ตอนที่ 433 ทวินส์
คุณนายจินรู้จักเฉินเฟยเอ๋อร์มานานแล้ว อีกอย่างเมื่อวานเธอเพิ่งคุยโทรศัพท์กับเฉินเฟยเอ๋อร์ จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้เรื่องของลู่เฉินเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เป็นการล้อเล่นกับลู่เฉินเท่านั้น
แต่ในใจของลู่เฉินรู้ดีว่า เฉินเฟยเอ๋อร์และคุณนายจินไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก หรืออาจจะไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว ไม่เช่นนั้นเธอต้องเล่าให้เขาฟังว่ามีคนคนนี้อยู่
ลู่เฉินหัวเราะ “ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากนะครับ ที่ทำให้ผมไม่ต้องขายหน้า!”
คุณนายจินส่ายหน้าปฏิเสธความดีความชอบ “เด็กบ้านสวี่คนนั้นอยากประมูลก่อน ฉันแค่ไปแย่งเธอมาเท่านั้น เด็กคนนั้นไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย คุณจำข้อนี้เอาไว้ให้ดีก็พอแล้ว”
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก เพราะคำเตือนเช่นเดียวกันนี้ซูจิ้งได้บอกเขาไว้แล้ว
เขารู้ว่าสวี่ฮุ่ยที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับของเขานั้นไม่ได้เป็นแค่ศิลปินธรรมดา เธอมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากมาย
ลู่เฉินอึดอัดใจ ตัวเขาดูเป็นคนเจ้าชู้ชอบจีบคนอื่นไปทั่วแบบนั้นเลยเหรอ?
“เมื่อกี้ฉันลืมแนะนำไปเลย…”
โชคดีที่คุณนายจินสิ้นสุดเรื่องนี้ลง ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เธอแนะนำให้ลู่เฉินรู้จักกับสาวน้อยสองคนข้างกายเธอ “นี่คือลูกสาวบุญธรรมของฉัน จี่เสี่ยวเตี๋ยและหลี่ซินเหยียน เดือนหน้าเสี่ยวเตี๋ยจะเดบิวต์แล้ว”
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่ มองออกว่าเธอเอ็นดูลูสาวบุญธรรมทั้งสองมากแค่ไหน
จี่เสี่ยวเตี๋ยและหลี่ซินเหยียนอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี ทั้งสองดูสวยน่ารักทั้งคู่ จี่เสี่ยวเตี๋ยใบหน้าผอมเล็ก ผมยาวคลุมบ่าดูน่าหลงใหล ส่วนหลี่ซินเหยียนผมสั้น ใบหน้ากลมคล้ายผลแอปเปิล เวลายิ้มเผยลักยิ้มที่ข้างแก้ม
“พี่ลู่เฉินสวัสดีค่ะ!”
ทั้งสองคนพร้อมใจกันทักทายลู่เฉิน
คุณนายจินแก้ให้ว่า “ต้องเรียกว่าอาจารย์ลู่เฉิน อาจารย์ลู่!”
หลี่ซินเหยียนแลบลิ้นเผล่ รีบพูดว่า “อาจารย์ลู่สวัสดีค่ะ”
จี่เสี่ยวเตี๋ยพูดตาม
ทั้งสองเป็นพี่น้องที่งดงามเหมือนดอกไม้ นิสัยของหลี่ซินเหยียนค่อนข้างซุกซนมากกว่า ส่วนจี่เสี่ยวเตี๋ยขี้อายมากกว่า
ลู่เฉินอมยิ้ม “สวัสดีครับ”
เขาถามคุณนายจินว่า “เพลงนี้คุณจะให้เสี่ยวเตี๋ยใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
คุณนายจินพยักหน้า กุมมือเสี่ยวเตี๋ยแล้วเอ่ยต่อว่า “เสี่ยวเตี๋ยนิสัยนุ่มนวล ฉันกลัวว่าเธอจะถูกรังแก แต่ยังไงเธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต ในเมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วก็ไม่มีทางเลือก”
“ฉันหวังแค่ว่าก้าวแรกของเธอจะราบรื่น ยังมีซินเหยียน…”
“ต่อไปต้องขอให้อาจารย์ลู่เฉินช่วยชี้แนะ คุณแค่พูดมาประโยคเดียวก็ช่วยพวกเธอได้มากแล้ว!”
ลู่เฉินถ่อมตน “คุณชมมากเกินไปแล้วครับ จนผมทำตัวไม่ถูกแล้วครับ”
คุณนายจินกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ เท่าที่ฉันรู้ ด้านการสร้างสรรค์เพลงจีนนั้น ในบรรดาคนหนุ่มสาวทั้งหมดไม่มีใครสู้คุณได้เลย มีแต่พวกกบในกะลาเท่านั้นที่ไม่รู้”
เธอกำลังเยาะเย้ยเหลียงจื้อหาว
ลู่เฉินยิ้มพลางส่ายหน้า
คุณนายจินไม่ปล่อยเขาไป “ในเมื่อได้เจอกันที่นี่แล้ว คุณก็ช่วยชี้แนะเสี่ยวเตี๋ยหน่อยเถอะค่ะ”
คุณนายจินไม่กล่าวคำวกวน เธอรู้จักลู่เฉินลึกซึ้งกว่าที่ลู่เฉินคาดคิดไว้เสียอีก
เธอทราบดีถึงความสำเร็จของลู่เฉินในวงการเพลง อัลบั้มของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ประสบความสำเร็จถึงขั้นได้รับ ‘อิมพีเรียลคราวน์ดิสก์อวอร์ดส์’ เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งลู่เฉินยังได้สร้างศิลปินเดี่ยวและศิลปินกลุ่มที่โด่งดังขึ้นมามากมาย ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงระดับท็อปในวงการเพลงของจีน
เพียงแต่เขาเพิ่งเข้าวงการมาไม่นาน ไม่เคยเปิดคอนเสิร์ตที่เซียงเจียงมาก่อน จึงไม่ค่อยมีคนรู้จักเขา
คนที่มีศักยภาพอย่างแท้จริงเช่นนี้ คุณนายจินต้องยึดเอาไว้ให้มั่น
เธอจึงยอมลงไปแย่งประมูลกับสวี่ฮุ่ย
สายตาที่เฝ้าคอยด้วยความหวังของจี่เสี่ยวเตี๋ยมองไปที่ลู่เฉิน เธอหวั่นใจกับการเดบิวต์ของตัวเองมาก
ความจริงคนที่เดบิวต์ใหม่มักมีปัญหานี้ สุดท้ายถ้าการเดบิวต์ผิดพลาดหรือล้มเหลว ก็จะสูญเสียความมั่นใจไปจนหมด
ลู่เฉินคิดแล้วถามว่า “เสี่ยวเตี๋ยเดบิวต์คนเดียวเหรอครับ”
คุณนายจินตอบ “ใช่ค่ะ ฉันเตรียมให้เธอเดบิวต์ก่อน แล้วจากนั้นค่อยให้ซินเหยียน”
ลู่เฉินหัวเราะ “แล้วทำไมไม่ให้ทั้งสองคนเดบิวต์พร้อมกันไปเลย สร้างเป็นกลุ่มนักร้องดูโอ”
จี่เสี่ยวเตี๋ยขี้อาย หลี่ซินเหยียนเปิดเผย ทั้งสองคนดูแล้วสนิทสนมกันมาก ถ้าได้รวมกลุ่มคู่กัน ก็จะขจัดปัญหาไปได้หลายอย่าง
“หืม?”
คุณนายจินอึ้ง ทำไมเธอไม่เคยคิดถึงจุดนี้
หลี่ซินเหยียนกลับเอ่ยข้อเสียของตัวเองขึ้นก่อน “อาจารย์ลู่คะ เสียงของฉันธรรมดา แม่บุญธรรมเตรียมจะให้ฉันไปเติบโตทางรายการบันเทิงหรือไม่ก็หนังละครมากกว่า พี่เสี่ยวเตี๋ยร้องเพลงเพราะกว่าฉันเยอะ ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธอค่ะ”
จี่เสี่ยวเตี๋ยส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร
เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจในข้อเสนอแนะของลู่เฉิน การมีพี่น้องอยู่เป็นเพื่อน ทำให้เธอวางใจขึ้นเยอะ
ลู่เฉินตอบว่า “นั่นไม่ใช่ปัญหา สิ่งสำคัญคือเธอทั้งสองดูดีมาก ไม่ต้องใช้ความสามารถหรือพรสวรรค์ในการร้องเพลงอะไรมาก เดินบนเส้นทางสายไอดอลวัยรุ่นได้แน่นอน”
คุณนายจินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า “ถ้างั้นก็เอาตามนี้ พวกเธอสองคนเดบิวต์พร้อมกันเป็นวงคู่หูดูโอ ฉันจะให้ทางบริษัทวางแผนงานใหม่ทั้งหมด!”
ความกล้าได้กล้าเสียของเธอยิ่งใหญ่มาก คำพูดประโยคเดียวของลู่เฉินได้พลิกล้มการเตรียมการทั้งหมดตั้งแต่ต้น ซึ่งมีมูลค่าไม่น้อย
คุณนายจินที่ตัดสินใจได้แล้วราวกับได้วางก้อนหินอันหนักอึ้งในใจลง เธอหัวเราะถามลู่เฉินว่า “คุณเป็นคนเสนอความคิดนี้ งั้นชื่อวงของพวกเธอทั้งสองคน ให้คุณเป็นคนตั้งแล้วกันค่ะ”
การตั้งชื่อเป็นเรื่องสำคัญ คุณนายจินขอให้ลู่เฉินตั้งชื่อให้กับวงดูโอ ถือเป็นการยอมรับและให้เกียรติอย่างสูง
ลู่เฉินคิดไตร่ตรอง แล้วตอบว่า “ชื่อวงทวินส์แล้วกันครับ!”
“ทวินส์?”
จี่เสี่ยวเตี๋ยถามว่า “แปลว่าคู่แฝดในภาษาอังกฤษใช่ไหมคะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว เธอชอบไหม”
“ทวินส์…”
จี่เสี่ยวเตี๋ยทวนชื่อเบาๆ แล้วดวงตาเปล่งประกายขึ้นอย่างแปลกประหลาด
เธอหันไปมองหน้ากับหลี่ซินเหยียน ฝ่ายหลังกำลังยิ้มและพยักหน้าแรงๆ
หลี่ซินเหยียนชอบแน่นอน
คุณนายจินมองดูลูกสาวบุญธรรมทั้งสอง แล้วหลุดขำออกมา “ชื่อนี้เหมาะกับพวกลูกจริงๆ”
เดิมทีจี่เสี่ยวเตี๋ยกับหลี่ซินเหยียนไม่รู้จักกันมาก่อน ทั้งสองเป็นเด็กฝึกอยู่ในบริษัทเดียวกันจนกลายเป็นเพื่อนสนิท จากนั้นก็ตัวติดกันเป็นเงาตามตัว
แผนเดิมคือหลังจากเดบิวต์เสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็จะเติบโตไปในทิศทางของตัวเอง อนาคตจะเป็นอย่างไรยังบอกไม่ได้
แต่โชคชะตาบันดาล วันนี้ลู่เฉินปรากฏตัวขึ้น พวกเธอยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้เหมือนเดิม มีคนจูงมือไปด้วยกันบนเส้นทางสายอาชีพ หรือนี่อาจจะเป็นวาสนาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว!
คุณนายจินกล่าวตบท้ายกับลู่เฉินว่า “ถ้าอย่างนั้นผลงานของวงทวินส์ที่จะใช้เดบิวต์ต้องฝากฝังไว้กับคุณแล้ว”
ลู่เฉินยิ้มน้อยๆ “ไม่มีปัญหาครับ”
คุณนายจินบริจาคเงินหนึ่งล้านเป็นการตอบแทน เขาคิดเอาไว้แล้วถึงผลงานเดบิวต์ของวงทวินส์
ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน
“ฉันจะส่งคนไปรับเนื้อเพลงมาภายในสามวันนี้นะคะ”
ตอนนี้เองที่งานประมูลกำลังดำเนินมาจนใกล้จะถึงตอนจบ
……………………………………