ตอนที่ 496 การมาถึงของเซอร์ไพรส์
“แกทำเรื่องงามหน้านัก!”
เจี่ยงไท่แผดเสียงคำรามด้วยความเดือดดาล ลางสังหรณ์ของเจี่ยงเฉิงหวากลายเป็นความจริง เกี่ยวข้องกับลู่เฉินจริงๆ ด้วย
แต่เขาไม่เข้าใจ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “เป็นไปได้ยังไง! ผมให้คนไปสืบอีกฝ่ายแล้ว อย่างมากก็แค่ศิลปินตัวเล็กๆที่มาจากประเทศจีน เพิ่งเดบิวต์ไม่นานก็ได้แฟนเป็นดาราสาว เขาจะไปเอากำลังมากมายมาจากไหน”
สามารถทำให้กรมสรรพากรกับสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมเคลื่อนไหว มาหาเรื่องบริษัทลงทุนจากฮ่องกงที่มีเงินทุนมหาศาลแบบนี้ได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีอิทธิพลธรรมดาจะทำได้ ต้องได้รับแจ้งเจตนารมณ์ของบุคคลระดับสูงในประเทศจีนมาอย่างแน่นอน
เจี่ยงเฉิงหวาก็ไม่ได้โง่ ก่อนที่เขาจะหาเรื่องกองถ่าย ‘โปเยโปโลเย’ ได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ของลู่เฉินมาก่อนตอนนี้ดูท่าแล้วเขาถูกปิดบังมากถึงแปดเก้าส่วน หรือไม่เบื้องหลังของอีกฝ่ายก็ซ่อนอยู่ลึกเกินไป
จับปลาดันเจอปลาฉลาม วินาทีนี้ เจี่ยงเฉิงหวาจนปัญญาจริงๆ
เจี่ยงไท่หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยว่า “เคยสืบเรอะ คนอื่นพูดอะไรก็เชื่อแบบนั้น แกถูกคนอื่นหลอกแล้วรู้หรือเปล่า!”
เจี่ยงเฉิงหวาใจเต้นทันที ดูเหมือนพ่อของตัวเองพูดจาคลุมเครือ
เขาสู้กับลู่เฉิน ไม่ใช่ความคิดที่ผุดขึ้นมาจากเขาเอง แต่ถูกคนอื่นยุยงและสัญญาว่าจะแบ่งผลประโยชน์ให้
เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงไท่รู้ความจริงแล้ว
และการเสียดสีและเสียงตวาดของเจี่ยงไท่ ก็ยิ่งกระตุ้นความดื้อรั้นของเจี่ยงเฉิงหวา “ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง พี่ตง…”
“พี่ตงบ้าบอน่ะสิ!”
เจี่ยงไท่ระเบิดความโกรธ หยิบที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือแล้วเขวี้ยงไปที่เจี่ยงเฉิงหวาอย่างแรง
ปั้ก!
เกิดเสียงดังปั้กตามมา หน้าผากของเจี่ยงเฉิงหวาถูกเขวี้ยงด้วยที่เขี่ยบุหรี่ที่ทำจากคริสตัล เลือดสดไหลลงมาทันทีร่างของเขาโซเซเล็กน้อย แต่กลับทนรับโดยไม่ร้องสักแอะ
คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนี้ล้วนตกใจ
เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองหัวแตกแบบนั้น เจี่ยงไท่รู้สึกเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นของเขาไม่มากก็น้อย เขานั่งลงอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยว่า “แกเป็นคนขี้ก็เช็ดเองแล้วกัน ที่ประเทศจีนฉันจะจัดการเองอีกฝ่ายแจ้งผ่านคนกลางมาแล้ว”
เจี่ยงเฉิงหวาไม่เช็ดเลือดที่ไหลบนใบหน้า ถามว่า “พวกเขาพูดว่ายังไงครับ”
เจี่ยงไท่เอ่ยอย่างราบเรียบ “นี่เป็นแค่คำเตือน ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกันแบบนี้อีก พวกเราตระกูลเจี่ยงอย่าคิดที่จะอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อีกตลอดไป”
เจี่ยงเฉิงหวาพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ เลือดไหลลงมาถึงมุมปากของเขา มีรสเค็ม แต่รู้สึกขมขื่นมากเป็นพิเศษ
เขาเอ่ยปากอย่างยากลำยาก “ผมรู้ว่าควรทำยังไงครับ”
ปัจจุบันฮ่องกงไม่อาจแยกจากจีนแผ่นดินใหญ่ ครอบครัวในฮ่องกงถ้าทำธุรกิจในฮ่องกงเท่านั้น ก็อย่าหวังว่าจะยิ่งใหญ่ได้ บริษัทเจี่ยงกรุ๊ปวางเดิมพันใหญ่มากในประเทศจีน ถ้าหากถูกบุคคลระดับสูงสกัดกั้น เช่นนั้นความเสียหายจะหนักขนาดไหนก็ยากที่จะคาดเดาได้
อย่างเช่นข่าวคราวที่สองโรงงานถูกตรวจสอบ หากแพร่ออกไป หุ้นของบริษัทเจี่ยงกรุ๊ปก็จะลดลงฮวบฮาบ
แกะหายซ่อมรั้วถือว่ายังไม่สาย!
เจี่ยงไท่โบกมือ แสดงให้เขาเห็นว่ากลับไปได้แล้ว
เจี่ยงเฉิงหวาเดินออกมาจากบ้านตระกูลเจี่ยงด้วยก้าวขาที่หนักอึ้ง เวลานี้ ในใจของเขารู้สึกเกลียดคนที่ยุยงส่งเสริมเขาคนนั้นจนเข้ากระดูกดำ!
แน่นอนว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้คลื่นลมสงบก่อน และยังต้องได้รับการให้อภัยจากลู่เฉิน
ส่วนจะทำเช่นไรนั้น เจี่ยงเฉิงหวาครุ่นคิด ฆ่าคนก็แค่โขกศีรษะยอมรับผิดเท่านั้นเอง
อย่างมากก็แค่คุกเข่า
ขณะที่เจี่ยงเฉิงหวากำลังคิดหาแผนรับมือ อีกด้านหนึ่งของเหตุการณ์นี้ ลู่เฉินกำลังเคลียร์เอกสารที่วางซ้อนกันอยู่ในออฟฟิศของตนเองที่สตูดิโอ
เนื่องจากกรณีทารุณสุนัขเรื่องราวขยายใหญ่มาก บวกกับจิตใจของทีมงานกองถ่ายที่กระเจิดกระเจิงก่อนหน้านี้ คนลาออกไปก็ไม่น้อย ดังนั้นลู่เฉินจึงหยุดถ่ายทำชั่วคราว และให้เฉินเหวินเฉียงกับวั่นเสี่ยวเฉวียนจัดระเบียบความเรียบร้อยและรับสมัครงานใหม่ในขณะเดียวกัน
ส่วนตัวเขากลับเข้าไปที่สตูดิโอของตัวเอง เตรียมเริ่มงานถ่ายทำใหม่อีกครั้งหลังจากเรื่องราวกระจ่างในอีกสองสามวัน
นอกจากนี้ ลู่เฉินก็กำลังรอการตอบสนองจากทางหงหวาหรือตระกูลเจี่ยงด้วย
ท่ามกลางสงครามไร้ควัน ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ดังนั้นจึงไม่ต้องรีบร้อน
คนที่รีบร้อนน่าจะเป็นเจี่ยงเฉิงหวากับพ่อของเขา
กริ๊ง~
ลู่เฉินเพิ่งจะเซ็นเอกสารเสร็จหนึ่งฉบับ โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์พลันดังขึ้น
หลังจากที่เขามาฮ่องกงแล้ว ก็ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่อีกเครื่องหนึ่งพร้อมกับเบอร์โทรของที่นี่ ปกติเอาไว้ใช้สำหรับทำงาน โดยทั่วไปเฉินเหวินเฉียง วั่นเสี่ยวเฉวียน หรือไม่ก็หลีเจินหากมีธุระกับเขา ก็จะโทรมาที่โทรศัพท์ทำงานเครื่องนี้
สองสามวันที่ผ่านมา โทรศัพท์ทำงานเครื่องนี้ดังไม่หยุด ส่วนใหญ่เป็นการขอสัมภาษณ์จากสื่อ ลู่เฉินจึงโยนงานนี้ให้ผู้ช่วยจัดการ ตาไม่เห็นใจก็เป็นสุข หลีกเลี่ยงไม่ให้รบกวนการทำงานของตัวเอง
แต่ตอนนี้เสียงที่ดังคือโทรศัพท์ส่วนตัวของเขา คนที่โทรมาหากไม่ใช่ครอบครัวก็เป็นเพื่อน
ชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ทำให้ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่
เขารีบรับสายหัวเราะและถามว่า “คุณชายไป๋ นึกยังไงโทรมาหาผมครับ”
ลู่เฉินพูดว่าคำว่า ‘คุณชายไป๋’ ออกมาจากปาก หมายถึงหลี่มู่ไป๋นั่นเอง เป็นการพูดแซวหยอกล้อกับเพื่อน ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น
ตั้งแต่มาอยู่ฮ่องกง ลู่เฉินกับหลี่มู่ไป๋แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย ตอนที่กลับปักกิ่งก็ได้ยินหลี่มู่ซือพูดว่าเขาพาแฟนไปเที่ยวที่ฮาวาย ถ้าไม่อาบแดดจนตัวดำก็จะไม่กลับมา
“พี่เฉิน!”
เสียงที่คุ้นเคยของหลี่มู่ไป๋ดังผ่านไมค์ แต่เนื้อหากลับทำให้ตกใจมาก “ผมอยู่ข้างล่างตึกสตูดิโอของพี่!”
“หา?”
ลู่เฉินตกตะลึง “ฉันอยู่ที่ฮ่องกง ไม่ได้อยู่ปักกิ่ง นายอยู่ที่ฮาวายไม่ใช่เหรอ”
“เพิ่งกลับมาเมื่อวานซืน…”
หลี่มู่ไป๋หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ผมรู้ว่าพี่อยู่ที่ฮ่องกง ตอนนี้ผมก็อยู่ฮ่องกง ตึกหรงจิ่น ตรงป้อมยามไม่ให้เข้าถ้าไม่ได้นัดล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นผมคงไปถึงสตูดิโอของพี่แล้ว!”
หลี่มู่ไป๋มาหาถึงที่นี่จริงๆ ลู่เฉินงงมาก รีบกล่าวว่า “โอเค นายรอเดี๋ยว ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้!”
ถ้าหากเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนอื่น เขาจะให้หลีเจินไปต้อนรับก็พอ แต่หลี่มู่ไป๋ไม่เหมือนกัน
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันอย่างแท้จริง หลี่มู่ไป๋ออกจากฮาวายกลับไปประเทศจีน จากนั้นก็มาหาเขาที่ฮ่องกง เขายังจะนั่งรอในออฟฟิศได้อย่างไร ต้องลงไปต้อนรับด้วยตัวเองสิ
จบการสนทนา ลู่เฉินรีบออกจากสตูดิโอ ขึ้นลิฟต์ลงไปห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของอาคาร
การดูแลและบริหารของอาคารหรงจิ่นเข้มงวดมาก ผู้มาเยี่ยมหากไม่ได้นัดล่วงหน้า จำเป็นต้องติดต่อผู้เช่าจากป้อมยามตรงนี้ เมื่อได้รับการอนุญาตแล้วถึงจะขึ้นไปได้ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้คนน่าเบื่อมารบกวน
ประตูลิฟต์เปิด ลู่เฉินก็เห็นหลี่มู่ไป๋ยืนอยู่ตรงป้อมยามพอดี
พ่อหนุ่มนิสัยชอบอ่อยคนนี้เหมือนกับหิ่งห้อยท่ามกลางความมืด สามารถแยกออกจากกลุ่มผู้คนได้อย่างง่ายดาย
ทว่าความสนใจของลู่เฉินไม่ได้หยุดอยู่ที่หลี่มู่ไป๋นานนัก ไม่ช้าเขาก็ถูกดึงดูดจากผู้หญิงชุดกระโปรงยาวสวมแว่นตากันแดดที่ยืนอยู่ข้างๆ หลี่มู่ไป๋
อีกฝ่ายให้ความรู้สึกคุ้นเคยมาก ต่อให้สวมแว่นตากันแดดปิดบังใบหน้าของเธอ ลู่เฉินก็ยังคงจำเธอได้ในพริบตา
ความเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนทั้งตัวจะบินแล้ว
…………………………………………………………………………