ตอนที่ 486 ศึกภายนอกและศึกภายใน
สำหรับคนที่รู้จักและเข้าใจโจวอี้ คำวิจารณ์ที่มีต่อเขาคือนักธุรกิจที่แท้จริงคนหนึ่ง เป็นนักธุรกิจที่เน้นผลประโยชน์ทางธุรกิจไม่สนใจมิตรภาพมากนัก เป็นนักธุรกิจที่กล้ามากสำหรับผลประโยชน์มากมายที่อยู่ตรงหน้า กล้าที่จะท้าทายกฎเกณฑ์
ตอนนี้ปัญหายุ่งยากเพิ่งจะเกิดขึ้น โจวอี้ก็คิดที่จะถอนตัวแล้ว ทำให้ลู่เฉินรู้สึกตกใจมากจริงๆ
การร่วมงานกันครั้งนี้ของทั้งสองฝ่าย ลู่เฉินยอมมอบผลประโยชน์ให้อีกฝ่ายเยอะมาก เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับยอดขายบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘โปเยโปโลเย’ เพราะในโลกของความฝันภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกยกให้เป็นผลงานคลาสสิค ดังนั้นจึงมีออร่าเปล่งรัศมีได้แน่นอน
เงินลงทุนสามสิบล้าน มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำกำไรได้หลายเท่ากระทั่งสิบเท่า!
แน่นอนว่าโจวอี้ไม่รู้ที่มาของ ‘โปเยโปโลเย’ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ถึงอิทธิพลและชื่อเสียงในประเทศจีนของลู่เฉินเลย มิฉะนั้นคงไม่กระตือรือร้นอยากจะร่วมงานขนาดนี้
แล้วอะไรทำให้เขาตัดสินใจยอมแพ้ล่ะ
ลู่เฉินแอบคิดแง่ร้ายที่สุดอยู่ในใจ แล้วเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เถ้าแก่โจวจริงจังเกินไปแล้ว พวกเรานั่งลงแล้วค่อยๆ คุยกันดีกว่าครับ”
เป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น จึงไม่จำเป็นต้องพูดจาทักทายตามมารยาทกันแล้ว ทุกคนนั่งลงพร้อมกัน
โจวอี้ยกกาน้ำชาด้วยตนเอง แล้วรินชาร้อนให้ลู่เฉิน เขาถอนหายใจพลางพูดว่า “คุณลู่ พวกคุณคงจะคิดว่าเจียหยางพิคเจอร์สหรือไม่ก็ตัวผมต้องมีความแค้นอะไรกับแก๊งเซิ่งอี้ถังที่อยู่เบื้องหลังหงหวาแน่นอน แต่ผมขอพูดตรงนี้อย่างเปิดเผยว่า ผมไม่เคยมีเรื่องผิดใจกับตระกูลเจี่ยงมาก่อนครับ”
“ถ้าหากลำพังแค่เจี่ยงเฉิงหวาเถ้าแก่ของหงหวาเพียงคนเดียว ผมก็ไม่กลัว แต่เจี่ยงไท่พ่อของเขา ผมไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะพูดจาทัดเทียมเสมอเขาได้เลย ถ้าหากเจอเขาก็ต้องหนีให้ไกล”
ไม่ใช่ปัญหาทางเจียหยางพิคเจอร์ส
ลู่เฉินตกตะลึงทันที แล้วมันเกิดเรื่องอะไรล่ะ
โจวอี้เข้าใจความคิดของเขาอย่างเห็นได้ชัด จึงเอ่ยต่อว่า “ผมไหว้วานให้คนไปสืบเบาะแสของเจี่ยงเฉิงหวาแล้วลองไปสืบดูว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ เชื่อว่าภายในสองวันนี้จะได้ข่าวที่แม่นยำครับ”
“และจากการคาดเดาของผม…”
เถ้าแก่ของเจียหยางพิคเจอร์สคนนี้ลังเลเล็กน้อย เหมือนอยากจะอธิบายแต่ก็ไม่กล้าพูด
ลู่เฉินยิ้มแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “เถ้าแก่โจวพูดมาตรงๆ ได้เลยครับ ต่อให้เดาผิดก็ไม่เป็นไร”
โจวอี้ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผมเดาว่าทางหงหวาอยากเข้ามาถือหุ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมได้ยินว่าเจี่ยงเฉิงหวาช่วงนี้อยากตั้งบริษัทบันเทิงเป็นของตัวเอง เพื่อบุกอุตสาหกรรมภาพยนตร์โทรทัศน์”
“แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาอยากหาหุ้นส่วนที่เหมาะสมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น…”
“ดังนั้นจึงเลือกภาพยนตร์ของผมเป็นบันไดเลื่อนขั้นใช่ไหมครับ”
ลู่เฉินหัวเราะทันที “ผมเป็นเด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งมาจากประเทศจีน ในสายตาของเขาผมคงเป็นแกะอ้วนที่มีผลประโยชน์มากใช่ไหมครับ”
สีหน้าของโจวอี้มีความเคอะเขินเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับความคิดของลู่เฉิน “นี่เป็นแค่การคาดเดาของผม เรื่องจริงเป็นยังไง ก็ต้องรอดูเจตนาของอีกฝ่าย”
ลู่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง นิ้วมือเคาะบนโต๊ะเบาๆ แล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้น ถ้าหากทางหงหวาอยากเข้าร่วมจริงๆ และผมก็ตกลง แล้วเถ้าแก่โจวคุณมีความคิดเห็นยังไงครับ”
โจวอี้ตอบทันที “งั้นผมก็จะถอนตัวครับ คนของตระกูลเจี่ยงผมผิดใจไม่ไหว”
คำตอบของเขามีคำตอบเดียวจริงๆ เขายอมรับว่าตัวเองกลัวมาก
ลู่เฉินฟังเข้าใจความหมายของเขาแล้ว “แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะครับ”
คำตอบของโจวอี้ก็ยังคงมีเพียงข้อเดียวจริงๆ “งั้นเจียหยางพิคเจอร์สก็ยินดีร่วมงานต่อ แต่พวกเราไม่สามารถต่อต้านคนของตระกูลเจี่ยงได้ ถ้าหากเจี่ยงไท่เอ่ยปาก อย่างนั้นผมก็ต้องถอยออกมาครับ”
ลู่เฉินฟังเข้าใจแล้ว
ถึงแม้โจวอี้จะพูดว่าไม่กล้าผิดใจกับคนของตระกูลเจี่ยงก็จริง แต่นั่นต้องในกรณีที่เจี่ยงไท่พี่ใหญ่ของตระกูลเจี่ยงอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นเจียหยางพิคเจอร์สคงไม่ยอมล้มเลิกการร่วมงานหรอก
แต่ถ้าหวังจะให้เจียหยางพิคเจอร์สรับมือกับหงหวา นั่นไม่มีทางเป็นจริงได้
มุ่งหาผลประโยชน์หลีกเลี่ยงอันตราย นี่คือวิธีปฏิบัติมาตรฐานของนักธุรกิจ หากจะพูดว่าไร้ยางอายก็ไม่ผิดนัก แต่ความปากกล้าของเขา ค่อนข้างมีสไตล์เหมือนพวกตัวร้ายไปนิด ทุกอย่างพูดกันตรงหน้าอย่างเปิดเผย
ลู่เฉินไม่โกรธ ครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ยึดตามนี้ไปก่อน ส่วนทางหงหวาก็ต้องรบกวนเถ้าแก่โจวช่วยสืบข้อมูลกลับมาเยอะๆ หน่อยนะครับ ถ้ามีค่าใช้จ่ายอะไร สตูดิโอของพวกเรายินดีรับผิดชอบครับ”
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ!”
โจวอี้โบกมือเป็นพัลวัน แล้วเอ่ยว่า “ถ้าได้ข่าว ผมจะรีบแจ้งคุณทันทีครับ”
ลู่เฉินพยักหน้า
เรื่องราวปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อนชั่วคราว การถ่ายทำของวันพรุ่งนี้ยังต้องดำเนินต่อไป มัวแต่ได้ยินเสียงแมลงกระชอนแล้วไม่ทำนาตลอดไปก็คงไม่ได้หรอก เขาไม่อยากกลับประเทศจีนด้วยสีหน้าเศร้า
ถ้าหากไม่มีหัวใจที่กล้าหาญไร้ความกลัว ต่อให้ครอบครองทรัพย์สินในโลกนี้ แล้วจะปีนขึ้นไปสู่ยอดสูงสุดที่แท้จริงได้อย่างไร
ก่อนจะจากกัน เนี่ยหมิงจูที่ไม่ได้พูดอะไรเลยได้รินน้ำชาให้ลู่เฉินหนึ่งถ้วย
เธอพูดกับลู่เฉินว่า “ฉันชอบบทเรื่องนี้มาก และก็ชอบบทบาทของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมากจริงๆ ขอบคุณที่คุณให้โอกาสฉันแสดงครั้งนี้ค่ะ หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะคะ”
ลู่เฉินไม่ค่อยเข้าใจท่าทีของเนี่ยหมิงจูมากนัก แต่ก็รับน้ำใจของเธอ
เมื่อออกมาจากสโมสรโอเคน วั่นเสี่ยวเฉวียนขึ้นไปนั่งบนรถและแสดงความไม่พอใจต่อโจวอี้ “คนคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ และไม่น่าเชื่อถือด้วย พวกเราอยากจะร่วมงานกับเขาต่อจริงๆ เหรอ”
ลู่เฉินอธิบายว่า “พวกเราตอนนี้ถ้าไม่ร่วมงานกับเจียหยางพิคเจอร์ส เรื่องราวก็จะยิ่งยุ่งยาก อย่างแรกต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเจตนาที่แท้จริงของหงหวาคืออะไร แล้วค่อยคิดแผนกันอีกที!”
โจวอี้ก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ถึงตอนนั้นลู่เฉินจะได้ถีบเขาออกไปอย่างชอบด้วยเหตุผล
ที่สำคัญที่สุดคือ ระหว่างที่สนทนากัน ลู่เฉินรู้สึกว่าโจวอี้มีไพ่ตาย เขาดูไม่เหมือนหวาดกลัวคนของตระกูลเจี่ยงดังที่ตัวเองกล่าว แต่ดูเหมือนกำลังหยั่งเชิงท่าทีของลู่เฉินมากกว่า
ปรากฏว่าวันต่อมาสถานที่ถ่ายทำที่วัดฮุนจิของโรงถ่ายไลอ้อนร็อกเกิดปัญหาแล้ว
มีคนเอาแมวตายสองตัวมาทิ้งในสถานที่ถ่ายทำ และยังเป็นแมวดำที่อัปมงคลอีกด้วย คอของแมวถูกบิดจนหัก
“น่าจะมีคนแอบเอาเข้ามาทิ้งตอนเช้ามืด…”
วั่นหย่งพูดกับลู่เฉินที่รุดมายังสถานที่ถ่ายทำ “ผมจะให้พวกเสี่ยวเฉินไปจัดการ ไม่ให้พูดกับคนอื่น”
นี่คือวิธีที่น่าขยะแขยงมาก อีกฝ่ายไม่ขโมยไม่แก่งแย่ง แต่จงใจใช้วิธีที่น่ารังเกียจก่อกวน
แจ้งความก็ไม่มีประโยชน์ ตำรวจฮ่องกงไม่สนใจเรื่องเล็กๆ แบบนี้ และเมื่อแจ้งความแล้วก็จะถูกปาปารัสซี่ถ่ายภาพเอาไปสร้างกระแสบนสื่อได้ง่าย จะส่งผลกระทบต่อกองถ่ายภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น
ลู่เฉินเชื่อฟังคำแนะนำของเฉินเหวินเฉียง ให้เขาควบคุมข่าวนี้อย่างเงียบๆ ไม่ประโคมข่าวออกไป
ลู่เฉินรู้สึกโชคดีมากที่เมื่อคืนจัดคนสองคนมาดูแลสถานที่ถ่ายทำ ไม่อย่างนั้นหากการบริหารเกิดช่องโหว่ละก็จะถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสได้ง่าย ไม่แน่อาจจะก่อเรื่องที่ใหญ่โตมากกว่านี้
ทว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ยังไม่ถึงตอนกลางวัน เรื่องแมวตายถูกนำมาทิ้งในสถานที่ถ่ายทำได้แพร่กระจายไปทั่วกองถ่ายแล้ว ทุกคนต่างทำสีหน้าแปลกๆ ทีมงานกองถ่ายหลายคนต่างใจลอย
ขั้นตอนการถ่ายทำไม่ราบรื่นเหมือนเคย ผลปรากฏว่าช่วงบ่าย ก็มีคนเสนอขอออกจากกองถ่าย
…………………………………………………………………………