ตอนที่ 459 ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน
ผู้คนมามุงล้อมรอบกองไฟริมแม่น้ำเยอะขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าคนเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในลานเลี้ยงสัตว์มารวมตัวกันทั้งหมดเปลวไฟลุกโชติช่วงชัชวาลส่องใบหน้าทุกคนให้สว่างขึ้น ราวกับภาพเขียนสีน้ำมันขนาดยักษ์ แต่มีชีวิตชีวาอย่างหาที่เปรียบมิได้
แม่น้ำสุ่ยเฉวียนงดงามเหมือนดั่งหยกสวยไหลผ่านทุ่งหญ้าอย่างเงียบสงบ คลื่นน้ำระยิบระยับนั่นคือแสงสว่างของพระจันทร์ เสียงแผดร้องของม้าดังมาแต่ไกล สายลมพัดเอื่อย พัดพากลิ่นหอมของไอดินและกลิ่นหญ้ามากับสายลม
ท่ามกลางการจดจ้องของทุกคน ลู่เฉินก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าของชายชราคนเลี้ยงสัตว์คนหนึ่ง โน้มตัวแล้วถามว่า“ท่านผู้เฒ่าครับ ผมขอยืมซอหัวม้าของคุณหน่อยได้ไหมครับ”
ชายชราคนเลี้ยงสัตว์คนนี้อายุมากแล้ว ผิวคล้ำร่องลึกแตกลายบนใบหน้าบ่งบอกว่าผ่านกาลเวลามายาวนาน ผมหงอกแกมเทาดวงตาพร่าเลือน แต่ฝีมือการสีซอหัวม้าของเขามีระดับสูงมาก
เมื่อได้ยินว่าลู่เฉินขอยืมซอของตน เขาจึงแสยะยิ้มออกมา เผยให้เห็นฟันเหลืองซีดที่ไม่เป็นระเบียบ ใบหน้าแก่ๆย่นเป็นดอกเบญจมาศ จากนั้นจึงยื่นซอหัวม้าที่อยู่ในอ้อมอกให้ลู่เฉินอย่างใจกว้าง “อะให้!”
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินรับซอมาอยู่ในมือ แล้วโน้มตัวขอบคุณอีกครั้ง
ซอตัวนี้ดูแล้วน่าจะมีอายุหลายปี คาดว่าอายุไม่น้อยไปกว่าชายชราคนเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังรักษาได้ดีมาก หัวซอ ด้ามซอ และกล่องเสียงล้วนใช้วัสดุอย่างดี พื้นผิวสีน้ำตาลเข้มขัดเป็นมันเงาอย่างชัดเจน
ซอหัวม้าตัวนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนที่รู้จักของเท่านั้นถึงจะรู้คุณค่าของมัน
ทุกคนล้วนตกใจ
ไม่ว่าจะเป็นลุงฉี่เหยียนและคนเลี้ยงสัตว์ในลานล่าสัตว์คนอื่น หรือแม้แต่จางเค่อ สือหล่าง และนักแสดงคนอื่นใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะใช้ซอหัวม้าบรรเลงเพลง
หลายคนที่อยู่ในนี้รู้ว่าลู่เฉินเล่นกีตาร์ได้ดีมาก แต่กีตาร์กับซอหัวม้าไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง เขาคงไม่เอาเทคนิคการดีดกีตาร์ของเขามาใช้กับซอหัวม้าหรอกกระมัง
นั่นคงเป็นเรื่องตลกชะมัด!
ลู่เฉินนั่งลงทำท่าควบม้าเล็ก กอดซอหัวม้าและลองเสียงเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยว่า “มาทุ่งหญ้ามองโกเลียเป็นครั้งแรก ที่นี่สวยงามมากจริงๆ รู้สึกเหมือนบ้านที่อยู่ในฝันของผมครับ!”
“ขณะเดียวกันก็ต้องขอขอบคุณการต้อนรับอย่างเป็นมิตรและอบอุ่นของเพื่อนๆ เผ่ามองโกล ดังนั้นผมขอมอบเพลงนี้ให้กับพวกคุณครับ!”
ถึงแม้คนจะมารวมตัวกันเยอะมาก แต่ยามที่ลู่เฉินเอ่ยปากพูด ทุกคนกลับเงียบอย่างมีมารยาท ดังนั้นเสียงของเขาจึงดังเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินลู่เฉินเอ่ยชื่นชมทุ่งหญ้ามองโกเลีย พวกคนเลี้ยงสัตว์จึงเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจออกมา เมื่อสิ้นเสียงของเขา เสียงปรบมือคึกคักของพวกคนเลี้ยงสัตว์พลันดังขึ้น
ลู่เฉินยิ้มกริ่มรอให้เสียงปรบมือเงียบสงบก่อน จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เพลงนี้มีชื่อว่า…”
“ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน[1]!”
ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน?
จางเค่อ สือหล่าง และทีมงานกองถ่ายคนอื่นๆ มองหน้ากันไม่หยุด เพราะพวกเขาไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน
คนเลี้ยงสัตว์ของชนเผ่ามองโกลส่วนใหญ่แล้วฟังภาษาจีนรู้เรื่อง พวกเขาไม่รู้ว่าเพลงนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ของลู่เฉิน พอได้ยินชื่อเพลงก็รู้สึกว่าชอบมาก…ทุ่งหญ้าที่แสนงาม คือบ้านของพวกเขาไม่ใช่หรือ
ดังนั้นทุกคนจึงปรบมือดังอีกครั้ง แล้วก็โห่ร้องชอบใจ
คนที่อยู่ในนี้มีเพียงเฉินเฟยเอ๋อร์ที่รู้ดี เธอมองลู่เฉินด้วยอารมณ์รักที่ลึกซึ้ง นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ
“พี่เฟยเอ๋อร์…”
และในเวลานี้ เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นแอบโผล่มาอยู่ข้างกายเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างเงียบๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มทันที “น้องเก๋อเกินถ่าน่า!”
สาวน้อยเผ่ามองโกลคนนี้มีใบหน้าที่เขินอาย พูดตะกุกตะกักเบาๆ ว่า “พี่เฟยเอ๋อร์ หนูเอาแส้ของตัวเองให้พี่ลู่เฉินคนนี้ไปแล้วค่ะ”
ลูกสาวแห่งทุ่งหญ้ากล้าที่จะรักกล้าที่จะเกลียด เมื่อเจอคนที่ชอบก็กล้าที่จะสารภาพรักก่อน จะไม่เก็บเอาไว้ในใจให้คนอื่นต้องคาดเดา เก๋อเกินถ่าน่าก็เช่นกัน
เธอไม่เคยเจอผู้ชายชาวฮั่นที่หล่อเหมือนลู่เฉินมาก่อน ดังนั้นถึงมอบแส้ของตัวเองออกไป
แต่มาตรึกตรองดูตอนหลัง ลู่เฉินเป็นแฟนของพี่เฟยเอ๋อร์ ตัวเองทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นหลังจากต่อสู้กับความคิดอย่างดุเดือดไปยกหนึ่ง สุดท้ายจึงมารับผิดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ “…พี่อย่าโกรธนะคะ”
“น้องสาวติ๊งต๊อง…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วดึงเก๋อเกินถ่าน่ามาอยู่ในอ้อมกอด พลางเอ่ยว่า “พี่ไม่โกรธหรอก เพราะพี่รู้ว่าเก๋อเกินถ่าน่าเป็นผู้หญิงที่ดี ดังนั้น…พวกเรามาฟังเพลงด้วยกันเถอะ!”
เธอชอบเก๋อเกินถ่าน่ามาก แล้วจะหึงกับสาวน้อยที่ยังไม่ประสีประสาเรื่องความรักได้อย่างไร
ผู้ชายที่เหมือนอย่างลู่เฉิน มีผู้หญิงชอบหลายคนเป็นเรื่องที่ปกติมาก!
และตอนนี้ ลู่เฉินก็เริ่มเล่นและร้องเพลงของเขาแล้ว
เสียงสูงสลับเสียงต่ำของซอหัวม้า ดังขึ้นเป็นท่วงทำนองที่งดงาม
“ทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตาบ้านของฉัน
เต็มทุ่งบานลมรำเพยเชยดอกหญ้า
ผีเสื้อบินชดช้อยนกน้อยแว่วเพลงมา
ธารธาราสีมรกตสะท้อนแสงสายัณห์
อาชางามทะยานละลานดั่งดอกหญ้า
แกะพราวตาขาวสะพรั่งดั่งมุกหว่าน
อาอาหาเฮยอี~
เสียงสาวน้อยต้อนแกะขับเพลงสำราญ เสียงขับขานกังวานก้องสุดฟ้าไกล!
…”
เพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ บทเพลงนี้อยู่ในโลกแห่งความฝันของลู่เฉิน เป็นผลงานเพลงคลาสสิคที่นิยมร้องกันอย่างแพร่หลาย ใช้ทำนองเพลงของคนเลี้ยงสัตว์ที่สวยงาม สดุดีทิวทัศน์ที่งดงามดั่งภาพวาดของทุ่งหญ้ามองโกเลียและชีวิตที่มีความสุขของคนเลี้ยงสัตว์ ถูกนักร้องนำไปร้องและเรียบเรียงใหม่มากมายนับไม่ถ้วน
ลู่เฉินใช้ซอหัวม้าบรรเลงเพลง เรียกได้ว่าแสดงออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ที่แท้จริง โน้ตเพลงสองท่อนแรกไล่เสียงจากต่ำไปสูง ราวกับคนเลี้ยงสัตว์ปีนขึ้นไปบนที่สูงทอดมองทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา กระโจมที่พักราวกับดอกบัวที่เบ่งบาน และวัวกับแกะก็เหมือนกับไข่มุกที่ร่วงหล่นอยู่บนทุ่งเลี้ยงสัตว์ก็ไม่ปาน คนที่ได้ฟังจึงเพลิดเพลินหลงใหลไปกับบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้นมาจากบทเพลงนี้
หลังจากนั้นความคิดทางดนตรีก็ผุดขึ้นมาโดยพลัน พวกคนเลี้ยงสัตว์ที่ฟังเพลงอยู่พลางรู้สึกถึงความงามของบ้านเกิดตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด เสียงดนตรีขึ้นๆ ลงๆ ต่อเนื่องกันไม่หยุดรู้สึกถึงการบรรยายที่ยกระดับขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ทำให้สีสันของเพลงเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
เวลานี้ ทิวทัศน์ในตอนนี้ ซอนี้ และเพลงนี้ ใครบ้างไม่หลงใหล
“…
ทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตาบ้านของฉัน
ฉันรักมั่นทุ่งขจีธารน้ำใส
ผืนหญ้าเขียวเหมือนท้องทะเลพราย
สักหลาดขาวประกายดั่งดอกบัวบาน
ชนเลี้ยงแกะรจนาภาพภิรมย์รื่น
วาดแสงทองลมกลืนดั่งภาพฝัน
อาอาหาเฮยอี~
เสียงสาวน้อยต้อนแกะขับเพลงสำราญ
เสียงขับขานกังวานก้องสุดฟ้าไกล
เสียงสาวน้อยต้อนแกะขับเพลงสำราญ
เสียงขับขานกังวานก้องสุดฟ้าไกล!”
โครงสร้างของท่อนที่สองไม่เหมือนกับท่อนแรกโดยสิ้นเชิง ทิศทางการพัฒนาของวลีทั้งสี่ นอกจากความคิดทางดนตรีที่ลึกซึ้งขึ้นแล้ว ด้านการถ่ายทอดอารมณ์ ยิ่งเป็นเสน่ห์อันน่าดื่มด่ำมิรู้ลืม
โดยเฉพาะเสียงยาวของท่อนปิดท้าย แฝงไปด้วยอารมณ์รักที่แรงกล้า นั่นคือการตกหลุมรักและพิศวาสทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่งดงามของผู้แต่ง เป็นการสารภาพรักที่ไม่อยากจากไป
เสียงซอกับเสียงเพลงอันไพเราะยังดังอ้อยอิ่งอยู่ ลอยล่องอยู่ระหว่างกระโจมแบบมองโกล ผ่านแม่น้ำสุยเฉวียนลอยไปบนทุ่งหญ้าที่ไร้ที่สิ้นสุด!
จนกระทั่งลู่เฉินร้องและเล่นจบ ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร รอบๆ เงียบสนิทราวกับต้องมนต์สะกดแห่งกาลเวลา มีเพียงเสียงปะทุของถ่านไม้ที่กองอยู่ในกองไฟดังขึ้นเตือนผู้คน
คนเลี้ยงสัตว์หลายคนต่างพากันเคลิบเคลิ้ม ในดวงตาของหลายคนถึงกับน้ำตาคลอ
เกิดที่นี่ โตที่นี่ ดีใจก็ร้องเพลง เสียใจก็ร้องเพลง ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นก็ต้องตายที่นี่!
บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้จักประโยคเหล่านี้ แต่ความรักบ้านเกิดของพวกเขาได้ฝังเข้าไปอยู่ในกระดูกของพวกเขานานแล้ว ความรู้สึกรักและหวงแหนที่ร้อนแรงถูกกระตุ้นออกมาจากเสียงเพลงของลู่เฉินในวินาทีนี้
ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน!
…………………………………………………………………………
[1] 美丽的草原我的家หรือเพลง ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน เนื้อร้องโดยหั่วหวา (火华) ทำนองโดยอาลาเถิงเอ้าเลย (阿拉腾奥勒)