ตอนที่ 203 เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
ในเมืองหลวงมีคลับชั้นสูงและสโมสรส่วนตัวมากที่สุดในประเทศ
คลับระดับสูงบางแห่งมีกฎเคร่งครัด ค่าสมาชิกก็สูงมาก กลายเป็นแหล่งรวมตัวอันแสนพิเศษของคนในแวดวงสังคม ตอนที่ลู่เฉินทำงานในบาร์เดย์ลิลลี่เคยได้ยินเรื่องราวของสโมสรและคลับบันเทิงเหล่านี้มาไม่น้อย บางแห่งยิ่งแปลกประหลาด
ในสายตาของคนทั่วไป สถานที่เหล่านี้ดูลึกลับ
หลี่มู่ซือพาลู่เฉินมาที่สโมสรส่วนตัวแห่งหนึ่งมีชื่อว่าสโมสรป๋อรุ่ย ตั้งอยู่แถวเขตศูนย์กลางเศรษฐกิจ ในเขตวงแหวนรอบที่สองของเมือง อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะที่เงียบสงบ ตัวอาคารสร้างด้วยโครงเหล็กและกระจก ดูแตกต่างทันสมัย
ฟ้ายังไม่มืด ลานจอดรถด้านนอกของสโมสรป๋อรุ่ยมีรถหรูจอดอยู่เต็มไปหมด
จำนวนรถมีมากจนเหมือนเปิดงานจัดแสดงรถยนต์หรู
ตอนที่ลู่เฉินลงจากรถ เห็นคนสวมสูทสีดำหลายคน สวมแว่นตาดำและหูฟัง ดูเหมือนเป็นเหล่าบอดี้การ์ด
เห็นได้ชัดว่าหลี่มู่ซือเป็นแขกประจำของที่นี่ เธอพาลู่เฉินเดินเข้าไปด้านใน ผ่านเข้าไปได้โดยไม่ต้องแสดงบัตรอะไร บอดี้การ์ดและบริกรเห็นพวกเขาแล้วได้แต่ก้มโค้งแสดงความเคารพ
จำเป็นต้องพูดว่า ท่าทางสูงส่งทรงอำนาจเช่นนี้ทำให้ผู้คนได้แต่ร้องอุทานในใจ
ลู่เฉินรู้สึกแปลกใหม่และแปลกใจ แต่ไม่ถึงกับอิจฉา แต่ละคนมีดวงชะตาของตัวเอง เขาก็มีความภาคภูมิใจในแบบฉบับของตัวเอง
การตกแต่งภายในสโมสรทำให้รู้สึกผิดคาดตรงที่ไม่ได้หรูหราอลังการ แต่เป็นการออกแบบตกแต่งที่แสดงถึงความลึกล้ำ สื่อเป็นนัย ไม่อวดร่ำอวดรวยออกมาตรงๆ เหมือนพวกเศรษฐีใหม่ ดังนั้นจึงดูพิเศษมาก
หลี่มู่ซือบอกลู่เฉินว่า “พวกเรามาคุยงานกันก่อน แล้วค่อยกินข้าวได้ไหม”
ถึงเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงกลับแสดงชัดว่าเธอตัดสินใจแบบนี้
ลู่เฉินพยักหน้าเงียบๆ ตอบว่า “แขกย่อมต้องตามใจเจ้าบ้าน เอาตามที่พี่มู่ซือว่าก็แล้วกัน”
หลี่มู่ซือเหลือบตามองลู่เฉิน เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “ถ้านายเอาตามฉันจริงๆ ก็ดีน่ะสิ”
สิ่งที่เธอพูดดูคลุมเครือ
ลู่เฉินยิ้มน้อยๆ ในใจเกิดความระแวงระวัง
เหมือนมันกำลังบอกเขาตามตรงว่า การที่คุณหนูใหญ่แซ่หลี่คนนี้ตั้งใจพาเขามาถึงที่นี่ในวันนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นเรื่องดีเสียแล้ว!
แต่เขาก็ไม่ถึงกับหวาดกลัว
ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสามของสโมสร
ออกจากลิฟต์เลี้ยวขวา ในนั้นเป็นโถงขนาดใหญ่ ทั้งตรงกลาง ด้านซ้าย และด้านขวามีเวทีประลองตั้งอยู่จุดละหนึ่งเวที
ด้านข้างยังมีอุปกรณ์ออกกำลังกายจำนวนมาก ผนังสองฝั่งติดกระจกบานใหญ่
กระจกสูงจรดเพดานเบื้องหน้า เมื่อมองผ่านกระจกออกไปไกลๆ จะเห็นทิวทัศน์อันศิวิไลซ์ของเขตศูนย์กลางเศรษฐกิจ
บนเพดานสีดำเต็มไปด้วยหลอดไฟ แสงไฟส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถงทำให้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน หญิงชายหลายสิบคนกำลังออกกำลังกาย เวทีประลองทั้งสามมีคู่ฝึกซ้อมอยู่บนนั้น บรรยากาศคึกคักไม่เงียบเหงา
“พี่ใหญ่!” “พี่มู่ซือ!”
เมื่อเห็นหลี่มู่ซือ หลายคนพากันทักทาย ขณะเดียวกันก็ใช้สายตามองดูลู่เฉินด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลี่มู่ซือยิ้มตอบทักทาย ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นราชินีของที่นี่
มาตรวจตราพื้นที่ของตัวเอง!
ทั้งสองนั่งลงตรงที่นั่งพักผ่อนซึ่งอยู่ติดริมหน้าต่าง พนักงานนำน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ
หลี่มู่ซือเทน้ำชาให้ลู่เฉินด้วยตัวเอง พลางเอ่ยขึ้นว่า “เอาเรื่องงานก่อน มีบริษัทหนึ่งสนใจเว็บไซต์ระดมทุนของเรา อยากจะซื้อหุ้นส่วนหนึ่ง อย่างน้อย 25%!”
ลู่เฉินมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ฝ่ายนั้นให้ราคาเท่าไร”
พูดตามตรง เขาทำเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์เพื่อสะดวกในการออกอัลบั้ม และเพื่อหาเงินให้ได้เร็วไว
มีบริษัทอยากเข้ามาร่วมหุ้นด้วย แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี!
หลี่มู่ซือพูดต่อ “พวกเขาประเมินราคาของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ไว้ที่ยี่สิบล้าน…”
ยี่สิบล้าน?
ลู่เฉินขมวดคิ้ว…ราคาประเมินนี้น้อยไปหน่อย
ถ้าลู่เฉินทำเว็บไซต์นี้คนเดียว คนอื่นยอมจ่ายยี่สิบล้าน เขาก็คงจะขายไปหมดแบบไม่คิดอะไร
แต่ตอนนี้เว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์มีตระกูลหลี่ร่วมหุ้นอยู่ด้วย ยิ่งได้จดสิทธิบัตรรับรองแล้ว ราคาต้องสูงได้ยิ่งกว่านี้
ที่สำคัญที่สุดคือ เว็บไซด์ระดมทุนออนไลน์ได้ทำโครงการระดมทุนโครงการแรกลุล่วงไปแล้ว แถมยังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
โมเดลธุรกิจออนไลน์รูปแบบนี้แน่นอนว่าทำได้จริง และมีศักยภาพสูงมาก
อนาคตจะต้องไปได้ไกล!
หลี่มู่ซือสังเกตอาการของลู่เฉิน พลางพูดว่า “ราคาประเมินนี้ต่ำเกินไป บอกตามตรงเลย ตอนนี้ฉันให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์มาก ถ้านายยินยอม ฉันจะอ้างอิงตามราคาประเมินที่ห้าสิบล้าน ซื้อหุ้นของนาย 41%!”
หัวใจของลู่เฉินกระโดดโลดเต้นอย่างรุนแรง!
ราคาประเมินห้าสิบล้าน หุ้น 41% ก็เท่ากับยี่สิบล้านห้าแสน!
ราคาที่หลี่มู่ซือเสนอจริงใจมาก ควรรู้ว่าตั้งแต่ก่อตั้งเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์มาจนถึงตอนนี้เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงสองเดือน อีกทั้งตระกูลหลี่ยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักที่ลงมือทำ ลู่เฉินทำเพียงแค่ออกความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น
ไอเดียหนึ่งแลกกับเงินยี่สิบกว่าล้าน ในยุคนี้ก็มีแต่เว็บไซต์ออนไลน์เท่านั้นที่ทำได้อย่างน่าอัศจรรย์!
แต่ลู่เฉินไม่ได้ถูกจำนวนเงินมากมายมหาศาลทำให้ไขว้เขว เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ทำไมไม่ซื้อหุ้นทั้งหมดล่ะ เหลือไว้ให้ผม 10% เพื่ออะไร”
หลี่มู่ซือหัวเราะ “อย่างน้อยตอนนี้เว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ยังต้องการความช่วยเหลือจากนาย โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง นายทำประโยชน์ให้แก่บริษัทได้เป็นอย่างดีเชียวละ”
โครงการแรกของเว็บไซต์ระดมทุน คืออัลบั้มชุดแรกของลู่เฉิน ทั้งหมดสำเร็จได้เพราะเหล่าแฟนคลับของเขา เป็นการพิสูจน์ว่าลู่เฉินมีแรงดึงดูดมหาศาล ขณะเดียวกันเขายังเป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับคนในวงการบันเทิง
ทางบริษัทระดมทุนออนไลน์ได้รับการสอบถามจากบริษัทบันเทิงหลายเจ้าแล้ว
นอกจากนี้การทำโครงการระดมทุนให้กับอาชีพสายบันเทิง ยังมีประสิทธิภาพในการโฆษณา ไม่ใช่สิ่งที่โครงการธุรกิจอื่นจะทำได้เทียบเท่า!
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผมยอมรับราคาที่พี่ให้มา แต่หุ้น 10% ที่ผมถืออยู่ ต้องจัดเป็นหุ้นของผู้ก่อตั้งที่เปลี่ยนแปลงลดทอนไม่ได้!”
ตอนแรกที่เขาร่วมมือกับตระกูลหลี่ ได้ตกลงไว้ว่าอนาคตจะถอนหุ้นส่วนใหญ่ออกมา
แต่ลู่เฉินทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
ที่เรียกว่าหุ้นของผู้ก่อตั้งที่ปรับเปลี่ยนลดทอนไม่ได้นั้น หมายถึงในอนาคตไม่ว่าธุรกิจจะเจริญก้าวหน้าไปมากแค่ไหน ไม่ว่าเงินทุนจะเพิ่มขึ้นเท่าไร หุ้นของเขา 10% นี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!
หลี่มู่ซือประหลาดใจมาก
เดิมทีเธอคิดว่าใช้เงินยี่สิบล้านก็สามารถฟาดหัวลู่เฉินได้อย่างง่ายดาย กลับคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าที่เขาถามเมื่อครู่นี้ เขาแสร้งถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
เธอประมาทเกินไป หรืออาจจะประเมินลู่เฉินต่ำไป
หุ้น 10% ของผู้ก่อตั้งที่ไม่อาจลดทอนได้นั้น จะบอกว่ามากก็ไม่มาก แต่จะบอกว่าน้อยก็ไม่น้อย!
หลี่มู่ซือไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ให้ฉันคิดพิจารณาก่อน เรื่องงานนี้วางไว้ก่อน ตอนนี้เรามาคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่า”
ลู่เฉินถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องเกี่ยวกับเฉินเชี่ยนใช่ไหม”
หลี่มู่ซือจ้องเขาด้วยสายตาอันแหลมคม “ใช่แล้ว เมื่อคืนนายทำอะไรเธอกันแน่”
ลู่เฉินกระอักกระอ่วน “ผมจะทำอะไรเธอได้”
เขาเล่าเรื่องที่เมื่อคืนพาเฉินเชี่ยนไปพบกับใครคนหนึ่งให้หลี่มู่ซือฟัง เพื่อให้หลี่มู่ซือและครอบครัววางใจ
หลี่มู่ซือฟังจบ สายตาดูอ่อนลงจากเดิม
แต่เธอไม่คิดจะปล่อยลู่เฉินไป พูดอย่างเอาแต่ใจไร้เหตุผล “ใครใช้ให้นายมายุ่งเรื่องของชาวบ้าน เธอเป็นน้องสาวของฉัน ไม่ยอมให้นายมารังแกเธอเปล่าๆ ได้หรอก!”
ลู่เฉินตกใจ เพราะในความทรงจำของเขา หลี่มู่ซือไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล
ลู่เฉินถามว่า “แล้วพี่จะเอายังไง”
หลี่มู่ซือชี้นิ้วไปที่เวทีประลองบอกว่า “ง่ายมาก เพียงแค่นายเอาชนะฉันให้ได้ เรื่องนี้ก็ถือว่าหายกัน และฉันก็จะรับปากเรื่องหุ้นด้วย!”
“แต่ถ้านายแพ้…”
มุมปากของเธอหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย “นายจะต้องไปขอโทษเชี่ยนเชี่ยน และทำให้เธอพอใจ!”
ลู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองตามความคิดของหลี่มู่ซือไม่ทัน “พี่บอกว่าจะต่อสู้กับผม?”
หลี่มู่ซือพยักหน้า “ใช่แล้ว เชี่ยนเชี่ยนเรียนศิลปะการป้องกันตัวจากฉันเอง เธอบอกว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย…”
ผู้หญิงคนนี้นี่!
ลู่เฉินมองเห็นความตื่นเต้นที่เต้นระริกอยู่ในแววตาของเธอ เห็นได้ชัดว่าอยากลงสนามเต็มทีแล้ว
เธอพูดจริง!
ลู่เฉินส่ายหัว พูดอย่างเปิดเผยว่า “พี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม ผมไม่สู้กับผู้หญิง”
หลี่มู่ซือยิ้มเย็น “ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง นายอย่าคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงสิ!”
เธอรู้สึกว่าลู่เฉินพูดโอ้อวดเกินตัว
ลู่เฉินมองหลี่มู่ซืออย่างอึ้งๆ แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “ถ้าเป็นแบบนี้ พี่ต้องรับปากผมอีกเรื่อง ผมถึงจะลองสู้กับพี่ดู”
หลี่มู่ซือถามอย่างกระตือรือร้น “เงื่อนไขอะไร”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ง่ายมาก ถ้าพี่แพ้ ต่อไปอย่ามาตอแยพี่สาวของผมอีก”
หลี่มู่ซือเป็นเลสเบี้ยน เรียกสั้นๆ ว่าลาลา
ตอนแรกลู่เฉินไม่รู้ ต่อมาลู่ซีเล่าให้เขาฟังอยู่หลายครั้งว่าหลี่มู่ซือปฏิบัติต่อเธอแปลกๆ
ลู่เฉินรู้สึกไม่แน่ใจจึงถามหลี่มู่ไป๋ ฝ่ายหลังได้แต่อ้ำอึ้งบอกว่าไม่รู้
แต่ลู่เฉินรู้แล้ว
ลู่เฉินไม่ได้รังเกียจเลสเบี้ยน หลี่มู่ซือไม่ได้ทำเรื่องอะไรเกินเลย แต่เขาไม่อยากให้พี่สาวของเขาถูกรบกวนด้วยสาเหตุนี้
หลี่มู่ซือตะลึง แล้วหัวเราะขึ้นมา
เธอมองลู่เฉินด้วยสายตาหลายล้านความหมาย “ความจริงฉันชอบพี่สาวของนายมาก ในเมื่อนายเอ่ยปาก ฉันก็จะเห็นแก่นาย แต่นายต้องเอาชนะฉันให้ได้ก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นก็มาเลย!” ลู่เฉินลุกขึ้นยืนอย่างไม่หวาดหวั่น พร้อมกับพูดว่า “จัดการให้เสร็จจะได้จบเรื่อง”
ความเชื่อมั่นและความสุขุมเยือกเย็นของเขาทำให้หลี่มู่ซือขมวดคิ้ว
แต่หลี่มู่ซือไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะเธอไม่เชื่อว่าเธอจะแพ้ให้กับลู่เฉิน
“เปลี่ยนเสื้อผ้า!”
สถานที่แห่งนี้พร้อมสรรพ มีคนนำชุดยูโดชุดใหม่ที่พอดีตัวมาให้ลู่เฉินอย่างรวดเร็ว
หลังจากลู่เฉินเปลี่ยนแล้ว ก็ขึ้นไปบนเวทีประลองที่อยู่กลางห้องโถง
หลู่มู่ซือรออยู่บนนั้นแล้ว
ชุดของลู่เฉินเป็นชุดยูโดสีดำ ส่วนหลี่มู่ซือเป็นชุดสีขาวแนบเนื้อ เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งบนเรือนร่างของเธอ ดูเซ็กซี่มาก โดยเฉพาะเรียวขาสองข้างที่ยาวสวยยิ่งเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ ทั้งสวยงามและทรงพลัง
เมื่อเห็นทั้งคู่ขึ้นไปบนเวที คนอื่นพากันล้อมวงเข้ามาชมความสนุก
ชายหญิงเหล่านี้อายุไม่มาก แต่ทุกคนมีรูปร่างงดงาม ดูออกว่าเป็นผู้ที่ออกกำลังกายมานาน หลายคนมีมัดกล้ามเนื้อใหญ่โตเตะตา ต้องไม่ใช่คนทั่วไปที่เพาะกายเป็นงานอดิเรกแน่นอน
การต่อสู้ของหลี่มู่ซือและลู่เฉินดึงดูดความสนใจของทุกคน!
………………………………………………………………………………..