ตอนที่ 168 ขอบคุณรุ่นพี่
เฉินกั๋วต้งมีแฟนคลับในบล็อกล่างฉาวไม่มากนัก มีแค่สองแสนกว่าคนเท่านั้น จึงเป็นบัญชีวีไอพีตัวเล็ก
แต่เขามีชื่อเสียงมากในวงการเพลงป็อป และยังเป็นคนเขียนงานต้นฉบับให้กับเว็บไซต์เพลงและนิตยสารหลายแห่ง มีสายสัมพันธ์ที่กว้างขวางอยู่ในวงการ เพราะฉะนั้นศิลปินดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการจึงติดตามบล็อกของเขาเป็นจำนวนมาก
หลังจากโพสต์บล็อกในหัวข้อที่ว่า ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’ ออกไป ก็ได้รับการแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก
อย่างเช่นถานหงและเฉินเฟยเอ๋อร์ศิลปินดังของวงการเพลงป็อป หลินจื้อเจี๋ยผู้อำนวยการเพลงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด จางจื่อหรงศิลปินชื่อดัง ซูผิงพิธีกรป็อปเรดิโอซึ่งเป็นบัญชีวีไอพีตัวใหญ่ทั้งสิ้นต่างให้คำวิจารณ์เชิงบวกและชื่นชมก่อให้เกิดอิทธิพลที่กว้างขวางขึ้นในอินเทอร์เน็ต
พอถึงวันที่สองซึ่งก็คือวันที่ 16 เดือนกันยายน วลีสามคำอย่าง ‘ลู่เฉิน’ ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ และ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’ ได้ขึ้นเป็นรายการค้นหายอดฮิตหน้าแรกของบล็อกล่างฉาวไปแล้ว!
นอกจากนี้ยังมีบล็อกเกอร์หลายคนที่โพสต์วีดีโอสั้นๆ ที่บันทึกจากงานเลี้ยงต้อนรับนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆเนื้อหาส่วนใหญ่ล้วนเป็นวีดีโอสดของนักเรียนนักศึกษาที่เล่นและร้องเพลงในอัลบั้มชุดนี้ของลู่เฉิน
กีตาร์หนึ่งตัว หนุ่มหล่อหนึ่งคน กับหนึ่งบทเพลงบัลลาด…
วีดีโอพวกนี้ใช้โทรศัพท์ในการบันทึกเสียส่วนใหญ่ คุณภาพของภาพและเสียงจึงไม่ค่อยดี แต่บรรยากาศในงานนั้นสุดยอดมาก มากพอที่จะอธิบายความนิยมเพลงต้นฉบับของลู่เฉินในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
บุคคลในวงการต่างตกตะลึงและพบว่า ประเภทเพลงบัลลาดพื้นบ้านที่สร้างขึ้นโดยลู่เฉินให้เป็น ‘เพลงบัลลาดพื้นบ้านร่วมสมัย’ กลับมีอิทธิพลเป็นอย่างมากตามการเปิดตัวอัลบั้มแรกของเขาโดยไม่รู้ตัว และได้รับการยอมรับจากคนหนุ่มสาวมากมายนับไม่ถ้วน!
ตอนแรกลู่เฉินคิดว่าตอนที่ดำเนินการโปรโมท ‘เพลงบัลลาดพื้นบ้านร่วมสมัย’ จะมีคนมากมายที่หัวเราะเยาะเย้ยกระทั่งต่อว่าเขาอยากจะเอาใจมวลชนโดยไม่รู้จักประมาณตนเอง
ตอนนี้ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ ที่จะทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าประวัติศาสตร์เพลงป็อปในประเทศ!
มีบริษัทแผ่นเสียงและบริษัทบันเทิงมีเดียบางแห่งที่เล็งเห็นถึงตลาดส่วนนี้ จึงเตรียมผลิตผลงานที่มีสไตล์คล้ายกันออกมา
แฟนคลับในบล็อกล่างฉาวของลู่เฉินพุ่งสูงขึ้นอีกหนึ่งแสนคน
วันที่ 16 เดือนกันยายนในวันเดียวกัน อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ก็มียอดขายทะลุสามแสนบนเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิค!
ทำให้ทุกคนตกตะลึงนิ่งอึ้งกันไปหมด!
ควรทราบว่ายอดขายอัลบั้มออนไลน์ของนักร้องจะเน้นไปที่สัปดาห์แรก โดยเฉพาะยอดขายล่วงหน้าสามวันนั้นสำคัญมากๆ เพราะหลังจากนั้นยอดก็จะตก กระทั่งเกิดเหตุการณ์ลดลงอย่างฮวบฮาบ
เหตุผลนั้นง่ายมาก การละเมิดลิขสิทธิ์ในอินเทอร์เน็ตจะดำเนินไปพร้อมกับการขายอัลบั้มที่เป็นที่นิยมอย่างโจ่งแจ้ง การละเมิดลิขสิทธิ์นี้จะปรากฏอยู่บนกระทู้ ฟอรัมและกลุ่มเฟยซวิ่นเป็นจำนวนมากเพื่อให้ดาวน์โหลดฟรี ซึ่งยากที่จะควบคุม
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นผลงานเพลงของศิลปินชื่อดัง แนวโน้มลดลงก็เกิดขึ้นและยากที่จะเรียกกลับมา
อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ วางจำหน่ายบนเฟยซวิ่นมิวสิคในวันที่ 8 จนกระทั่งถึงวันที่ 16 รวมทั้งหมดแปดวัน เลยช่วงเวลาทองไปนานแล้ว โดยปกติทั่วไปยอดขายควรจะแย่ลงทุกวัน และเข้าสู่ระยะสะสมช่วงหลัง
แต่ใครก็คาดไม่ถึงว่า อัลบั้มชุดนี้กลับมียอดจำหน่ายถึงห้าแสนชุดในวันที่ 16 ทำให้หลายคนรู้สึกเหลือเชื่อและอิจฉามาก…นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
ปาฏิหาริย์นี้ ได้พิสูจน์การวิเคราะห์เนื้อหา ‘ความเงียบของคนส่วนใหญ่’ ของเฉินกั๋วต้งอีกครั้ง
เพราะถึงช่วงนี้ การซื้ออัลบั้มจากแฟนคลับตัวยงของลู่เฉินน่าจะเหลือน้อยแล้ว
แต่ความสำเร็จที่ได้รับจากอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ทำให้ลู่เฉินที่ได้รับความนิยมลดลงกลับระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง มีบริษัทเอเจนซี่จัดหานักแสดง บริษัทโฆษณาหลายแห่งต่างโทรศัพท์มาอย่างไม่ขาดสายหรือไม่ก็มาหาถึงที่เพื่ออยากจะเจรจาร่วมงานกับสตูดิโอลู่เฉิน
งานแสดงโชว์ พรีเซ็นเตอร์โฆษณา ซื้อเพลง…ทำให้ลู่เฉินยุ่งมากๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นโทรศัพท์ไม่ได้หยุดพักเลย
และงานทางด้านนี้ แน่นอนว่าลู่เฉินต้องโยนงานทั้งหมดให้พี่สาวของตัวเองอยู่แล้ว
เขาเชื่อใจพี่สาวว่าสามารถจัดการได้ดีอย่างแน่นอน
ส่วนตัวของลู่เฉิน ก็ไม่ทำตัวเองให้ว่างเหมือนกัน
วันที่ 17 เดือนกันยายน เวลาบ่ายโมง เขาเดินทางไปที่อาคารใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เพื่อร่วมซ้อมงานเลี้ยงวันชาติจีนของสถานีโทรทัศน์
สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งโดยทั่วไปจะจัดงานเลี้ยงใหญ่สี่งานทุกปี โดยแบ่งเป็นงานเลี้ยงวันตรุษจีนวันที่ 1 เดือนมกราคม งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่วันที่ 31 เดือนธันวาคม งานเลี้ยงฉลองของสถานีโทรทัศน์วันที่ 8 เดือนมิถุนายนและงานเลี้ยงวันชาติจีนวันที่ 1 เดือนตุลาคม
หนึ่งในนั้นจะมีงานวันตรุษจีนกับงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่เป็นงานสำคัญที่สุดของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เมื่อเทียบกันแล้ว ขนาดและการลงทุนของงานเลี้ยงฉลองสถานีโทรทัศน์กับงานเลี้ยงวันชาติจีนจะน้อยลงมาอีกขั้นเรตติ้งผู้ชมไม่เคยสูงเลย
แต่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งครอบครองพื้นที่ในเมืองหลวง จึงมีอิทธิพลสูงมาก ถึงแม้งานวันชาติจีนจะมีเรตติ้งผู้ชมค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีนักร้องนักแสดงมากมายนับไม่ถ้วนที่อยากจะเบียดตัวกันเข้ามายืนบนเวทีแห่งนี้ ถึงจะเห็นหน้าแค่แวบเดียวก็ยังดี
ลู่เฉินมีโอกาสมายืนอยู่บนเวทีของงานเลี้ยงวันชาติจีนที่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งได้ เดิมทีนั้นเขาแลกมากับเพลง ‘เดินไปร้องไป’ หลังจากที่เขาได้แชมป์ในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แล้ว จึงราบรื่นมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครว่าเขาได้อีก
มิฉะนั้นด้วยฐานะศิลปินอิสระหน้าใหม่กับเส้นสายในวงการอย่างเขา แทบจะไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ
สำหรับงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีนนี้ ลู่เฉินให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงรีบเดินทางล่วงหน้ามาที่อาคารสถานีโทรทัศน์
ถือบัตรเชิญที่ทางสถานีส่งไปให้กับบัตรประจำตัวประชาชน จากนั้นลู่เฉินก็ผ่านช่องตรวจอย่างราบรื่น และมาถึงห้องถ่ายทำรายการโทรทัศน์อาคาร T1 ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
ห้องถ่ายทำรายการโทรทัศน์ห้องใหม่นี้เริ่มใช้งานเมื่อสองเดือนก่อน สามารถรองรับผู้ชมได้ถึงสามพันคน ขนาดของเวทีกว้างถึงสามพันห้าร้อยตารางเมตร ใช้อุปกรณ์ตกแต่งที่ทันสมัย และถูกเรียกว่ามีความโดดเด่นกว่าคนในสายอาชีพเดียวกัน
ลู่เฉินเคยมาที่นี่ จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ด้านหลังเวทีของห้องถ่ายทำรายการโทรทัศน์มีศิลปินดาราอยู่มากมาย ลู่เฉินเจอคนคุ้นหน้าก็ไม่น้อย ล้วนเป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียงในวงการ ดังนั้นงานเลี้ยงของสถานีโทรทัศน์ครั้งนี้จึงยิ่งใหญ่มากอย่างไม่ต้องสงสัย
ภายใต้การจัดการของทีมงานสถานีโทรทัศน์ เขาจึงนั่งลงในตำแหน่งที่จองเอาไว้ล่วงหน้า
ถึงจะเป็นด้านหลังเวทีเหมือนกัน แต่การจัดตำแหน่งโต๊ะแต่งหน้ามีความพิถีพิถันมาก อย่างแรกดาราดังตัวท็อปจะไม่รวมอยู่ในห้องใหญ่ พวกเขาจะมีห้องวีไอพีเล็กๆ เอาไว้ใช้ส่วนตัว
รองลงมาคือดาราไอดอลระดับหนึ่ง ระดับสอง จะได้ตำแหน่งที่ใกล้กับทางเข้าออกของเวที ใช้แผ่นไม้กั้นเป็นพื้นที่ออกมา และศิลปินดาราระดับสาม ระดับสี่ ระดับห้าไปจนถึงระดับสิบแปด ล้วนถูกจัดอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนกันในห้องแต่งหน้าใหญ่
ส่วนศิลปินดาราธรรมดาคนอื่นๆ ทั่วไป อย่างเช่นคู่ร้องคู่เต้น ส่วนใหญ่จะไปยืนอยู่ตามมุมต่างๆ กระทั่งรออยู่ตรงโถงทางเดินรูปวงแหวนเพื่อเตรียมตัว แค่อยากจะดื่มน้ำก็ยังยาก
เดิมทีตอนที่ลู่เฉินเข้าร่วมรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เนื่องจากผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งมีจำนวนไม่มาก ดังนั้นด้านหลังเวทีจึงกว้างสบายมากอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เป็นการซ้อมงานเลี้ยงฉลองจึงแตกต่างไปจากเดิม ข้างในเบียดเสียดและคึกคักเป็นอย่างมาก
ทีมงานของสถานีโทรทัศน์ล้วนต้องใช้ไมโครโฟนและลำโพงอิเล็กทรอนิกส์ในการสื่อสาร ไม่อย่างนั้นยากที่จะได้ยินอย่างชัดเจน
หลังจากลู่เฉินนั่งลง ก็ไม่ได้เดินเพ่นพ่านสร้างความวุ่นวายให้คนอื่น แต่กลับหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นแทน
จิตใจของเขาผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เพราะว่าวันนี้เป็นการซ้อมครั้งแรก ไม่ต้องแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า นอกจากนี้ก็ร้องแค่เพลงเดียวเท่านั้น
“รุ่นพี่ลู่เฉิน!”
ลู่เฉินเพิ่งจะล็อกอินเข้าเฟยซวิ่น ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจดังมา “พี่มาแล้วเหรอคะ!”
ลู่เฉินจึงอดหันหน้าไปมองไม่ได้ แล้วยิ้มทันที “เสี่ยวชู!”
คนที่เขาทักทายก็ไม่ใช่ใครอื่น คือมู่เสี่ยวชู!
มู่เสี่ยวชูเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองของโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศกรุงปักกิ่ง ปีนี้อายุสิบเก้าปี ถือว่าเป็นรุ่นน้องของลู่เฉิน
อย่าเห็นว่าเธอตัวเล็กขี้อายไม่มีแรงแบบนี้ ตอนที่แข่งขันในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เธอได้ปราบผู้แข่งขันคนอื่นจนราบคราบ ใช้เพลงหวานซึ้ง ‘สมอลทาวน์น็อกเทิร์น’ ชนะเกาจ่านเผิงผู้ท้าชิงของทีมปี้ไห่ด้วยคะแนนรวมทั้งหมด91.68 คะแนน คว้าชัยชนะติดอันดับห้าในสิบของนักร้องที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ
สุดท้ายพอถึงรอบชิงชนะเลิศทั่วประเทศ นักร้องสาวเสียงหวานคนนี้ก็ชนะได้อันดับที่สี่ไปครอง และได้เซ็นสัญญากับเฟยสือเรคคอร์ด
เกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว เพิ่งจะได้เจอหน้าสาวรุ่นน้องที่สวยน่ารักคนนี้อีกครั้ง ลู่เฉินจึงดีใจมาก เขายิ้มแล้วลุกขึ้นถามว่า “เธอมาตั้งแต่เมื่อไร”
มู่เสี่ยวชูเม้มปากยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฉันเพิ่งมาค่ะ มากับรุ่นพี่จางเฮ่าไห่”
ตอนนี้ลู่เฉินเพิ่งจะสังเกตเห็น ว่าข้างๆ มู่เสี่ยวชูยังมีชายหนุ่มสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำหนึ่งคนยืนอยู่
ผู้ชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตคนนี้น่าจะมีอายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี ส่วนสูงของเขาต่างจากลู่เฉินไม่น้อย หน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวแฟชั่น มีมาดของไอดอลแบบนั้น แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาออกจะดูเสแสร้งไปนิด
“พี่จาง…”
ลู่เฉินเป็นฝ่ายยื่นมือไปให้อีกฝ่ายก่อน “ไม่เจอกันนาน ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
จางเฮ่าไห่ก็เป็นหนึ่งในสิบนักร้องแข็งแกร่งทั่วประเทศของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เหมือนกัน เขาเป็นชาวฉงชิ่ง มีเสียงร้องที่ทรงพลังและถนัดการเต้น รอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้ายเขาคว้าอันดับที่สามไปครอง และได้เซ็นสัญญากับเฟยสือเรคคอร์ดเช่นกัน
ลู่เฉินกับจางเฮ่าไห่ไม่ได้สนิทกันมาก นอกจากความสัมพันธ์ในการแข่งขันแล้ว ก็ไม่เคยมีเรื่องขัดข้องใจใดๆระหว่างทั้งสองคน ดังนั้นท่าทางเหมือนมองศัตรูที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้ลู่เฉินรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ก็จบไปแล้วนะ
“ก็ไม่เลว”
จางเฮ่าไห่จับมือกับลู่เฉินเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่เฉิดฉายเหมือนกับนายหรอก ที่ได้ออกอัลบั้มแล้ว”
ลู่เฉินหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “แค่โชคดีเท่านั้นครับ”
ในเมื่อจางเฮ่าไห่ไม่ยินดียินร้าย เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้ายิ้มแย้มพูดจาเอาอกเอาใจอีกฝ่าย
มู่เสี่ยวชูกล่าวอย่างจริงจังว่า “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่ไม่ได้โชคดีค่ะ แต่พี่เก่งมาก!”
“ฉันซื้ออัลบั้มของพี่ไปให้เพื่อนๆ นักเรียนฟัง พวกเธอบอกว่าเพราะมาก และอยากเจอพี่ด้วยค่ะ!”
ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเขินอายออกมา แล้วพูดเบาๆ ว่า “เมื่อไรจะได้เลี้ยงข้าวรุ่นพี่คะ”
สีหน้าของจางเฮ่าไห่เริ่มมืดหม่นเล็กน้อย
ลู่เฉินจึงเข้าใจทันที
สงสัยจางเฮ่าไห่จะชอบมู่เสี่ยวชู พอเห็นคนหลังเป็นฝ่ายเข้ามาทำความใกล้ชิดกับตัวเองจึงไม่พอใจ
เขาแอบส่ายหน้า แต่ก็ตอบตกลงไปว่า “ไม่มีปัญหา เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของพี่อยู่ สามารถโทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเดี๋ยวพี่จะเลี้ยงข้าวเพื่อนนักเรียนของพวกเธอเอง!”
มู่เสี่ยวชูดีใจมาก “จริงเหรอคะ”
ลู่เฉินพยักหน้าจริงจัง “จริงสิ ในฐานะรุ่นพี่ จะหลอกรุ่นน้องได้ยังไง”
มู่เสี่ยวชูขำ “ขอบคุณรุ่นพี่ค่ะ!”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ในที่สุดจางเฮ่าไห่ก็ทนอยู่ต่อไม่ไหว แล้วจึงเอ่ยว่า “พวกเธอคุยกันไปนะ พี่ขอตัวไปทางโน้น”
มู่เสี่ยวชูกับลู่เฉินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากจางเฮ่าไห่ออกไปแล้ว ทั้งสองคนจึงสบตาแล้วยิ้มให้กัน
ลู่เฉินมองออกว่า มู่เสี่ยวชูไม่ชอบจางเฮ่าไห่ แต่ด้วยมารยาทจึงไม่อยากทำท่าทางเย็นชาก็เท่านั้น
มู่เสี่ยวชูกล่าวว่า “ขอบคุณรุ่นพี่ค่ะ!”
ประโยคเดียวกัน แต่ความหมายของครั้งก่อนกับครั้งนี้กลับแตกต่างกันมาก
…………………………………………………………………………
ไอคอนเหรียญทอง