Perfect Superstar – ตอนที่ 275 ยืมเงิน

Perfect Superstar

ตอนที่ 275 ยืมเงิน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 แล้ว

เนื่องจากวันที่ 7 เดือนกุมภาพันธ์คือวันส่งท้ายปีเก่า ดังนั้นบรรยากาศฉลองปีใหม่จึงคึกคักยิ่งขึ้น โรงเรียนปิดเทอมภาคฤดูหนาวแล้ว กิจการและบริษัทก็เข้าสู่จังหวะของปีใหม่ มีการโชว์รูปโบนัสสิ้นปีในโมเมนต์ต่างๆ นานา

วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ลู่เฉินกลับมาถึงปักกิ่ง

เรื่องใหญ่ที่ทำเป็นสิ่งแรกหลังจากกลับมาปักกิ่ง ก็คือเชิญทีมงานของสตูดิโอทุกคนไปกินข้าวยามค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน

ลู่เฉินปรึกษากับลู่ซีแล้ว วันที่ 2 กุมภาพันธ์จะให้หยุดพักอย่างเป็นทางการ เนื่องจากทีมงานในสตูดิโอไม่ใช่คนปักกิ่งทั้งหมด ส่วนใหญ่จะต้องกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ ยิ่งหยุดพักเร็วก็ยิ่งดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเบียดเสียดจากผู้คนขณะเดินทาง

เพราะฉะนั้นการกินข้าวยามค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จึงกำหนดเป็นตอนเย็นวันที่ 1 และสถานที่ก็คือโรงแรมลี่จิงในปักกิ่ง

สตูดิโอลู่เฉินนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงตอนนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น เนื่องจากเปิดขึ้นมาเพื่อบริการและทำงานให้ลู่เฉิน จึงไม่มีงานที่เกี่ยวข้องมากมายนัก ดังนั้นจำนวนพนักงานจึงไม่เยอะ ยังคงเป็นทีมงานเก่าสามสี่คนนั้นเหมือนเดิม

หลี่เฟยอวี่ เฉินซิน เฉินเสียง เฉินเสี่ยวเหม่ย…และลูกแมวอีกสองสามตัวเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีเฉินเจี้ยนหาว คนหลังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสตูดิโอมาตลอด

ถึงแม้ลู่เฉินอยากจะให้พี่น่ามาร่วมสนุกด้วย เสียดายตอนนี้พี่น่ากำลังท้องร่างกายจึงมีปัญหานิดหน่อย ตอนนี้กำลังดูแลบำรุงครรภ์อยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงให้เฉินเจี้ยนหาวมาเป็นตัวแทน

ทั้งหมดเจ็ดคน นั่งอยู่ในห้องอาหารวีไอพีเล็กๆ

สตูดิโอเล็กๆ แบบนี้จะไม่จัดกิจกรรมจับฉลากหรือเฉลิมฉลองอะไร ทว่าก่อนจะกินข้าว ลู่เฉินได้มอบโบนัสปลายปีถึงมือของทุกคน แม้แต่ลู่ซีพี่สาวก็ได้เหมือนกัน

อย่าดูถูกสตูดิโอลู่เฉินเล็กๆ แห่งนี้ ถึงแม้จะก่อตั้งขึ้นมาในเวลาสั้นๆ แต่ความสามารถในการดูดเงินกลับแข็งแกร่งแค่ลงทุนถ่ายทำละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เพียงอย่างเดียว คาดว่าสุดท้ายน่าจะได้กำไรมากกว่าสิบห้าล้าน

ดังนั้นลู่เฉินจึงเตรียมอั่งเปาซองหนาเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ ทำให้ทุกคนร่าเริงยินดีเต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

หลังจากรับอั่งเปาแล้วก็เริ่มกินข้าว ถึงแม้คนจะน้อยแต่ก็ไม่เสียบรรยากาศ

เฉินเจี้ยนหาวนั่งติดกับลู่เฉิน หลังจากทั้งสองคนชนแก้วแล้ว เขาจึงถามว่า “วันพรุ่งนี้นายจะไปซาเฉิง ร่วมพิธีมอบรางวัลท็อปไชนีสมิวสิคอวอร์ดส์ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานหรือเปล่า”

เฉินเจี้ยนหาวไม่เล่นบล็อก ดังนั้นเขาจึงรู้ข่าวช้ากว่า หนำซ้ำยิ่งไม่รู้ความคิดของลู่เฉิน

ลู่เฉินหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ผมไม่ไปครับ ให้พี่สาวของผมไปร่วมสนุกแทน”

เฉินเจี้ยนหาวตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที “ฉันยังเป็นห่วงว่านายจะถูกหลอก โทรทัศน์เซียงหนานไม่ใช่คนดีอะไรนัก!”

เดิมทีเขาก็เป็นคนวงใน จึงเข้าใจลูกเล่นพวกนี้เป็นอย่างดี

กริ๊ง~

ขณะที่กำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ของลู่เฉินพลันดังขึ้น เขาหยิบออกมาดู และตกใจเล็กน้อย

ลู่ซีที่นั่งอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นสีหน้าของเขาจึงถามว่า “เป็นอะไร”

ลู่เฉินส่ายหน้าพูด “ไม่มีอะไรครับ ผมรับโทรศัพท์ก่อน”

ในห้องอาหารเสียงดังเล็กน้อย เขาจึงออกไปรับสายตรงโถงทางเดินข้างนอก “พี่หวังจิ้ง สวัสดี”

คนที่โทรมาหาลู่เฉิน คือหวังจิ้งที่อยู่สตูดิโอเนี่ยผาน

ลู่เฉินทำอัลบั้มแรก ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ โดยร่วมงานกับสตูดิโอเนี่ยผาน การเรียบเรียงและดนตรีประกอบเสร็จสมบูรณ์ด้วยฝีมือของนักศึกษาที่เรียนจบจากวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่งคนนี้ ถือว่ามีระดับมาตรฐานที่สูงมาก

หลังจากนั้นลู่เฉินกับสตูดิโอเนี่ยผานก็ร่วมงานกันอีกสองสามครั้ง แต่อุปกรณ์ของสตูดิโอและทีมงานยังบกพร่องไปนิด เพราะฉะนั้นเขาจึงค่อยๆ ย้ายงานไปให้เฟยสือเรคคอร์ด

เฟยสือเรคคอร์ดเมื่อเทียบกับสตูดิโอเนี่ยผานแล้ว สามารถบดขยี้ได้อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งลู่เฉินก็มีเงินจ่ายค่าผลิตเหล่านั้น

ดังนั้นเขากับหวังจิ้งจึงไม่ได้ติดต่อกันมาระยะหนึ่งแล้ว

แต่ลู่เฉินก็ชื่นชมความเป็นมืออาชีพและทัศนคติในการทำงานของหวังจิ้งมาตลอด รู้สึกเสียดายที่เธอทำงานในสตูดิโอเนี่ยผานของตัวเอง ความสามารถจึงถูกจำกัดไม่อาจพัฒนาและแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่

แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เธอถึงโทรหาเขา

เสียงของหวังจิ้งที่อยู่ในสายมีความร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด “ลู่เฉิน รบกวนนายจริงๆ ฉัน…ฉันมีปัญหานิดหน่อยอยากจะขอยืมเงินนายสักหน่อยได้ไหม ฉันจะรีบหาทางมาคืนนายให้เร็วที่สุด!”

ลู่เฉินตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา เธอต้องการเท่าไร”

ลู่เฉินรู้จักหวังจิ้งไม่ใช่แค่วันสองวัน ตอนแรกที่ผลิตอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ทั้งสองคนใช้เวลาทำงานในสตูดิโอด้วยกันเป็นเวลานาน ลู่เฉินได้เรียนรู้การเรียบเรียงเพลงจากเธอมาไม่น้อย

ดังนั้นลู่เฉินจึงรู้จักนิสัยของหวังจิ้งเป็นอย่างดี อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีคนหนึ่ง ถ้าหากไม่ถึงขั้นจนตรอก เธอจะไม่ตัดสินใจขอยืมเงินจากคนอื่น

ก็เหมือนกับตัวเขาเอง

เพราะฉะนั้นลู่เฉินจึงตกลงอย่างไม่ลังเล

และความไวของเขาก็เกินความคาดหมายของหวังจิ้ง คนหลังนิ่งไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ขอบใจนายนะ…ฉันกำลังคิดว่าจะยืมนายหนึ่งแสน ไม่ ห้าหมื่นก็พอ”

ลู่เฉินยิ้มพลางพูดว่า “หนึ่งแสนนั่นแหละ เธอเอาเลขที่บัญชีอี้ฟู่เป่ามาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะโอนให้เธอตอนนี้เลย”

หวังจิ้งกล่าวว่า “ขอบใจๆ!”

เสียงของเธอมีความสะอึกสะอื้นเล็กน้อย

ลู่เฉินกล่าวว่า “ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราเป็นเพื่อนกัน ผู้จัดการหวังก็เป็นคนดี เธอมีเรื่องลำบากอะไรก็บอกฉันได้ตามตรง หากฉันช่วยได้ก็จะช่วย ใครบ้างที่ไม่เคยเจอเรื่องลำบาก”

ลู่เฉินรู้ว่าสถานะทางธุรกิจของสตูดิโอเนี่ยผานไม่ค่อยดีนัก ตอนแรกหวังฉางเซิงนำเงินเก็บของตัวเองออกมาทั้งหมดและยังยืมข้างนอกอีกไม่น้อย ซื้ออุปกรณ์ครบครันสนับสนุนกิจการของลูกชายและลูกสาวของตัวเอง แต่เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดในธุรกิจ ดังนั้นจึงต้องฝืนประคองมาตลอด

เพื่อดึงธุรกิจให้ดำเนินต่อไป เขาต้องวิ่งไปนั่งรอใต้ตึกบริษัทของคนอื่นเพื่อหากระต่าย (ลูกค้า) สักตัว และลู่เฉินก็คือกระต่ายตัวนั้นนั่นเอง

อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ขายดีมาก ทำให้สตูดิโอเนี่ยผานมีงานเข้ามาบ้าง แต่ตอนนี้หวังจิ้งรีบร้อนยืมเงินจากลู่เฉิน มีความเป็นไปได้สูงที่เจอปัญหายุ่งยาก

หมุนเงินไม่ทัน เจ้าหนี้มาทวง…เป็นต้น ทั้งหมดล้วนมีความเป็นไปได้ แต่ลู่เฉินจะไม่ถาม

หวังจิ้งอยากพูดก็จะพูดเอง ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ทำไมต้องถามด้วยล่ะ

หลังจากจบการสนทนากับหวังจิ้งแล้ว ลู่เฉินก็กลับไปที่ห้องอาหารอีกครั้ง แล้วข้อความก็ส่งตามมาติดๆ

ลู่เฉินอ่านข้อความยืนยันว่าเป็นเลขที่บัญชีของหวังจิ้งแล้ว จึงส่งให้ลู่ซี “พี่ ตอนนี้พี่โอนเงินหนึ่งแสนหยวนเข้าบัญชีอี้ฟู่เป่านี้ให้หน่อยครับ”

เงินทุนของสตูดิโอถูกควบคุมอยู่ในมือของลู่ซี บัญชีของลู่เฉินมีแต่เงินค่าขนมเท่านั้น

“ได้”

ลู่ซีขานรับ แต่ตอนที่เห็นเลขที่บัญชี สีหน้าของเธอแปลกไปเล็กน้อย

“หวังจิ้ง นักศึกษาที่สตูดิโอเนี่ยผานคนนั้นเหรอ”

ลู่ซีเคยไปสตูดิโอเนี่ยผานครั้งหนึ่ง รู้จักหวังฉางเซิงและครอบครัว แน่นอนว่าได้เจอกับหวังจิ้งเช่นกัน

ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ”

ลู่ซีถามว่า “เกิดเรื่องอะไร ทำไมถึงโอนเงินให้เธอ”

เดิมทีลู่ซีก็ไม่อยากถาม เพราะลู่เฉินในตอนนี้ไม่ใช่เด็กที่น่าเป็นห่วงคนนั้นเหมือนเมื่อก่อน

แต่คนที่ต้องโอนเงินให้คือหวังจิ้ง พี่สาวคนนี้จึงเกิดความคิดอย่างอื่นอย่างช่วยไม่ได้ จึงถามอีกสองสามประโยค

ลู่เฉินอธิบาย “เธอมายืมเงินผม คงเจอเรื่องลำบากนิดหน่อยครับ”

ลู่ซีกลอกตาไปมา “ฉันจำได้ว่าหวังจิ้งคนนั้นสวยมาก…”

จากความหมายของคำพูดนี้คือลู่เฉินเห็นว่าเธอสวยจึงให้ยืมเงิน หรือว่าโรคเก่ากำเริบอีกแล้ว

ลู่เฉินแต่ก่อนเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงมากมาย ถึงแม้เขาจะไม่เคยมีเรื่องเหยียบเรือมากกว่าสองแคมก็ตาม แต่ตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย คนอื่นก็นินทาเขาไม่น้อย เป็นผลทำให้ลู่ซีมองเขาขัดหูขัดตามาก

ความจริงคำนินทาพวกนี้ ส่วนใหญ่มาจากความอิจฉาล้วนๆ

ลู่เฉินกระอักกระอ่วนใจ “พี่…”

ลู่ซียิ้มแล้วพูดว่า “โอเคแกไม่ต้องอธิบาย ฉันแค่ล้อเล่นกับแกเฉยๆ”

เธอใช้นิ้วมือปลดล็อกบัญชีอี้ฟู่เป่าในโทรศัพท์ ไม่ช้าเงินหนึ่งแสนหยวนก็โอนเข้าไปในบัญชีของหวังจิ้ง

ผ่านไปสองสามนาที หวังจิ้งจึงตอบข้อความของลู่เฉิน “ได้รับเงินแล้ว ขอบใจนะ!”

ลู่เฉินไม่ได้ตอบ

จากนั้นลู่เฉินก็ลืมเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

วันถัดมาหลังจากการเลี้ยงอาหารค่ำส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของสตูดิโอผ่านไป ซึ่งก็คือวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ ลู่ซีพาเฉินซินนั่งเครื่องบินไปที่เมืองซาเฉิง

เธอในฐานะแขกรับเชิญที่เป็นตัวแทนของลู่เฉิน ไปร่วมงานพิธีมอบรางวัล ‘ท็อปไชนีสมิวสิคอวอร์ดส์’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานที่จัดขึ้นในเซียงหนานแกรนด์เธียร์เตอร์ในคืนนั้น!

งานมอบรางวัลเริ่มต้นเวลาหกโมงเย็น ก่อนหน้านั้นคือพิธีเดินพรมแดง สถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้ทำการถ่ายทอดสดจากหน้างาน

นับตั้งแต่ปลายปี 1990 การปฏิรูปประเทศใช้เจตนารมณ์ของวลีที่ว่า ‘ร้อยบุปผาบานพร้อมพรัก ร้อยสำนักประชันเสียง’ กรมวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติจึงผ่อนคลายข้อจำกัดนโยบายต่อสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท้องถิ่นมากขึ้น

ไม่มี ‘มนต์สะกดหงอคง’ ที่สวมอยู่บนศีรษะแล้ว สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท้องถิ่นต่างพากันแสดงอภินิหาร เริ่มวิ่งเข้าสู่เส้นทางการตลาดและพาณิชย์อย่างบ้าคลั่ง สถานีโทรทัศน์เซียงหนานจึงโผล่พรวดขึ้นมาด้วยเหตุนี้

ปัจจุบันอาศัยอาวุธวิเศษสองชิ้นคือรายการวาไรตี้โชว์และละครที่ผลิตเอง สถานีโทรทัศน์เซียงหนานจึงครองบัลลังก์พี่ใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท้องถิ่นได้อย่างมั่นคง รายได้โฆษณาในแต่ละปีเป็นที่อิจฉาหมั่นไส้ของคนในสายอาชีพเดียวกัน นี่คือพวกเงินหนาอย่างแท้จริง

งานมอบรางวัล ‘ท็อปไชนีสมิวสิคอวอร์ดส์’ ในปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการเป็นพิเศษ

พรมแดงยาวเกือบหนึ่งร้อยเมตรปูจากหน้าประตูเซียงหนานแกรนด์เธียร์เตอร์ยาวไปถึงทางเข้าจัตุรัส ตั้งเสาไฟกำลังแรงสูงเพิ่มระดับความสว่างให้กับบริเวณโดยรอบ ส่องสว่างภายในงานให้เห็นได้ชัดเจน

รั้วถูกบังด้วยป้ายโฆษณาอิงค์เจ็ททั้งหมด นักข่าวจากสื่อต่างๆ จำนวนมากรีบมุ่งหน้าไปที่งาน ส่วนประชาชนที่มาดูความคึกคักก็มากันอย่างล้นหลาม รักษาความสงบเรียบร้อยโดยตำรวจติดอาวุธ แม้แต่บนท้องฟ้าก็ยังมีเฮลิคอปเตอร์

หน้าประตูใหญ่เซียงหนานแกรนด์เธียร์เตอร์มีซุ้มประตูโค้งแบบโรมันสีทองตั้งตระหง่าน กำแพงลายเซ็นที่ทอดยาว และเด็กผู้หญิงสิบกว่าคนถือช่อดอกไม้ยืนอยู่ตรงนั้น ต้อนรับบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มาจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

สถานีโทรทัศน์เซียงหนานจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ดาราที่เชิญมาทั้งหมดก็มีความโก้หรูเป็นอย่างมาก รวมถึงศิลปินดารานับร้อยคนที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า ดาราตัวท็อประดับซูเปอร์สตาร์ของจีนก็มีมากถึงสี่ห้าคน

สถานีโทรทัศน์เซียงหนานใช้วิธีนี้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ยังคงเป็นพี่ใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท้องถิ่นเหมือนเดิม เป็นเจ้าแห่งวงการวาไรตี้โชว์ คือการมีอยู่ที่ขาดไม่ได้ในวงการบันเทิง!

รถเมอร์เซเดสเบนช์คันใหม่เอี่ยมอ่อง แล่นผ่านบนถนนที่ปิดกั้นเรียบร้อยแล้ว จอดตรงจุดเริ่มต้นของพรมแดงอย่างมั่นคง แล้วศิลปินดาราดังแต่ละคนก็เริ่มปรากฏกาย ดึงดูดแสงแฟลชมากมายนับไม่ถ้วนและเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดจากเหล่าแฟนคลับ

“หลี่ซิ่ง!” “ถานหง!” “หลิวจงฮั่น!” “เฉินเฟยเอ๋อร์!” “เลี่ยวเจี่ย!”…

ป้ายไฟเรืองแสงมากมายถูกคนชูขึ้นมาสูงๆ ตะโกนเรียกชื่อแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ

นี่คือซูเปอร์สตาร์ตัวจริง!

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Status: Ongoing
ชีวิตของลู่เฉินดั่งมรสุมรุมเร้า ทว่าสวรรค์ยังคงเมตตาคนสู้ชีวิต ความทรงจำและความสามารถจากในความฝัน จะช่วยปูทางให้เขากลายเป็น Perfect Superstar เอง!ลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปีจำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาลวันหนึ่งเขาฝัน…เป็นความฝันที่ยาวนานมากโลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกันนักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระเขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝันเมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมาเป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท