ตอนที่ 506 หอนาฬิกาเพลงซาลอน
ผ่านไปสักพักใหญ่ เฉินเฟยเอ๋อร์เพิ่งได้สติกลับมา เหลือบตามอง แล้วถามอย่างหมดแรงว่า “นายไปฝึกเรียนมาจากที่ไหน เก่งมากจริงๆ!”
ลู่เฉินนั่งลงตรงขอบเตียง หยิบขวดน้ำมันหอมสมุนไพรที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงเทใส่มือ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เมื่อก่อนรู้จักหมอนวดมืออาชีพคนหนึ่ง เลยฝึกเรียนวิชากับเขา สบายขึ้นไหมครับ”
วันนี้เฉินเฟยเอ๋อร์โหนตัวอยู่บนสลิงครึ่งค่อนวัน ตอนเย็นกลับถึงบ้าน เธอนอนลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าลุกขึ้นไม่ไหว หลังจากถอดเสื้อผ้าแล้ว เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำสีม่วงสีเขียวเป็นจุดๆ
ลู่เฉินมองแล้วก็สงสาร หยิบขวดน้ำมันหอมสมุนไพรออกมาจากตู้ยา แล้วทายานวดตัวให้เฉินเฟยเอ๋อร์
น้ำมันหอมสมุนไพรนี้เขาซื้อมาตอนที่ไปเดินเล่นครั้งที่แล้ว เป็นร้านยี่ห้อเก่าแก่ของฮ่องกงโดยแท้ ใช้วัตถุดิบของแท้ และการใช้น้ำมันสมุนไพรนวดลดความบวมช้ำ ก็มาจากความทรงจำของโม่หราน
โม่หรานฝึกศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็ก ต่อสู้หกล้มบาดเจ็บเป็นเรื่องรรมดา ดังนั้นจึงเรียนรู้วิธีการรักษา ถูกลู่เฉินนำความรู้มาใช้ตอนนี้พอดี ใช้บนตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์
ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าไม่เลวจริงๆ ฤทธิ์น้ำมันหอมสมุนไพรถูกบีบนวดแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง รอยช้ำใต้ผิวหนังหายไปเยอะมาก รอยแผลส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากการห้อยโหนอยู่บนสลิงเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ถูกกระแทกตอนที่ถ่ายทำ ถึงแม้จะไม่ได้บาดเจ็บมากนัก แต่ทำแผลตอนหลังก็ยุ่งยากพอตัว
เฉินเฟยเอ๋อร์หันมาจ้องมองลู่เฉินที่กำลังนวดแขนให้ตัวเอง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวานละมุนมีความสุข แต่หลังจากที่ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายแล้ว ความง่วงก็พุ่งเข้ามาหาเธอราวกับน้ำขึ้น ทำให้หนังตาของเธอไม่อาจต้านทานความหนักอึ้งได้
ไม่ช้า ลมหายใจของเฉินเฟยเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นหายใจยาวสม่ำเสมอ หลับผล็อยไปแล้ว
มุมปากของเธอ ยังคงมีรอยยิ้มจางๆ
ลู่เฉินวางแขนของเธอ ห่มผ้าให้เธออย่างใส่ใจ จากนั้นก็ปรับแสงโคมไฟให้สว่างน้อยลง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ลู่เฉินจึงออกไปจากห้องนอน
เขายังมีงานอีกมากที่ต้องทำให้เสร็จ
…
วันถัดมา ตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันสวยงาม แวบแรกที่เธอเห็นก็คือลู่เฉินถือโจ๊กไข่ร้อนๆ เดินเข้ามาในห้องนอน
ลู่เฉินยกถาดอาหารมาข้างเตียง ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ตื่นแล้วเหรอ ผมกำลังจะปลุกคุณพอดี”
เฉินเฟยเอ๋อร์ลุกนั่งตัวตรง มองลู่เฉินนำอาหารเช้ามาวางตรงหน้าตนเอง แล้วถามว่า “กี่โมงแล้ว”
ลู่เฉินยิ้ม “เที่ยงแล้วครับ ตอนนี้คุณคงหิวมากใช่ไหม”
“เที่ยงแล้วเหรอ!”
พอลู่เฉินพูด เฉินเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าตัวเองท้องร้องจ๊อกๆ จริงๆ
เธอหน้าแดง พูดอย่างเขินอายว่า “ทำไมนายไม่รีบปลุกฉันแต่เช้าล่ะ”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “คุณนอนหลับเหมือนหมูน้อย ผมจะปลุกได้ยังไงครับ ตอนนี้ก็ไม่ถือว่าสายมาก”
เฉินเฟยเอ๋อร์ย่นจมูก “นายต่างหากที่เป็นหมู!”
น่าแปลกมาก อายุของเฉินเฟยเอ๋อร์มากกว่าลู่เฉินหลายปี เข้าวงการมาก็นานกว่าลู่เฉิน แต่ยามที่อยู่ต่อหน้าลู่เฉินเธอชอบทำตัวเหมือนเด็กที่ถูกรัก
เพราะว่าความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธออบอุ่นสบายใจ
ลู่เฉินยื่นมือวาดผ่านจมูกของเธอ แล้วเอ่ยว่า “กินข้าวเช้าก่อนครับ กินเสร็จแล้วค่อยไปล้างหน้าแปรงฟัน ตอนบ่ายผมจะพาคุณไปงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย “งานเลี้ยงอะไร”
ลู่เฉินกล่าวว่า “คุณน่าจะรู้ครับ หอนาฬิกาเพลงซาลอนที่ลานไควฟง เยี่ยเซวียนเป็นคนเชิญครับ”
เยี่ยเซวียนเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของฮ่องกง อยู่ระดับสองระดับสามในวงการ ตอนที่ลู่เฉินเพิ่งมาฮ่องกงเป็นครั้งแรกได้ไปเที่ยวที่ลานไควฟง หลังจากเยี่ยเซวียนขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในบาร์ลาดอลเซ่วิต้า 97 ลู่เฉินก็ขึ้นเวทีต่อจากเขา จึงรู้จักกันเพราะเหตุนี้
ตอนนั้นลู่เฉินร้องเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ จวบจนตอนนี้ก็ยังเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมสามอันดับแรกตามสถานีวิทยุฮ่องกง ทำให้เขามีแฟนคลับกลุ่มใหญ่ในฮ่องกง
เยี่ยเซวียนมีชื่อเสียงที่ดีในวงการ ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญของเขา และวันนี้ก็พักผ่อนพอดี เขาจึงอยากพาเฉินเฟยเอ๋อร์ไปเที่ยวให้สนุก
ที่สำคัญที่สุดคือ หอนาฬิกาเพลงซาลอนมีตำแหน่งที่พิเศษมากในวงการเพลงป็อปของฮ่องกง
“หอนาฬิกาเพลงซาลอน?”
เฉินเฟยเอ๋อร์ก็เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน “ฉันรู้จัก เมื่อก่อนตอนที่ฉันมาฮ่องกงมีคนเคยเชิญฉันไปร่วมงานเหมือนกัน เสียดายตอนนั้นไม่ว่าง”
หอนาฬิกาเพลงซาลอนเกิดขึ้นเมื่อปลายยุค 1980 ตอนแรกได้รับการเสนอขึ้นจากบุคคลชั้นนำสองสามคนของวงการเพลงป็อปในตอนนั้น สถานที่รวมตัวก็คือบาร์หอนาฬิกาที่ลานไควฟง
งานรวมตัวกันของคนดนตรีในฮ่องกงงานนี้ไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน กลุ่มเป้าหมายที่ถูกเชิญล้วนเป็นบุคคลที่เก่งในวงการ ไม่จำกัดแค่นักร้องเท่านั้น ยังมีโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักดนตรี นักวิจารณ์เพลง เป็นต้น ขอเพียงมีผลงานและตัวตนจริง ก็จะมีโอกาสได้รับคำเชิญ
คนในวงการเพลงป็อปของฮ่องกง มาร่วมงานหอนาฬิกาเพลงซาลอนเพื่อความสนุกสนานและคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนี่คือการที่ความสามารถของตนเองได้รับการยอมรับ และยังได้เพื่อนอีกมากมายจากงานสังสรรค์
จุดประสงค์ในการก่อตั้งหอนาฬิกาเพลงซาลอนก็เพื่อการสื่อสารแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนดนตรี แลกเปลี่ยนความคิด แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางดนตรี มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้น!
ขณะที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไปถึงบาร์หอนาฬิกาที่ลานไควฟง ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว
จะทำอย่างไรได้ เฉินเฟยเอ๋อร์ที่ผ่านความเหนื่อยล้าจากเมื่อวาน นอนหลับจนถึงเที่ยงเพิ่งจะตื่น อีกทั้งเธอต้องเตรียมใบหน้าที่ดีที่สุดมาร่วมงานสังสรรค์ของคนดนตรีในฮ่องกง ดังนั้นเธอจึงใช้เวลานานพอสมควร
หลังจากเธอแต่งหน้าแต่งตัวอย่างสวยงาม ก็มองไม่ออกว่าเมื่อวานเธอเหนื่อยหมดแรงจนล้มลง
บาร์หอนาฬิกาที่อยู่ท่ามกลางบาร์หลายแห่งในลานไควฟง ถือว่ามีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก และไม่ใช่สถานที่ยอดฮิตที่สุด แต่คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ลานไควฟง ล้วนรู้ประวัติความเป็นมาที่ยาวนานของมัน
ก่อนที่ลานไควฟงจะกลายเป็นถนนผับบาร์ บาร์หอนาฬิกาก็เปิดกิจการนานแล้ว เนื่องจากมันเช่าชั้นที่หนึ่งกับชั้นที่สองของหอนาฬิกาลานไควฟง ดังนั้นจึงมีชื่อเช่นนี้
จนกระทั่งตอนนี้ หอนาฬิกาที่ลานไควฟงกลายเป็นอาคารประวัติศาสตร์ของฮ่องกงที่ได้รับการดูแลรักษา บาร์หอนาฬิกาจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ด้วย เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและนักดื่ม
แต่เริ่มจากตอนเที่ยงของวันนี้ บาร์หอนาฬิกาก็แขวนป้ายปิดร้านแล้ว เนื่องจากหอนาฬิกาเพลงซาลอนกำลังจะจัดงานขึ้นที่นี่ และผู้ที่มาร่วมงานก็เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในฮ่องกงหลายท่าน
…………………………………………………………………………