องออกอากาศลู่เฟยมีผู้ติดตามเกือบหนึ่งล้านคน ในกลุ่มห้องสนทนาเฟยซวิ่นมีสมาชิกเกือบห้าหมื่นราย หากเกิดความเคลื่อนไหวขึ้น จะต้องเป็นพลังอันมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย!
จากเส้นทางห้องออกอากาศสดออนไลน์เดินเข้าสู่วงการบันเทิง ไม่ได้มีแค่ลู่เฉินคนเดียว ก่อนหน้านี้มีคนที่ประสบความสำเร็จเป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินตอบ ขณะเดียวกันก็เลือกไฟล์ไฟล์หนึ่งที่เก็บไว้ในฮาร์ดิสก์ส่งให้เขา
หลี่ไป๋: “?”
ลู่เฉิน: “ผมขอมอบเป็นของขวัญให้คุณ หวังว่าคุณจะชื่นชอบนะ”
หลี่ไป๋หัวเราะลั่น “ลูกพี่ หรือว่าคุณอัดคลิปสั้นๆ อะไรส่งให้ผม? ผมบอกไว้ก่อนนะว่าผมเป็นผู้ชายแท้ๆ!”
ลู่เฉิน : “…”
หลี่ไป๋รับไป
ผ่านไป 5 นาทีเต็ม หลี่ไป๋ถามกลับมาว่า “ลูกพี่ นี่ให้ผมเหรอ?”
ถึงจะมีหน้าจอกั้นกลาง แต่ลู่เฉินยังรู้สึกได้ถึงความตกใจของอีกฝ่าย
เขาหัวเราะ แล้วเคาะแป้นพิมพ์รัวๆ “ใช่แล้ว เพลงนี้ผมขอมอบให้คุณเป็นของขวัญ ผมไม่ได้จดลิขสิทธิ์ในเว็บไซต์ห้องสมุดดนตรีจีน ให้คุณไปจัดการเอาเอง ทำเป็นชื่อของคุณเลย!”
ลู่เฉินอยากขอบคุณเขามาโดยตลอด เพื่อนที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แฟนคลับอันดับหนึ่งของเขา
ช่วงเริ่มแรกของการออกอากาศสดออนไลน์ ถ้าไม่ได้หลี่ไป๋ช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง เขาคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้และหาเงินได้จากการถ่ายทอดสดมากมาย
เพียงแค่หลี่ไป๋คนเดียว ก็มอบเงินรางวัลให้เขามากกว่าสองแสนเข้าไปแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ดูแลกลุ่มแฟนคลับขุนศึกตระกูลลู่ ไม่รู้ว่าต้องจ่ายเงินอั่งเปาไปมากแค่ไหน
ได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณ ก็ต้องตอบแทนให้เต็มที่!
ลู่เฉินเป็นคนแยกแยะบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจน เขารู้สึกซาบซึ้งในการสนับสนุนของหลี่ไป๋ แต่ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี
เพื่อนคนรวยคนนี้เป็นลักษณะของทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองอย่างชัดเจน ตามที่เขาเคยเล่าให้ลู่เฉินฟัง การใช้ชีวิตของเขานอกจากการใช้เงินก็คือการใช้เงิน แม้แต่พ่อของเขายังไม่คาดหวังสิ่งใดในตัวเขา ขอแค่อยู่นิ่งไม่ก่อเรื่องก็พอ ต่อไปในอนาคตขอแค่สืบทอดภารกิจต่อจากบรรพบุรุษให้เรียบร้อยก็โอเคแล้ว
จากการพูดคุยกันอย่างเรื่อยเปื่อย ลู่เฉินรู้ว่าหลี่ไป๋ชื่นชอบในดนตรี เคยตั้งวงดนตรีขึ้นมาวงหนึ่ง เคยฝันอยากเป็นนักร้อง แต่ไม่มีพรสวรรค์ อย่างมากได้แต่ร้องเพลงอยู่ตามผับตามบาร์
ดังนั้นเขาจึงอยากจะสนับสนุนลู่เฉิน
เมื่อได้รู้ดังนี้แล้ว ลู่เฉินเลยมีความคิดบางอย่าง เขาตั้งใจเลือกเพลงออกมาเพลงหนึ่งเพื่อเป็นของขวัญให้กับหลี่ไป๋
ลู่เฉินเชื่อว่า นี่เป็นของขวัญที่เหมาะที่สุดแล้ว!
หลี่ไป๋เงียบไป ไม่ได้ตอบกลับอยู่นาน
ลู่เฉินคิดว่าเขาสายขาดไปแล้ว จึงถามไป “อยู่ไหม”
หลี่ไป๋ตอบกลับมา “ยังอยู่ ขอบคุณลูกพี่มาก!”
ลู่เฉินส่งรูปหน้ายิ้มให้
“ผมสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ เพลงนี้คุณไปหาคนทำดนตรี จะให้ดีต้องเป็นผู้ที่ถนัดแนวคันทรีร็อก แล้วค่อยออกผลงานเพลงเดี่ยวนะ!”
ผ่านไปอีกหลายนาที หลี่ไป๋ตอบกลับว่า “ได้เลย”
ลู่เฉินแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก จึงบอกลาแล้วออกจากสายมาพักผ่อน
ขณะเดียวกัน ในเขตผิงอันวงแหวนรอบที่สองของเมืองหลวง บ้านวิลล่าเลขที่ A7
ในห้องหนังสือบนชั้นสามของวิลล่ายังเปิดไฟสว่าง ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่ากำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ แววตาล่องลอยไม่รู้คิดเรื่องอะไรอยู่
บนหน้าจอปรากฏเนื้อเพลงเพลงหนึ่ง
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ราวกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งความฝัน เขาคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา
กดเบอร์โทรศัพท์อย่างคุ้นเคย ชายหนุ่มวิ่งออกมาจากห้องหนังสืออย่างรีบร้อน
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีคนรับสาย “ฮัลโหล?”
ชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างรำคาญ “ฮัลโหลอะไรกัน ฉันคือหลี่มู่ไป๋!”
“นายรีบไปหาคนแต่งทำนองเพลงมาคนหนึ่ง ฉันอยากได้คนที่เก่งที่สุด ต้องเอาคนที่ถนัดแนวคันทรีร็อกด้วย ใช้เงินเท่าไรก็ได้ ฉันมีเนื้อเพลงที่จะเอามาทำ!”
“ดึกแล้ว? ตอนนี้ดึกที่ไหน ชีวิตกลางคืนยังไม่ทันเริ่มเลย คนพวกนั้นมีใครเข้านอนเร็วบ้าง”
“จำไว้ ฉันต้องได้คนที่เก่งที่สุด!”
“ฉันอยากตั้งวงดนตรีขึ้นใหม่…”
เมื่อโทรศัพท์เสร็จ ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจยาว
เขากะพริบตา รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาทันที เช็ดที่ปลายหางตาโดยไม่รู้ตัว
ปลายนิ้วมือเปียกชื้น
ชายหนุ่มตกตะลึง พูดด่าตัวเอง “ไอ้บ้าเอ๊ย…”
แต่เสียงกลับเบามาก
……………………………………………………………………………..