ตอนที่ 350 โอกาส
“ถ้าหากเธอไม่รักฉันอีกแล้ว จงปล่อยให้ฉันจากไปอย่างเงียบๆ”
“นี่คือความปรารถนาเพียงสิ่งเดียวของฉัน”
“ฉัน…”
บนเวทีของหอประชุมเล็ก ผู้ชายและผู้หญิงวัยรุ่นคู่หนึ่งกำลังแสดงอารมณ์รักที่งมงาย จนปัญญา ขมขื่น เจ็บปวด และโศกเศร้า สีหน้าที่เปลี่ยนไปบนใบหน้าของพวกเขา สะกิดหัวใจของผู้ชม
ถึงแม้การแสดงของทั้งสองคนจะกระตุกไปบ้าง พูดบทค่อนไปทางละครเวที การเคลื่อนไหวของร่างกายแข็งทื่อไปนิด แต่ในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง เป็นการแสดงที่น่าชื่นชมอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เฉินมองดูอย่างเหม่อลอย ความทรงจำมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัวของลู่เฉิน
ความทรงจำพวกนี้มาจากโม่หราน
ในความทรงจำของลู่เฉิน โม่หรานก็เคยมีช่วงวัยรุ่นมาก่อน ทว่าตอนที่อยู่บนเวที โม่หรานแสดงเป็นตัวประกอบตลอด จากนั้นเขาก็แอบมองผู้หญิงที่แอบชอบกับหนุ่มหล่อที่สุดในชั้นเรียนที่แสดงเป็นคู่รักกันในเรื่องได้เป็นแฟนกันในชีวิตจริง
เขาไม่ได้อิจฉา ไม่ได้เคียดแค้น และไม่เป็นฝ่ายไล่ตามอะไร แต่เก็บความรู้สึกนั้นอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
นักแสดงนำทั้งสามคนในโลกความฝันของลู่เฉิน การมีตัวตนอยู่ของโม่หรานจืดจางที่สุด
ชีวิตของเขาเมื่อเทียบกับสวี๋ป๋อและฟางหมิงอี้ ไม่ได้มีสีสันและชีวิตชีวามากมายนัก หลายครั้งที่เขามักจะจมอยู่ท่ามกลางความเงียบเหงา อ่านหนังสืออย่างโดดเดี่ยว เล่นอินเทอร์เน็ตอย่างเหงาๆ แสดงละครอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย
ไม่เคยได้เป็นนักแสดงนำอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ หรือในชีวิต
ทว่าโม่หรานกลับทิ้งสิ่งของให้กับลู่เฉินมากกว่าสวี๋ป๋อและฟางหมิงอี้สองคนรวมกัน
บางครั้งลู่เฉินคิดว่า ถ้าหากให้เลือกหนึ่งในสามคนเป็นอาจารย์ เขาจะเลือกโม่หรานแน่นอน
“นักศึกษาหญิงคนนี้ชื่อฟั่นอิ๋ง ผู้ชายชื่อว่าหลูเฮ่าอวี่ ทั้งคู่เป็นนักศึกษาที่มีความสามารถโดดเด่นไม่เหมือนใครในสาขาการแสดงระดับที่สิบสี่…”
อาจารย์แซ่จางที่นั่งอยู่ข้างๆ คิดว่าลู่เฉินชอบนักศึกษาสองคนนี้ จึงพูดแนะนำสองสามประโยคเป็นพิเศษ
อาจารย์แซ่จางเป็นคนที่ฉลาด คล่องแคล่วมากคนหนึ่ง หรือนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทางสถาบันส่งเขามาต้อนรับแขก เห็นได้ชัดว่าเขามองออกว่าใครเป็นคนตัดสินใจตัวจริง
และเขาก็รู้จักนักศึกษาของสาขาการแสดงแทบทุกคน ไม่ว่าคนไหนขึ้นไปบนเวทีก็สามารถเรียกชื่อออกมาได้
ลู่เฉินได้สติกลับมา ยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า
ฟั่นอิ๋งกับหลูเฮ่าอวี่ก็ไม่เลว โดยเฉพาะฟั่นอิ๋งดวงตาสดใสฟันขาวสะอาดน่าประทับใจ รูปร่างหน้าตาภายนอกก็ค่อนข้างเหมาะสมกับตัวละครหนึ่งในละครเรื่องใหม่ของเขาที่รอกำหนดตัวนักแสดงอยู่
แต่ลู่เฉินไม่รีบด่วนสรุป…ถ้าหากยังมีคนอื่นที่เหมาะสมอีกล่ะ
เมืองหลวงเป็นศูนย์รวมของบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง วิทยาลัยการแสดงแห่งชาติจีน และมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศจีนเป็นสามสถาบันที่ใหญ่สุดในใต้หล้า แต่ก็ยังมีสถาบันและองค์การฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์โทรทัศน์อีกมากมาย ถ้าอยากจะหานักแสดงนั้นง่ายมาก
นักศึกษาสองคนบนเวทีแสดงจบแล้ว อาจารย์ผู้สอนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดจึงลุกขึ้นและเอ่ยว่า “โอเค พวกเราพักก่อน แล้วอีกสิบนาทีค่อยเรียนต่อ”
ลู่เฉินหันมาถามฟางฮุ่ยที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของตัวเอง “พี่ฟางฮุ่ย พี่มีคนที่ถูกใจไหมครับ”
ฟางฮุ่ยจริงจังมากกว่าเขา ในมือถือสมุดและเขียนบันทึกอยู่
สำหรับการถามของลู่เฉิน เธอตอบทันทีว่า “ฟั่นอิ๋งคนนี้ไม่เลวนะ ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเหมาะสมกับบทเฉินเสี่ยวน่า แล้วก็ยังมีจูเจ๋อฉิน…”
ตัวละครสำคัญในละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ลู่เฉินยังไม่ได้กำหนดอีกสองคน ครั้งนี้มาที่วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งก็เพราะอยากคัดเลือกหาคนที่เหมาะสม แล้วเซ็นสัญญาโดยตรง
ฟางฮุ่ยก็เคยอ่านบทละครแล้ว เธอจึงให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ และมีความคิดที่ค่อนข้างสอดคล้องกับลู่เฉิน
นี่คือข้อดีที่เคยร่วมงานกันมาก่อน ผู้กำกับบางคนมักจะเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งในการคัดเลือกนักแสดงไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามาแทรก แต่ฟางฮุ่ยเคารพการติดสินใจของลู่เฉิน และเชื่อมั่นในสายตาของลู่เฉิน
ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้เขาจะปฏิเสธข้อเสนอสัญญาของผู้จัดการส่วนตัวของฟางฮุ่ยอย่างเด็ดขาด แต่ลู่เฉินก็ไม่ได้ล้มเลิกความคิดที่จะร่วมงานกับฟางฮุ่ยไปเสียทีเดียว และตั้งใจปล่อยข่าวออกไปโดยเฉพาะ
ด้านการถ่ายทำละคร ความโลภในอำนาจของผู้กำกับฟางฮุ่ยไม่แรงนัก ลู่เฉินจึงร่วมงานกับเธออย่างมีความสุขมาก
“ฟั่นอิ๋งเอาไว้เป็นตัวเลือกก่อนก็ได้…”
ลู่เฉินพูดเบาๆ “ตัวละครสองสามตัวนี้พี่จะต้องเป็นคนทดสอบ อาทิตย์หน้าก็จะเริ่มโปรเจกต์แล้วครับ”
ฟางฮุ่ยให้ความเคารพเขา เขาก็เคารพอำนาจของฟางฮุ่ยในฐานะผู้กำกับเช่นกัน
จุดนี้สำคัญมาก ถ้าหากในกองถ่าย ผู้กำกับไม่มีอำนาจมากพอ เช่นนั้นก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และยากที่จะถ่ายทำละครที่ดีออกมาได้อย่างแท้จริง
ฟางฮุ่ยดีใจมาก “อื้ม งั้นพวกเราดูกันอีกเยอะๆ หรือวันพรุ่งนี้จะไปมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนดี”
ฟางฮุ่ยเรียนจบสาขาการกำกับการแสดงมาจากมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศจีน ถ้าหากมีเงื่อนไขที่เหมาะสม แน่นอนว่าเธอยินดีที่จะเซ็นสัญญาเด็กใหม่สองสามคนจากมหาวิทยาลัยเก่าของตัวเอง
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ไม่ได้ครับ ผมต้องไปนอกเมือง รอผมกลับมาแล้วค่อยว่ากันครับ”
ฟางฮุ่ย ‘อืม’ หนึ่งที
ดาราที่เหมือนอย่างลู่เฉิน การออกไปร่วมงานคอนเสิร์ตหรืองานพรีเซ็นเตอร์นอกเมืองเป็นเรื่องปกติทั่วไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจนัก
“อาจารย์ลู่เฉินสวัสดีค่ะ!”
และในขณะนี้ ก็มีนักศึกษาสาวสองสามคนกรูกันเข้ามา คนที่อยู่ตรงกลางหน้าแดงก่ำ ดวงตาสดใสเป็นประกายแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ เธอถามลู่เฉินว่า “ถ่ายรูปกับพวกเราได้ไหมคะ”
ลู่เฉินตกตะลึง แล้วยิ้มตอบทันที “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ”
ผู้หญิงใจกล้าคนนี้ก็คือฟั่นอิ๋งที่เพิ่งแสดงบนเวทีเมื่อครู่ ลู่เฉินกับฟางฮุ่ยก็จับตามองเธอเหมือนกัน
“ดีจังเลยค่ะ!”
พวกผู้หญิงพูดเสียงดังจ้อกแจ้กและหัวเราะ จากนั้นก็โอบล้อมลู่เฉินเอาไว้
อาจารย์จางกับฟางฮุ่ยหัวเราะเหอะๆ แล้วเว้นพื้นที่เอาไว้ เพื่อให้พวกเธอถ่ายรูปกับลู่เฉินได้สะดวก
ทั้งสองคนรู้ว่านักศึกษาใหม่ชั้นปีที่หนึ่งจะรู้สึกแปลกใหม่กับดาราไอดอลมาก ถ้าอยู่ปีสามปีสี่ที่เห็นจนชินแล้ว จะไม่ไล่ตามดาราแบบนี้หรอก
แชะๆ!
ผู้หญิงสองสามคนต่างแยกกันใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปกับลู่เฉิน จากนั้นก็ขอบคุณเขาอย่างมีมารยาทมาก
นักศึกษาวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งที่เลือกจากหนึ่งในพัน ล้วนมีคุณสมบัติค่อนข้างดี
“นักศึกษาฟั่นอิ๋ง…”
พวกเธอเพิ่งจะเดินออกไป ลู่เฉินกลับเรียกผู้หญิงที่ชื่อฟั่นอิ๋งเอาไว้
ฟั่นอิ๋งหมุนตัวกลับมาอย่างประหลาดใจ “คะ”
ลู่เฉินถามว่า “คุณสนใจอยากลองแคสต์บทในละครใหม่ของผมไหมครับ”
เดิมทีลู่เฉินเก็บเธอไว้เป็นตัวเลือก แต่พอได้สัมผัสกับเธอเมื่อครู่ รู้สึกว่านิสัยของฟั่นอิ๋งดีมาก สุภาพเรียบร้อยกิริยาวาจาเหมาะสม ดังนั้นจึงเอ่ยเชื้อเชิญเธอโดยตรง
“อ๋า!”
ฟั่นอิ๋งเบิกตาโตด้วยความตกใจ
เธอรู้อยู่แล้วว่าลู่เฉินและคนอื่นๆ มาปรากฏตัวที่นี่พร้อมกับอาจารย์ของสถาบัน ไม่ได้มาเรียนหนังสือแน่นอน
ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ในวงการมาคัดเลือกนักแสดงในวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งเป็นเรื่องปกติมาก แต่โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาจะเลือกนักศึกษาชั้นปีที่สามและปีที่สี่ เมื่อเทียบกับเด็กใหม่แล้ว ประสบการณ์การแสดงของนักศึกษารุ่นพี่มีเยอะกว่า และเวลาว่างนอกเหนือจากการเรียนก็มีมากพอ
ฟั่นอิ๋งรู้จักลู่เฉิน เคยฟังเพลงของเขาและเคยดู ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ของเขา ถือว่าเป็นแฟนคลับครึ่งหนึ่ง ดังนั้นถึงได้ลากเพื่อนๆ นักศึกษามาขอถ่ายรูปด้วย
แต่กลับคาดคิดไม่ถึงว่า ลู่เฉินจะเชิญเธอให้ไปเทสต์หน้ากล้อง
นี่คือลู่เฉินผู้เขียนบทและนักแสดงนำในละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เชียวนะ ละครเรื่องนี้ดังมาก คนที่อยู่ในนี้ต่างรู้ดีละครใหม่ของเขาจะเป็นละครสุดฮอตในปีนี้แน่นอน!
ฟั่นอิ๋งรู้สึกเหมือนบุญหล่นทับแทบจะเป็นลม
พวกผู้หญิงที่อยู่รอบๆ มีแต่คนอิจฉากระทั่งส่งสายตาหมั่นไส้…เสี่ยวอิ๋งอิ๋งจะดังแล้ว!
ภายในหอประชุมเล็กเงียบมาก นักศึกษาสาขาการแสดงคนอื่นหลายคนก็ได้ยิน ถึงแม้จะรู้ว่านี่คือเรื่องที่เห็นได้บ่อยในวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง แต่เมื่อเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ก็ยังรู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริง
เมื่อตกตะลึงไปพักหนึ่ง ฟั่นอิ๋งจึงได้สติกลับมา แล้วพูดอย่างลังเลว่า “ฉัน…ฉันพอได้จริงๆ เหรอคะ”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ได้ไม่ได้ต้องลองเทสต์หน้ากล้องก่อนถึงจะรู้…พี่หลีครับ”
เขาหันไปพยักหน้าให้พี่หลี คนหลังไม่ต้องพูดก็เข้าใจ จึงลุกขึ้นแล้วยื่นนามบัตรของตัวเองให้ฟั่นอิ๋ง “พรุ่งนี้คุณติดต่อฉันนะคะ”
ฟั่นอิ๋งรับนามบัตรมาแบบงงๆ แล้วเอ่ยพูดเมื่อได้สติ “ขอบคุณค่ะ!”
วินาทีต่อมา เธอจับนามบัตรใบนี้อย่างแน่น ราวกับกุมชีวิตและความสุขของตัวเองไว้
ลู่เฉินกับพี่หลีสบตาและยิ้มให้กัน ลู่เฉินเอ่ยว่า “พวกเรากลับเถอะครับ”
พี่หลีกับฟางฮุ่ยก็ไม่ขัดข้อง วันนี้ดูพอประมาณแล้ว สามารถเลือกได้หนึ่งคนก็ถือว่าไม่เสียเที่ยว
ถ้าหากจำเป็นจริงๆ วันพรุ่งนี้ก็ยังไปดูระดับสิบสองและระดับสิบสามได้ หรือไม่ก็ไปที่วิทยาลัยการแสดงแห่งชาติจีนกับมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศจีน
เมื่ออาจารย์จางพาพวกลู่เฉินสี่คนเดินออกมาจากหอประชุมเล็ก นักศึกษาสองสามคนนั้นก็ล้อมตัวฟั่นอิ๋งทันที
“โอ้โห เสี่ยวอิ๋งอิ๋งเธอจะดังแล้ว!”
“ใช่แล้วๆ อนาคตถ้าดังแล้วก็อย่าลืมพวกเราพี่น้องนะ!”
“ละครใหม่ของลู่เฉินเหรอ ไม่รู้ว่าถ่ายแนวไหน อิ๋งอิ๋งเธอคิดว่าจะได้เล่นบทอะไร”
“นางเอก?”
“นางเอกคงเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นของเฉินเฟยเอ๋อร์”
“เย็นนี้เลี้ยง…”
ฟั่นอิ๋งสับสนมึนงงที่พวกเธอแย่งกันพูด จึงเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “ไม่รู้ว่าจะผ่านหรือเปล่า…”
แต่เธอรู้ดีว่า นี่คือโอกาสที่ตัวเองยากจะพบพาน!
…………………………………………………………………………