Perfect Superstar – ตอนที่ 250 จริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์

Perfect Superstar

ตอนที่ 250 จริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์

มีบางคนบอกว่าถ่ายภาพฟิตติ้งเหมือนถ่ายภาพแต่งงาน ดูแล้วสวยงาม แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ลำบากมากเรื่องหนึ่ง

ภาพฟิตติ้งของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ใช้เวลาสองวันเต็มถึงถ่ายเสร็จ

แต่ทั้งสองคนไม่รู้สึกลำบากอะไร เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกมีความสุขยิ่งกว่า สุดท้ายเธอเลือกรูปถ่ายที่ยังไม่ได้ตกแต่งไปหนึ่งเซต เธอบอกว่าจะเอาไปโปรโมตในบล็อกของตัวเอง

ถ่ายภาพฟิตติ้งเสร็จแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในตอนที่สามของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’

สิ่งที่รอต้อนรับทั้งสองคนอยู่ คือการถ่ายทำที่ต้องใช้เวลายาวถึงสองเดือน

และสิ่งที่ทำให้ลู่เฉินคาดไม่ถึงก็คือ ตอนบ่ายของวันนั้น ลู่ซีพี่สาวของเขาได้มาที่จินหลิง

คนที่มาด้วยยังมีจางเต๋อผู้จัดการใหญ่ของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส แล้วก็ยังมีหัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน!

เย็นวันนั้น ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนเป็นเจ้าภาพ จัดเลี้ยงอาหารต้อนรับแขกในโรงแรมใหญ่ที่พวกเขาอาศัยอยู่

ความจริงหากจะพูดให้ถูก แขกที่แท้จริงมีเพียงตัวแทนของสถานีโทรทัศน์ไห่จินเท่านั้น

เนื่องจากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นการลงทุนถ่ายทำของทั้งสามฝ่ายคือกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส สตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ และสตูดิโอลู่เฉิน ส่วนจุดประสงค์ที่สถานีโทรทัศน์ไห่จินส่งตัวแทนมาเจรจา ก็เพราะต้องการสิทธิ์ในการออกอากาศละครเรื่องนี้เป็นเจ้าแรก!

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สหรือว่าสตูดิโอลู่เฉินต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีผู้จัดการใหญ่สองคนร่วมเดินทางมาด้วยเพื่อพบปะเจรจากับกับลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์

จางเต๋อผู้จัดการใหญ่ของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สอายุสี่สิบปีกว่า ตัวเล็กเตี้ยหน้าเหลี่ยมคิ้วบาง สีหน้าเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลม พูดจาห้วนเล็กน้อย แต่เขากลับมีมารยาทและสุภาพมากต่อลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์

ตอนที่เจอหน้า จางเต๋อจับมือกับเฉินเฟยเอ๋อร์เบาๆ จับแล้วรีบปล่อยมือทันที

แต่เขากลับจับมือลู่เฉินแรงนิดหน่อย พูดจาอย่างร่าเริงสดใส “ได้ยินชื่อเสียงของคุณลู่เฉินมานานแล้ว วันนี้ได้เจอหน้าเป็นครั้งแรก สมคำร่ำลือจริงๆ ขอบคุณมากๆ ที่คุณให้โอกาสร่วมงานกับกานเต๋อบราเธอร์ส์พิคเจอร์สของพวกเราในครั้งนี้นะครับ!”

ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยว่า “ผู้จัดการจางเกรงใจไปแล้วครับ!”

จางเต๋อกล่าวว่า “ต้องเกรงใจอยู่แล้วครับ เพราะครั้งนี้ได้ดึงดูดหงส์ทองมาด้วย ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักก่อน…”

เขากำลังแนะนำ จงเยวี่ย หัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน

จงเยวี่ยอายุสามสิบปีกว่า เป็นผู้ชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่แบบคนเหนือ หน้าเหลี่ยมตามมาตรฐาน คิ้วหนาตาโตโครงหน้าชัดเจน หากอยู่ในละครจะต้องได้รับบทคนดีแน่นอน

อายุสามสิบกว่าปีก็ได้นั่งตำแหน่งนี้แล้ว แสดงว่าจงเยวี่ยไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

เขาสุภาพกับลู่เฉินเป็นอย่างมาก แถมยังเอ่ยชมลู่เฉินสองสามประโยค

ฝ่ายลู่เฉินก็กล่าวคำทักทายปราศรัยอย่างสุภาพ ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์ก็พูดคุยกับลู่ซี

เฉินเฟยเอ๋อร์เคยไปสตูดิโอลู่เฉิน แน่นอนว่ารู้จักลู่ซี ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่สนิทถึงขั้นนับเป็นพี่สาวน้องสาว แต่พอเจอหน้ากันก็มีเรื่องให้คุยกันมากมาย

ทว่าการเจอหน้าลู่ซีครั้งนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ที่ไม่เกรงกลัวอะไรกลับกังวลเล็กน้อย หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา พูดจาระมัดระวังมากขึ้น

หลังจากแนะนำให้รู้จักกันแล้ว ทุกคนจึงนั่งลงพร้อมกัน แล้วคุยเรื่องงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในประเทศมีสถานีโทรทัศน์น้อยใหญ่สามสี่พันสถานี แต่สถานีโทรทัศน์สัญญาณดาวเทียมมีเพียงสี่สิบกว่าสถานีเท่านั้น และสถานีโทรทัศน์ไห่จินก็คือหนึ่งในนั้น ขนาดและความสามารถจึงไม่ด้อยแน่นอน

ทว่าในสถานีโทรทัศน์สี่สิบกว่าแห่งนี้ สถานีโทรทัศน์ไห่จินมีตัวตนน้อยมาก

พูดอีกอย่างก็คืออัตราเฉลี่ยเรตติ้งผู้ชมไม่สูงเลย

ยังไม่ต้องนำมาพูดเทียบเคียงกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานที่เป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ เพราะแม้แต่สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมหลายแห่งในมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังไม่มีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่เคยมีโปรแกรมเด็ดๆ อะไรให้เอาไปอวดได้เลย

สถานีโทรทัศน์ไห่จินในฐานะหนึ่งในสี่สถานีโทรทัศน์ใหญ่ที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล จึงรู้สึกขายหน้าจริงๆ

มีคนเคยวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ นอกจากปัญหาที่ตัวของสถานีโทรทัศน์ไห่จินแล้ว สาเหตุสำคัญก็คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงเกินไป เมื่อมีสถานีโทรทัศน์กลาง (ซีซีทีวี) กับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งสองเจ้าใหญ่อยู่แล้ว จึงสูญเสียคนเก่งมีความสามารถไปอย่างง่ายดาย

ยังไม่ต้องพูดว่าความคิดนี้ถูกต้องหรือไม่ จุดอ่อนของสถานีโทรทัศน์ไห่จินมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีรายการวาไรตี้เด็ดๆ ที่มีเรตติ้งผู้ชมสูง และพวกเขาก็ไม่ได้สิทธิ์ออกอากาศครั้งแรกของละครโทรทัศน์ยอดนิยม จึงได้แต่กินของเหลือเดน

แน่นอนว่าสถานีโทรทัศน์ไห่จินย่อมไม่ยอมตกต่ำแบบนี้ รายการประกวดจึงถูกจัดขึ้นอย่างอลังการเมื่อปีที่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือเรตติ้งผู้ชมต่ำลงถึงขีดสุด สุดท้ายต้องจบอย่างลวกๆ และรายได้จากโฆษณาก็ไม่พอจ่ายค่าต้นทุน

ตอนนี้หัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน จึงมาเจรจาธุรกิจเพื่อละครโทรทัศน์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งเกินความคาดหมาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่ออะไร

ตอนนี้สถานีโทรทัศน์ที่สนใจอยากจะออกอากาศละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นครั้งแรกมีสถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่อย่างเช่นสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงด้วย แต่เงื่อนไขที่ทั้งสองเจ้าเสนอมาไม่สูงมาก อย่างน้อยก็ไม่ถึงเป้าที่ผู้ลงทุนทั้งสามฝ่ายตั้งไว้

ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าหากไม่มีคนดังอย่างเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นจุดขาย ต่อให้ลู่เฉินกับกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สเป็นฝ่ายไปหาถึงที่ ก็ใช่ว่าทั้งสองสถานีจะให้ความสนใจ หากยินดีที่จะเจรจาก็คงให้สัญญาที่เอาเปรียบมาก

จำนวนละครที่ถ่ายทำในแต่ละปีของประเทศจีนมีเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะออกอากาศในสถานีโทรทัศน์เล็กๆ ของเมืองระดับสามระดับสี่เท่านั้น การแข่งขันดุเดือดจนยากที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้

สถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรคุณภาพย่อมคัดเลือกอย่างระมัดระวัง รอเงื่อนไขที่ดีแล้วจึงค่อยตกลงเว้นเสียแต่ว่าเป็นดาราเบอร์ใหญ่ ผู้กำกับใหญ่ หรือผลงานหนังและละครที่ดังมากๆ ไม่อย่างนั้นน้อยมากที่พวกเขาจะลดอัตตาลงไปคุยด้วย

ขณะนี้ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นหัวข้อฮิตอยู่ในบล็อกล่างฉาว นอกจากการโฆษณาอย่างเต็มที่ของลู่เฉินแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นละครโทรทัศน์ที่เฉินเฟยเอ๋อร์รับบทนางเอกเป็นเรื่องแรก

ตอนนี้การโปรโมตขนานใหญ่ยังไม่ทันเริ่มขึ้น สถานีโทรทัศน์ไห่จินก็มาหาถึงที่ สงสัยคงคิดจะมาเก็บของดี

หลังจากสั่งอาหารและเหล้าไวน์เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงรับประทานและพูดคุยไปพร้อมๆ กัน ด้วยบรรยากาศที่สนิทสนมปรองดองกันเป็นอย่างมาก

การเจรจาธุรกิจบนโต๊ะอาหารเป็นประเพณีนิยมในประเทศจีน ดื่มเหล้าครบสามแก้วแล้ว จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นเพื่อนกัน คำพูดที่ไม่น่าฟังทั้งหลายสามารถพูดเปิดอกออกมาโดยอาศัยความมึนเมา ถือว่าเป็นวัฒนธรรมธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ระหว่างต่างฝ่ายต่างยกเหล้าให้กันนั้น ลู่เฉินก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเสนอราคาครั้งแรกของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน

จงเยวี่ยเป็นตัวแทนของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน เสนอซื้อสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกเพียงเจ้าเดียวของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ โดยซื้อขาดที่ราคาสามแสนหยวนต่อหนึ่งตอน

ทั้งหมดยี่สิบตอนรวมเป็นหกล้านหยวน

ในฐานะที่ซื้อขาดเพียงเจ้าเดียว ราคาถือว่าไม่สูงอย่างไม่ต้องสงสัย กระทั่งต่ำไปนิดหน่อยด้วยซ้ำ

อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แค่ค่าจ้างของเฉินเฟยเอ๋อร์คนเดียวก็หลายล้านแล้ว บวกกับลู่เฉินและนักแสดงคนอื่นๆราคาหกล้านหยวนแทบจะไม่พอจ่ายต้นทุนค่าจ้างนักแสดง

แน่นอนว่าสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกเพียงเจ้าเดียวจำกัดอยู่ที่สถานีโทรทัศน์เท่านั้น แต่สิทธิ์ในการออกอากาศออนไลน์เพียงเจ้าเดียวยังสามารถขายได้อีก

นอกจากนี้ถ้าหากออกอากาศครั้งแรกประสบความสำเร็จ เช่นนั้นการออกอากาศซ้ำก็สามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่านี้

ละครโทรทัศน์หลายเรื่องก็อาศัยการทำกำไรจากการขายสิทธิ์ออกอากาศซ้ำ

การเสนอราคาแบบนี้ ไม่มีข้อดีใดๆ เมื่อเทียบกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตง

แต่ในเมื่อจงเยวี่ยมาด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ต้องมาด้วยความจริงใจ

สถานีโทรทัศน์ไห่จินนอกจากเสนอราคาซื้อขาดสามแสนหยวนต่อหนึ่งตอนแล้ว ยังให้ข้อเสนอที่ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งหรือสถานีโทรทัศน์เจ้อตงก็ให้ไม่ได้

นั่นคือข้อตกลงเงื่อนไขขึ้นราคาตามเรตติ้ง

เรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 0.25% เป็นจุดหลัก ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้น 0.10% ราคาซื้อขาดต่อหนึ่งตอนจะจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นหยวน!

ซึ่งหมายความว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่ออกอากาศครั้งแรกในสถานีโทรทัศน์ไห่จิน ถ้าหากเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศของยี่สิบตอนต่ำกว่า 0.25% เช่นนั้นราคาซื้อขาดของสถานีโทรทัศน์ไห่จินก็คือสามแสนหยวนต่อหนึ่งตอน

แต่ถ้าหากเพิ่มถึง 0.35% นั่นก็คือราคาสี่แสนหยวนต่อหนึ่งตอน และไม่มีการจำกัดเพดาน!

นอกจากนี้ไม่ว่าเรตติ้งจะสูงหรือต่ำ สถานีโทรทัศน์ไห่จินก็จะซื้อในราคาขั้นต่ำที่หกล้านหยวน

เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ไห่จินให้ข้อเสนอที่จริงใจแบบนี้ ดังนั้นผู้จัดการใหญ่จางเต๋อของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สกับลู่ซี จึงยอมมาที่จินหลิงเป็นเพื่อนจงเยวี่ย

เพระว่าข้อตกลงเสนอราคาแบบนี้ สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งหรือสถานีโทรทัศน์เจ้อตงนั้นไม่มีทางให้

บางทีในสายตาของคนนอกอาจจะเข้าใจยาก เพราะข้อตกลงเงื่อนไขแบบนี้เป็นข้อตกลงที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เรตติ้งยิ่งสูงการขายโฆษณาก็ยิ่งสูงขึ้น แล้วทำไมสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกับสถานีโทรทัศน์เจ้อตงถึงไม่ตกลงล่ะ

เหตุผลง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส ลู่เฉิน หรือแม้กระทั่งเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเสนอเงื่อนไขแบบนี้

ซึ่งจะทำผิดกฎเกณฑ์ไม่ได้

แต่ที่สถานีโทรทัศน์ไห่จินพูดแบบนี้ได้ ก็เพราะว่ามีตำแหน่งในวงการที่ไม่มั่นคงพอ ดังนั้นจึงยอมลดตัวและอัตตาลง

ราคาซื้อขั้นต่ำหกล้านหยวนถือว่ามีความจริงใจมากพอ และเงื่อนไขการเพิ่มราคาก็แค่อยากลองเดิมพันสักครั้ง!

สำหรับละครสุดสัปดาห์นั้น ถ้าอยากจะได้เรตติ้งทั่วประเทศที่ 0.25% นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพิ่มเรตติ้งได้ 0.1% ก็ถือว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากแล้ว มีประโยชน์ในการส่งเสริมโฆษณาอย่างชัดเจน

เมื่อทำความเข้าใจการเสนอราคาในขั้นแรกของสถานีโทรทัศน์ไห่จินแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จึงมองหน้ากันและกัน

เฉินเฟยเอ๋อร์ใช้สายตาบอกลู่เฉินว่า…ราคานี้สามารถคุยกันได้!

ลู่เฉินเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ถึงแม้จะรู้สึกพอใจมาก แต่สีหน้าของเขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ยกแก้วขึ้นแล้วพูดกับจงเยวี่ยว่า “หัวหน้าจงครับ ผมขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว ขอบคุณที่คุณชื่นชอบละครเรื่องนี้ของพวกเรา!”

“แต่ผมยังเด็กมาก ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไร เอาอย่างนี้ดีกว่าวันพรุ่งนี้คุณมาดูละครตัวอย่างของพวกเราก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีไหมครับ”

การเจรจาธุรกิจไม่ใช่เรื่องถนัดของลู่เฉิน เรื่องเฉพาะทางก็ควรให้มืออาชีพเป็นคนจัดการ ถ้าหากเขาเผลอแบไต๋อย่างนั้นการเจรจาหลังจากนี้ก็คงลำบาก ทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ไม่ว่าจะเป็นการซื้อในราคาขั้นต่ำหรือว่าข้อตกลงเงื่อนไขการเพิ่มราคา ต้องเจรจาใหม่อีกครั้ง

และนั่นก็เป็นเรื่องของจางเต๋อกับลู่ซี

จงเยวี่ยตาเป็นประกายแวบหนึ่ง ยกแก้วขึ้นมาชนกับลู่เฉิน และยิ้มพลางเอ่ยว่า “คุณลู่เฉินเกรงใจไปแล้ว ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ!”

เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ กระทั่งแอบชื่นชมอยู่ในใจว่าเป็นเด็กรุ่นหลังที่มีพลังน่าเคารพเลื่อมใส

ไม่ใช่แค่จงเยวี่ยเท่านั้น แม้แต่จางเต๋อก็ยังมองลู่เฉินในมุมมองที่แปลกออกไป เมื่อครู่เขายังเป็นห่วงว่าลู่เฉินยังเด็กจะหุนหันพลันแล่น ตื่นเต้นกับข้อเสนอของอีกฝ่ายแล้วตอบตกลงทันที หากเป็นแบบนั้นเราจะเสียเปรียบ

ตอนนี้ลู่เฉินดูเหมือนจะมีความชำนาญมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้

ลู่เฉินยิ้มตอบ “นอกจากนี้ผมกับพี่เฟยเอ๋อร์จะบันทึกเสียงเพลงประกอบหลักในวันพรุ่งนี้ด้วย ยินดีต้อนรับคุณจงมาช่วยชี้แนะและเสนอความคิดเห็นอันมีค่าด้วยนะครับ!”

จงเยวี่ยแสดงสีหน้าประทับใจ “อย่างนั้นผมจะไปฟังแน่นอนครับ ยิ่งหาโอกาสยากอยู่”

เขามาที่จินหลิงนอกจากเจรจาธุรกิจแล้ว ยังต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ในการถ่ายทำอย่างแท้จริง ถือว่าประจวบเหมาะพอดี

ทุกคนหัวเราะขึ้นมา บรรยากาศของงานเลี้ยงดำเนินไปอย่างคึกคักสนิทสนมและกลมเกลียวกัน

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Status: Ongoing
ชีวิตของลู่เฉินดั่งมรสุมรุมเร้า ทว่าสวรรค์ยังคงเมตตาคนสู้ชีวิต ความทรงจำและความสามารถจากในความฝัน จะช่วยปูทางให้เขากลายเป็น Perfect Superstar เอง!ลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปีจำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาลวันหนึ่งเขาฝัน…เป็นความฝันที่ยาวนานมากโลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกันนักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระเขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝันเมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมาเป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท