ตอนที่ 204 อิสระได้ตามใจ
ภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำของลู่เฉิน หลี่มู่ซือเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่สวยและฉลาดมากคนหนึ่ง
ปัดเรื่องรสนิยมทางเพศทิ้งไปไม่พูดถึง คุณหนูตระกูลหลี่ที่จบจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันคนนี้เป็นคนเปิดเผยใจกว้าง มีประสาทอันเฉียบไวในเรื่องของธุรกิจ บริษัทระดมทุนมู่เฉินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเธอทำผลงานได้โดดเด่นมีสีสัน มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลัง
ลู่เฉินนับถือเธอจริงๆ
เพียงแต่หลี่มู่ซือที่ยืนอยู่ตรงหน้าลู่เฉินในตอนนี้ กลับมีภาพลักษณ์อีกแบบหนึ่ง
เธอเหมือนเสือดาวสาวที่มีเขี้ยวแหลมคม เป็นความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในความสวยงาม!
โดยเฉพาะสายตาที่เธอใช้จ้องมองลู่เฉิน ฉายแววกระเหี้ยนกระหือรือราวกับกำลังจ้องเหยื่ออันโอชะ ตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่
“ฮ่าๆ เจ้านี่เป็นใครกัน”
“มาแข่งกับพี่ใหญ่ของเรา หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ”
“พวกนายว่าน้องชายคนนี้กล้าหาญมากจริงๆ หรือไม่รู้ว่าพี่หลี่มู่ซือของเราเก่งแค่ไหนกันแน่”
“เขาต้องไม่รู้แน่ๆ…”
ถ้าเปรียบเทียบด้วยรูปร่างของทั้งสองฝ่ายเพียงอย่างเดียว ลู่เฉินสูงเกิน 180 เซนติเมตรได้เปรียบหลี่มู่ซืออยู่หลายขุม และการออกกำลังกายที่ทำอย่างสม่ำเสมอมาเป็นระยะเวลายาวนานรวมถึงการกินอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วน ก็ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงมีกล้ามเนื้อพอดู
อีกทั้งลู่เฉินยังเป็นผู้ชาย ตามหลักแล้วคนที่มุงดูอยู่น่าจะเห็นใจหลี่มู่ซือมากกว่า
แต่ความจริงกลับตาลปัตร คนที่ล้อมวงอยู่ด้านล่างของเวทีประลองกลับมองลู่เฉินด้วยสายตาแฝงแววขบขัน ยินดีปรีดาในคราวเคราะห์ของผู้อื่น บางคนถึงกับสงสารเวทนา
มีคนจำลู่เฉินได้ “เอ๋? นั่นไม่ใช่แชมป์รายการขับร้องให้ก้องจีนหรอกเหรอ”
“ขับร้องให้ก้องจีนอะไร เธอจะบอกว่าเขาเป็นคนร้องเพลง?”
“อืม! เป็นคนร้องเพลง ร้องเพลงได้ดีมีพรสวรรค์มากเชียวละ เพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เคยได้ยินไหม นั่นแหละเขาร้อง”
“เหอๆ นี่พี่มู่ซือกะจะทารุณพวกอ่อนหัดเลยเหรอเนี่ย!”
คำวิจารณ์ของพวกเขาลอยเข้าหูลู่เฉินอย่างชัดเจน ทำให้มุมปากเขากระตุกไปมา
ที่แท้เขาเป็นเพียงแค่คนร้องเพลงเหรอ
ก็ไม่ได้พูดผิด
หลี่มู่ซือสังเกตเห็นท่าทางของลู่เฉิน เธอยิ้มน้อยๆ บอกว่า “นายวางใจเถอะ ฉันจะอ่อนโยนหน่อย”
ลู่เฉินรู้สึกว่ามุมปากของตัวเองกระตุกจนจะเป็นตะคริว
เขาถอนใจแล้วบอกว่า “พี่มู่ซือ ลงมือเถอะ”
สายตาของหลี่มู่ซือพลันเปล่งประกายสว่างวาบ ก้าวไปข้างหน้าเข้าประชิดตัวลู่เฉินในชั่วพริบตา
เหมือนเสือดาวที่กระโจนออกมาจากป่าพุ่งตรงเข้าไปตะปบเหยื่อ!
ในระยะประชิดเช่นนี้ เธอวาดแขนขวา รวบนิ้วทั้งสี่เข้าด้วยกัน งอนิ้วโป้งให้ชิดกับโคนนิ้วชี้ ท่าสับสันมือมาตรฐานเตรียมฟาดลงไปที่ต้นคอของลู่เฉิน การเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนลมพัด
ถ้าเป็นคนอื่นเกรงว่ายังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ คงถูกเธอซัดจนล้มลงไปกองกับพื้น
อาจถึงขึ้นสลบเหมือดก็เป็นได้!
แต่ลู่เฉินเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เขายกแขนซ้ายขึ้นอย่างไม่ลังเล ใช้ข้อศอกกันมือที่ฟันลงมาของหลี่มู่ซือ พร้อมกันนั้นเขากำหมัดขวาซัดออกไปที่ใบหน้าของเธอ
ผัวะ!
สันมือของหลี่มู่ซือกระทบกับข้อศอกของลู่เฉิน ไม่อาจเอาชนะได้ด้วยการโจมตีครั้งนี้
เธอหลบหมัดของลู่เฉินได้อย่างว่องไว บิดเอวกระโดดถอยตัวออกห่าง แล้วยกขาขวาเรียวยาวขึ้น หมุนตัวเตะสวนกลับไปอย่างสวยงาม!
สองฝ่ายต่อสู้ระยะประชิด ท่าโจมตีกลับของหลี่มู่ซือช่างน่าตื่นตาตื่นใจ ลูกเตะของเธอมีพลังมหาศาล
“เยี่ยม!”
คนที่ล้อมอยู่ด้านล่างเวทีร้องชื่นชม แต่ละคนดูตื่นเต้นสุดขีด!
ในสายตาของพวกเขาลู่เฉินแพ้แน่นอน การโจมตีอย่างอิสระของหลี่มู่ซือ แม้ไม่อาจเทียบกับระดับปรมาจารย์ แต่การจะล้มนักร้องคนหนึ่งไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง
แม้ลู่เฉินดูจะมีฝีมืออยู่บ้างก็ตาม
พลั่ก!
แต่ลูกเตะย้อนกลับของเธอถูกลู่เฉินยกแขนซ้ายขึ้นมากันไว้ได้อีกครา ทำให้คนอื่นผิดหวัง!
ยังไม่ทันรอให้เธอถึงพื้น ลู่เฉินตะแคงตัวส่งหมัดออกไปอีกครั้ง
หมัดนี้ดูเหมือนช้าแต่ความจริงแล้วเร็วมาก หมัดเปี่ยมไปด้วยพลังทั้งยังเงียบเชียบไม่มีสัญญาณ
หมัดลอยผ่านอากาศไปสู่ท้องของหลี่มู่ซือ!
หลี่มู่ซือยังลอยอยู่กลางอากาศไม่มีที่ให้หลบ ตามมาด้วยเสียงทึบๆ ทีหนึ่ง ร่างของเธอลอยละลิ่วออกไปเหมือนว่าวที่สายขาด ตกหนักๆ ลงบนพื้นเวทีห่างออกไปหลายเมตร!
รอบเวทีเงียบกริบ สีหน้าของผู้ชมตะลึงค้างเหมือนกับเห็นผี!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
พวกเขาคิดว่าลู่เฉินที่กล้าประลองกับหลี่มู่ซือจะต้องถูกจัดการจนราบคาบ คาดว่าคงยืนอยู่บนเวทีได้ไม่นาน ผลแพ้ชนะไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้จากที่ทั้งสองเพิ่งประมือกัน หลี่มู่ซือถูกซัดจนลอยกระเด็นตกพื้น กลับกลายเป็นฝ่ายที่ทนการโจมตีไม่ได้
ทุกคนผิดคาด ทั้งหมดเงียบกริบไม่มีใครส่งเสียง
ลู่เฉินรวบมือเข้าด้วยกัน ยิ้มบางพูดว่า “พี่มู่ซือ ขอบคุณที่ออมมือ”
ภายใต้รอยยิ้มของเขาปิดบังความเจ็บปวดอยู่
แม้จะเอาชนะหลี่มู่ซือได้โดยไม่คาดคิด แต่ลู่เฉินก็ใช่ว่าจะไม่บาดเจ็บเลย แขนที่ใช้รับลูกเตะของเธอเมื่อครู่ยังชาและปวดระบมอยู่เลย น่าจะบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ
พลังเตะของหลี่มู่ซือรุนแรงมาก เขายังฝึกร่างกายมาไม่ดีพอ
หลี่มู่ซือกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน จ้องมองลู่เฉินเขม็ง ดวงตาฉายแววอับอายและไม่ยอมจำนน
มือขวาของเธอกุมท้องอยู่…หมัดของลู่เฉินหนักจริงๆ
ไม่มีความเมตตาเลยสักนิด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ฉันแพ้แล้ว…”
คุณหนูหลี่เป็นคนหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี แพ้ก็คือแพ้ เธอไม่อาจกลับคำหรือพลิกลิ้นได้
แต่เธอยังไม่ยอมรับอย่างแท้จริง!
ลู่เฉินแอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
บอกตามตรงว่าฝีมือการต่อสู้ของหลี่มู่ซือแข็งแกร่งมาก แต่เพียงเพราะอยากเอาชนะ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ได้เปรียบอย่างแท้จริง เธอกลับใช้ท่าหมุนตัวเตะ แสดงว่าเธอประมาทลู่เฉินเกินไป ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ลู่เฉินรู้ทักษะการต่อสู้มาจากโม่หราน
ในโลกแห่งความฝันของเขาแม้โม่หรานจะไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียง แต่ด้านศิลปะการต่อสู้เขาฝึกหนักมาก ทั้งยังมีประสบการณ์ผ่านการต่อสู้กับคนอื่นมามากมาย มีพลังที่แท้จริงซ่อนอยู่ในตัว
ตั้งแต่วันนั้นที่ตื่นขึ้นมา ลู่เฉินออกกำลังทุกวันแม้ฝนตกมีพายุก็ไม่หวั่น ร่างกายของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีพรสวรรค์คอยเกื้อหนุน ถึงตอนนี้แม้ไม่อาจบอกได้ว่าได้รับการถ่ายทอดมาทั้งหมดแล้ว แต่ให้โจมตีหลี่มู่ซือที่ประมาทคู่ต่อสู้เขาทำได้ไม่ยากเย็น
หากให้เวลาลู่เฉินได้ฝึกมากกว่านี้ เขาต้องแข็งแกร่งกว่าโม่หรานแน่นอน เพราะเขายังหนุ่มแน่น!
ถ้าหลี่มู่ซือยังคิดจะสู้กับลู่เฉินต่อ ผลลัพธ์นั้นบอกได้ยาก ตอนนี้เธอทำได้เพียงกล้ำกลืนความพ่ายแพ้
หลี่มู่ซือแพ้ได้ เธอปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เชิดหน้าขึ้นอีกครั้งบอกกับลู่เฉินว่า “ครั้งหน้า ฉันจะไม่ยอมให้นายชนะได้ง่ายๆ แบบนี้หรอก!”
ยังจะมีครั้งหน้าอีก?
ลู่เฉินส่ายหัว…การเอาชนะผู้หญิงได้ไม่มีความหมายอะไร และไม่ใช่เรื่องที่น่าเชิดชูแต่อย่างใด
ถ้ามีโอกาส เขาอยากจะหาคู่ซ้อมคนอื่นจากที่นี่มากกว่า
ลู่เฉินกวาดสายตาไปทางผู้ชมรอบเวทีประลอง ในบรรดาพวกเขาต้องมีใครสักคนที่เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อของเขา
ในหัวของลู่เฉินเกิดความคิดดีๆ ขึ้น
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
เขาลงจากเวทีประลอง
ตอนนี้เอง สายตาของผู้ชมที่จ้องมองเขาแตกต่างกันไป มีทั้งความตกใจ ความยำเกรง ความอยากรู้อยากเห็น…
ลู่เฉินมาถึงห้องเปลี่ยนชุด ถอดชุดยูโดออก ใส่เสื้อผ้าของตัวเองอีกครั้ง
เขากลับมานั่งตรงที่นั่งพักผ่อนที่เคยนั่งอยู่ก่อนหน้านี้
ไม่นานหลี่มู่ซือก็มาถึง
คุณหนูหลี่คนนี้ใจเย็นลงแล้ว ราวกับเธอทำใจยอมรับเรื่องที่เธอแพ้ให้กับลู่เฉินได้แล้ว
แต่จากประกายตาของเธอ เห็นชัดว่าเธอจะไม่ให้เรื่องจบง่ายๆ
“ลู่เฉิน นายไปเรียนวิชาการต่อสู้มาจากไหน”
หลี่มู่ซือสงสัย เธอเคยอ่านข้อมูลส่วนตัวของลู่เฉิน ในนั้นไม่ได้บอกว่าเขาเคยฝึกศิลปะการป้องกันตัว
แต่ความจริงแล้วฝีมือของเขากลับดีมาก
คุณหนูหลี่ยังรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องอยู่เลย สีหน้ายังเจือด้วยการกัดฟันจากความเจ็บปวด
เธอไม่เคยพ่ายแพ้อย่างราบคาบมาก่อน!
ลู่เฉินรู้ว่าหลี่มู่ซือกำลังตะล่อมหลอกถามเขาอยู่ เขายิ้มแล้วตอบว่า “เรียนเองครับ…”
เขายื่นมือออกมาเคาะบนโต๊ะเบาๆ ถามว่า “เงื่อนไขที่พี่ตกลงไว้ จะไม่เปลี่ยนแปลงใช่ไหม”
หลี่มู่ซือแค่นเสียง ‘ฮึ’ ตอบว่า “เงินยี่สิบล้านซื้อหุ้นบริษัทระดมทุนมู่เฉินจากนาย 41% นายยังเก็บหุ้นอีก 10% ไว้เป็นหุ้นของผู้ก่อตั้งที่ลดทอนถ่ายโอนไม่ได้ พรุ่งนี้เรามาทำสัญญากัน!”
“ส่วนเรื่องพี่สาวของนาย…”
เธอถลึงตาใส่ลู่เฉิน “ต่อไปฉันจะไม่เข้าไปหาเธอก่อน นอกเสียจากว่าเธอจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเอง”
ลู่เฉินกดข่มความดีใจไว้ไม่อยู่ พูดอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณมากครับ พี่มู่ซือ!”
ลู่เฉินขอบคุณหลี่มู่ซือจากใจจริง
เมื่อมีเงินก้อนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถใช้หนี้ของครอบครัวได้ทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านี้ เงินที่เหลือจากการใช้หนี้ เขายังนำมาทำความฝันที่เก็บเอาไว้ในใจให้เป็นจริงได้!
ตั้งแต่นี้ไปเขาเป็นคนปลอดหนี้ ตั้งแต่นี้ไปเขาจะทำอะไรอย่างที่ฝัน แสดงความสามารถของตัวเองออกมาได้อย่างอิสระเสรี!
หลี่มู่ซือเองก็ไม่ได้เสียเปรียบ เธอควบคุมกิจการอยู่ในมือ บริษัทระดมทุนมู่เฉินมีอนาคตอันสดใส
แม้ลู่เฉินยอมขายหุ้นส่วนใหญ่ให้ในตอนนี้ อาจจะเสียผลประโยชน์ในวันข้างหน้า
แต่เขารู้จักความพอเพียง
หากเทียบกับการทุ่มเทของเขา เงินยี่สิบล้านนี้เป็นผลตอบแทนที่น่าตกใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหุ้นอีก 10% ที่ยังเหลืออยู่
ลู่เฉินพึงพอใจแล้ว
หลี่มู่ซืออดทนเห็นลู่เฉินดีใจแบบนี้ไม่ได้ เอ่ยว่า “นายอย่าเพิ่งดีใจเร็วนัก ฉันยังมีอีกเงื่อนไขหนึ่ง!”
ลู่เฉินตกตะลึง “เงื่อนไขอะไร”
หลี่มู่ซือตอบ “ต่อไปทุกเดือนนายต้องมาที่นี่ เป็นคู่ซ้อมให้กับฉัน ไม่อย่างนั้น…”
ไม่รอให้เธอพูดจบ ลู่เฉินรับปากทันที “ไม่มีปัญหา! ขอแค่ผมมีเวลาว่าง จะต้องมาแน่นอน!”
สถานที่ฝึกซ้อมแบบนี้ ดีเสียยิ่งกว่าดี!
ส่วนเรื่องการเป็นคู่ซ้อมให้หลี่มู่ซือนั้น เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
หลี่มู่ซือเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีคนหนึ่ง
ลู่เฉินรับปากแบบไม่ลังเล ทำให้หลี่มู่ซือรู้สึกว่าแผนการของเธอดูจะล้มเหลว
คุณหนูหลี่ไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เธอจะจำไว้ในใจ…จะต้องมีสักวันที่ได้เอาคืน!
บ่ายวันต่อมา ณ บริษัทระดมทุนมู่เฉิน ทั้งสองฝ่ายได้เซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นอย่างเป็นทางการ
ตามข้อตกลง จำนวนเงินที่ซื้อหุ้นจะถูกโอนเข้าสู่บัญชีของลู่เฉินภายในสามวัน
จัดการเรื่องใหญ่เสร็จแล้ว แต่ลู่เฉินก็ไม่ได้ทำตัวย่อหย่อน
การงานของเขาเพิ่งเริ่มต้น!
เช้าวันที่ 10 ตุลาคม ลู่เฉินมาถึงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์ศิลปะสมัยใหม่
เขามีนัดกับหลินจื้อเจี๋ย เพื่อร่วมประชุมทดลองฟังเพลงหลักในอัลบั้มแรกของวงเอ็มเอสเอ็น
เพลงที่ใช้เป็นเพลงหลัก แน่นอนว่าออกจากปลายปากกาของลู่เฉิน!
…………………………………………………………………………………………