ตอนที่ 393 แรงกดดัน
สัญญาของล่างฉาวบุ๊กที่จะให้เซ็นมีทั้งหมดสิบหน้า มีเงื่อนไขมากมาย และค่อนข้างละเอียดยิบ เงื่อนไขนั้นครอบคลุมเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ทั้งหมดของผลงาน ขณะเดียวกันก็กำหนดสิทธิ์และหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย พร้อมสรรพทุกอย่างในชั้นกฎหมาย
ลู่เฉินดูเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์เป็นหลัก โดยรวมแล้วสัญญาฉบับนี้แบ่งผลประโยชน์กันแบบห้าสิบ-ห้าสิบ เว็บไซต์กับผู้เขียนแบ่งกันคนละครึ่ง เช่น ส่วนแบ่งจากยอดการอ่าน รางวัล รวมไปถึงเรื่องลิขสิทธิ์สืบเนื่อง
ถ้าลู่เฉินเซ็นสัญญาฉบับนี้ นอกจากการออกหนังสือ ทั้งลิขสิทธิ์ละคร ภาพยนตร์ เกม และการ์ตูนของเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ผลประโยชน์ทั้งหมด 50% จะตกเป็นของล่างฉาวบุ๊ก
กับสัญญาแบบนี้ ลู่เฉินไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ตอนนี้เขาแค่อยู่ในขั้นทดลองเว็บไซต์นิยาย เริ่มเข้าใจวงการเว็บไซต์นิยายขึ้นมาบ้างแล้ว รู้ว่าเว็บไซต์ส่วนใหญ่ทำสัญญาในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ด้านเงื่อนไขไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
มีเพียงเป็นนักเขียนดีเด่นแล้วเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ต่อรองด้านลิขสิทธิ์กับเว็บไซต์
ความจริงไม่ต่างจากวงการบันเทิงมากนัก ศิลปินที่เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ สัญญาในตอนเริ่มต้นนั้นก็กดขี่มากพอดู
นี่เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อลงทุนย่อมต้องการกำไร บนโลกนี้ไม่มีอาหารมื้อไหนให้กินฟรี ทางเว็บไซต์มอบพื้นที่แพลตฟอร์มให้ ก็หวังจะได้ผลตอบแทน ไม่อย่างนั้นจะสร้างความคุ้มค่าให้กับนักลงทุนได้อย่างไร
แต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ลู่เฉินไม่มีทางเซ็นสัญญาฉบับนี้แน่นอน
นิยายเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ รวมถึงนิยายกำลังภายในที่จะเกิดขึ้นตามมาเป็นงานลิขสิทธิ์ชิ้นใหญ่ของเขา เขาไม่มีวันยอมแบ่งผลประโยชน์มหาศาลออกไปเพื่อแลกกับที่ยืนในวงการนิยายออนไลน์แน่นอน
ลู่เฉินจึงอ่านสัญญาฉบับนี้เพื่อดูความแปลกใหม่เท่านั้น
ลู่เฉิน: บก.อันครับ สัญญานี้ผมอ่านแล้ว ไม่ตรงกับความคาดหวังของผมเลยสักนิด ผมจึงตัดสินใจว่าจะไม่เซ็น ขอบคุณครับ
คำตอบเช่นนี้เกินความคาดหมายของฝ่ายตรงข้าม
อันซิน: ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมคะ?
ลู่เฉิน: อย่างลิขสิทธิ์ของละคร ภาพยนตร์ หรือเกม ผมไม่ยอมยกให้หรอกครับ ดังนั้น…ต้องขอโทษจริงๆ
อันซิน: ถ้าอย่างงั้นก็น่าเสียดายมากเลยค่ะ นิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ของคุณเรื่องนี้ฉันได้อ่านแล้ว เขียนได้ดีทีเดียว ตอนนี้ก็มีฐานผู้อ่านอยู่ในระดับหนึ่งแล้วด้วย แต่ต้องหลังจากเซ็นสัญญาแล้วถึงจะได้รับการแนะนำจากเว็บไซต์ ความจริงเรื่องลิขสิทธิ์ต่างๆ นี้ต้องรอให้นิยายดังก่อนถึงจะมีมูลค่า ฉันว่าคุณน่าจะเข้าใจนะคะ
ลู่เฉิน: เข้าใจได้ครับ แต่ขออภัยจริงๆ
บรรณาธิการของล่างฉาวบุ๊กคนนี้นิ่งเงียบไปหลายนาที จากนั้นตอบว่า: เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณเปลี่ยนใจ ค่อยติดต่อฉันมาทำสัญญานะคะ
ลู่เฉินรู้สึกว่าบรรณาธิการคนนี้นิสัยใช้ได้ พอถูกปฏิเสธก็ไม่ได้โกรธเคือง เห็นได้ชัดถึงความใจกว้าง
แต่ท่าทีของเธอที่เป็นตัวแทนจากฝ่ายเว็บไซต์นั้นแน่วแน่ เรื่องสัญญาไม่ต้องเจรจากันอีก
‘อี้จินกู่’ เป็นนักเขียนเล็กๆ ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเหมือนกับนักเขียนทั่วไปที่มีอยู่เป็นพันเป็นหมื่น หากเว็บไซต์ล่างฉาวบุ๊ก ซึ่งเป็นเว็บไซต์นิยายออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศยอมแก้ไขสัญญาเพื่อเขาสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก!
แน่นอนว่าถ้าลู่เฉินเปิดเผยตัวตน เงื่อนไขอะไรก็คงจะเจรจากันได้ง่ายขึ้น
เขาถามต่อ: ถ้าผมไม่เซ็นสัญญา แล้วจะยังอัปเดตตอนใหม่ต่อไปได้อีกไหมครับ
อันซิน: ได้แน่นอนค่ะ ลาก่อนค่ะ
หลังจบการสนทนากับบรรณาธิการของล่างฉาวบุ๊ก ลู่เฉินหลุดขำ
คิดไปแล้วความคิดของเขาในตอนแรกออกจะใสซื่อเกินไปหน่อย ผลที่ออกมาแบบนี้น่าจะเดาได้ตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่เป็นไร ทำเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นสักครั้งหนึ่ง ไม่ได้ส่งผลถึงโครงการผลงานลิขสิทธิ์ขนาดใหญ่ของเขาแต่อย่างใด
ลู่เฉินนำต้นฉบับที่เขียนในหลายวันนี้ส่งเข้าไปในกล่องต้นฉบับ แล้วกดสั่งให้อัปเดตตอนอัตโนมัติ
ในเมื่อเลือกล่างฉาวบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ลงนิยาย ก็ต้องดำเนินการต่อไป สะสมจำนวนคำให้ได้มากพอแล้วค่อยแนะนำโปรโมตออกไปก็ไม่สาย อย่างน้อยก็จะได้ไม่รู้สึกผิดต่อผู้อ่าน 2,687 คนที่เก็บบันทึกเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เอาไว้
ยังมีเงินรางวัลที่พวกเขาช่วยสนับสนุนอีก
วันที่ 5 กรกฎาคม ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ พร้อมกับทีมละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ออกเดินทางจากเมืองไห่จิน มุ่งหน้าสู่เมืองหังโจว
หังโจวเป็นสถานีที่สองที่จะทำการโปรโมตละครเรื่องใหม่
ช่วงเวลาครึ่งเดือนต่อจากนี้ พวกเขาจะต้องเดินทางไปทั่วประเทศ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ละครโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องนี้ขยายตลาดออกไปให้กว้างขวาง
วันที่ 15 กรกฎาคม ละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้ออกอากาศในช่วงเวลาทอง
วันที่ 16 กรกฎาคม ลู่เฉินจบทริปโปรโมตและเดินทางกลับมาถึงปักกิ่ง
“เรตติ้งละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ออกมาแล้ว…”
ในออฟฟิศ ลู่ซีถือกระดาษถ่ายเอกสารใบหนึ่งมาวางตรงหน้าลู่เฉินที่เพิ่งกลับมาถึง
ท่าทีของเธอดูนิ่งขรึม
ลู่เฉินหัวเราะ “ดีมากเลยใช่ไหม”
ลู่ซีบ่นอย่างหงุดหงิด “แกดูเอาเอง ตอนนี้กดดันแล้วละสิ”
ความหงุดหงิดของพี่สาวเกิดขึ้นเพราะลู่เฉินไม่ได้ปรึกษากับเธอก่อน แล้วไปประกาศต่อหน้านักข่าวว่าละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ของเขาจะได้เรตติ้งสูงสุดถึง 4% นี่ทำให้ทางสตูดิโอตกเป็นฝ่ายถูกกระทำไม่มากก็น้อย
ลู่เฉินพูดเด็ดขาดเกินไป ทางสตูดิโอก็กดดันมากเหลือเกิน
ลู่ซียังรู้สึกว่าเป้าหมายเรตติ้งที่ 4% สูงเกินไป…นั่นเท่ากับทำสถิติใหม่เลยนะ!
ตอนนี้คู่แข่งที่เข้มแข็งที่สุดชิงลงมือก่อน พี่สาวอดห่วงไม่ได้ว่าอนาคตจะจัดการอย่างไรดี
เธออยากจะเอามือถือเคาะหัวลู่เฉิน ถามเขาว่าแกได้ใจจนลืมตัวไปหรือเปล่า?
เรตติ้งละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ตอนแรกออกมาแล้ว เขายังทำท่าทางไม่ใส่ใจ น่าโมโหจนลู่ซีอยากจะซ้อมเขาสักที!
ลู่เฉินยกมือทำท่ายอมแพ้ แล้วรับกระดาษใบนั้นมา
‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ตอนแรกได้เรตติ้ง 1.35% ตอนที่สอง 1.43% เรตติ้งเฉลี่ยสองตอนเป็น 1.39%
เรตติ้งเท่านี้เป็นเรตติ้งที่โดดเด่นเตะตามาก และสูงเกินกว่าที่ลู่เฉินคาดการณ์ไว้
มิน่าลู่ซีถึงมีอาการเช่นนี้
ละครเรื่องหนึ่งได้เรตติ้งเกิน 1% โดยพื้นฐานแล้วเป็นการนำร่องไปสู่การเป็นละครดัง ความจริงแล้วในประเทศจีนมีการผลิตละครเรื่องใหม่ออกมามากมายในแต่ละปี ละครที่ได้ฉายทางโทรทัศน์ส่วนใหญ่มีเรตติ้งระหว่าง 0.1-1% หากได้เรตติ้งทะลุ 1% ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว
สองตอนได้เรตติ้งเฉลี่ย 1.39% ละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ออกตัวแรง เปิดตัวก็ดังทันที!
ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ตอนแรกกับตอนที่สองเรตติ้งได้แค่ 0.22% และ 0.26% เท่านั้น
แม้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้ทำการโปรโมตล่วงหน้าอย่างมโหฬาร อีกทั้งละครเรื่องนี้ยังรวบรวมนักแสดงดังเอาไว้มากมาย ได้เรตติ้งสูงเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะสูงขนาดนี้
ลู่เฉินไม่คลางแคลงใจในข้อเท็จจริงของเรตติ้งละครเรื่อง ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ เพราะงานสำรวจเรตติ้งของรายการโทรทัศน์ในประเทศ เป็นหน้าที่ของบริษัทนิวฮอไรซอนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกของรัฐ จึงน่าเชื่อถือได้
นี่สร้างความกดดันให้แก่การออกอากาศละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ เป็นอย่างมาก เพราะวันที่ 22 ละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ จะออกอากาศตอนที่สามและสี่รวมสองตอน แย่งเรตติ้งกับละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ อย่างซึ่งๆ หน้า
ข้อได้เปรียบหนึ่งเดียวของ ‘ฟูลเฮ้าส์’ คือสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงออกอากาศพร้อมกัน สามารถช่วยเพิ่มยอดเรตติ้งรวมได้ แต่การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้สุดหฤโหด ก็ยังรู้สึกน่าหวาดหวั่น
ลู่ซีขมวดคิ้วแน่น “ตอนนี้เรายังเหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ ปรึกษากับหุ้นส่วนอื่นสักหน่อย เพิ่มการโปรโมตลงไปอีก ยังไงก็ต้องกดความนิยมของฝั่งนั้นลงไปให้ได้!”
หากเปรียบเทียบกันเรื่องการโปรโมตช่วงแรก ‘ฟูลเฮ้าส์’ ด้อยกว่า ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ระดับหนึ่ง ตอนนี้ต้องรีบเสริมเข้าไป
ลู่เฉินใช้ความคิด ก่อนจะส่ายหน้าบอกว่า “ไม่จำเป็น พวกเราทำตามขั้นตอนเดิมก็พอแล้ว”
เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์และทีมละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ เมื่อเดือนที่แล้วเดินทางไปเจ็ดเมืองใหญ่ทั่วประเทศเพื่อโปรโมต ทั้งยังลงโฆษณาในสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่อีกมากมาย ใกล้จะเกินงบประมาณที่ตั้งไว้แล้ว
การโปรโมตช่วงแรกได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ก็ต้องลงทุนเพิ่มเข้าไปอีกหลายเท่า
ถ้าอย่างนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว
อีกอย่างละครโทรทัศน์ไม่เหมือนกับภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ออกอากาศต่อเนื่องยาวนาน ความนิยมชมชอบของผู้ชมสำคัญกว่าการโปรโมต
ลู่เฉินเชื่อมั่นในคุณภาพของละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ แล้วจะไปต่อสู้ด้านการโปรโมตกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานให้ตายกันไปข้างหนึ่งเพื่ออะไร
คนที่หัวเราะจนถึงตอนสุดท้ายคือผู้ชนะ!
แต่ความคิดของทางสถานีโทรทัศน์เซียงหนานแตกต่างจากของลู่เฉินโดยสิ้นเชิง ละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ สองตอนแรกได้เรตติ้งสูง ก็รีบโปรโมตเพิ่มอย่างหนักหน่วงในฉับพลัน
หูหยางนักแสดงหลักของ ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ลงโพสต์ใหม่ในบล็อกของตัวเองทันที โดยใช้หัวข้อว่า ‘1.39%’ และปล่อยรูปภาพที่เขาเปิดแชมเปญเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ ในโรงแรม
ขณะเดียวกันหูหยางกับนักแสดงคนอื่นในละครเรื่องนี้ก็ได้พูดคุยตอบโต้กัน แสดงความเห็นกันอย่างได้ใจ!
เทียบกันแล้ว บล็อกของลู่เฉินตกอยู่ในความเงียบสงบไปชั่วขณะ
นี่ทำให้คนอื่นรู้สึกไปเองว่า สงครามระหว่าง ‘ฟูลเฮ้าส์’ กับ ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ลู่เฉินกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานและหูหยาง ปรากฏผลแพ้ชนะแล้ว!
…………………………………………