ตอนที่ 509 เจอปัญหา
ด้านกลยุทธ์ต้องสบประมาทศัตรู ด้านยุทธวิธีต้องให้ความสำคัญกับศัตรู
ถึงแม้ลู่เฉินจะมั่นใจมากกับ ‘โปเยโปโลเย’ ที่ตัวเองนำทีมถ่ายทำ แต่เขาจะไม่ดูถูกคู่แข่งคนไหนด้วยเหตุนี้ โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่คล้ายกันอย่าง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ที่มีลักษณะการแข่งขันสูงเช่นนี้
‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เป็นภาพยนตร์ที่หวาก้วนพิคเจอร์สทุ่มทุนหนักในฮ่องกง ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ ใช้เงินลงทุนเกินหนึ่งร้อยล้าน มีนักแสดงร่วมทัพคับคั่ง เป็นศูนย์รวมของดาราดังจากประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน นอกจากนี้ได้ยินว่าการสร้างเทคนิคพิเศษเบื้องหลังได้เซ็นสัญญากับบริษัทฮ่องกงนิววิชันฟิล์มอีกด้วย
ฮ่องกงนิววิชันฟิล์มเป็นบริษัทที่สร้างเทคนิคพิเศษเบื้องหลังสำหรับภาพยนตร์โทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในฮ่องกง ผู้ก่อตั้งเคยทำงานในบริษัทเทคนิคพิเศษขนาดใหญ่ในฮอลลีวูดนับสิบปี สะสมประสบการณ์มากมาย เมื่อกลับมาฮ่องกงจึงเปิดบริษัทรับสมัครคนเก่งมากความสามารถเป็นจำนวนมาก ได้ร่วมงานผลิตของภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ในฮ่องกงและประเทศจีนหลายเรื่อง ได้รับคำชมที่ดีในวงการ
ส่วนผู้กำกับติงไท่ของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ก็เคยได้รับสองถ้วยรางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง
หวาก้วนพิคเจอร์สกับสตาร์อาร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ร่วมมือกัน วางฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ ทุ่มทุนในภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ด้วยเงินทุนที่เยอะมาก ดังนั้นชุยซิ่งเสียนจึงจะแพ้ไม่ได้ โควตาช่องทางสีเขียวจำเป็นต้องคว้ามาให้ได้
เขาระดมคนเป็นจำนวนมากมาถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮ่องกง แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อนโยบายสนับสนุนภาพยนตร์ของฮ่องกงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยากอาศัยโอกาสนี้บุกตลาดภาพยนตร์ของฮ่องกง ขณะเดียวกันก็เล็งรัศมีไปที่ไต้หวันและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
นี่คือส่วนสำคัญสำหรับแผนบุกแดนใต้ของหวาก้วนพิคเจอร์ส
ในสถานการณ์เช่นนี้ ‘โปเยโปโลเย’ ของลู่เฉินจึงกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางที่สะดุดตามาก ถ้าหากลู่เฉินเป็นเด็กหน้าใหม่ที่ไร้ชื่อเสียงก็ไม่เท่าไร ชุยซิ่งเสียนจะไม่สนใจเลยสักนิด แล้วใช้ผลงานบดขยี้โดยตรง
ทว่าลู่เฉินในตอนนี้ เป็นดาวดวงใหม่ที่ดังมากในประเทศจีน ละครโทรทัศน์สองเรื่องก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาจึงกลายเป็นบุคคลที่รู้จักไปทั่วในวงการ ดังนั้นชุยซิ่งเสียนจะมองข้ามไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดคือ ละครโทรทัศน์เรื่องที่สองของลู่เฉิน ‘ฟูลเฮาส์’ ใช้ความอ่อนแอสยบศัตรูที่แข็งแกร่ง รบชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแรงได้อย่างสวยงาม ทำให้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานเกือบขายหน้าจนหมดสิ้น
ตอนที่ ‘ฟูลเฮาส์’ ออกอากาศครั้งแรก คู่แข่งที่ต้องแข่งขันช่วงชิงเรตติ้งกันโดยตรงคือละครฟอร์มใหญ่แห่งปีของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเรื่อง ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ผลปรากฏว่ายังออกอากาศไม่จบ ฝ่ายหลังก็ถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนเวลาออกอากาศเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
มีตัวอย่างในอดีตที่ยังดูสดใหม่เช่นนี้ ชุยซิ่งเสียนย่อมมองลู่เฉินเป็นภัยคุกคามหมายเลขหนึ่ง ต่อให้ ‘โปเยโปโลเย’ ไม่ว่าจะเป็นขนาดการลงทุนหรือกองทัพนักแสดงล้วนด้อยกว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ก็ตามแต่ เขาก็ไม่กล้าประมาทเลินเล่อเด็ดขาด
ถ้าหากทับซ้ำรอยเดิมของ ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ อีกครั้ง ชุยซิ่งเสียนคงเจอปัญหาใหญ่มาก ละครโทรทัศน์ยังสามารถปรับเปลี่ยนเวลาออกอากาศได้ แต่การออกฉายภาพยนตร์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าหากแพ้ก็คือแพ้อย่างราบคาบ!
สาเหตุเกิดจากชุยซิ่งเสียนให้ความสำคัญกับลู่เฉิน บวกกับปัจจัยเรื่องความรักส่วนตัวเล็กน้อย ดังนั้นจึงเกิดกรณีที่หงหวาไปก่อกวนราวี ‘โปเยโปโลเย’
เขี้ยวเล็บของชุยซิ่งเสียนถึงแม้จะถูกตัดขาดสะบั้น แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมรามือแค่นี้แน่ ที่ลับใช้ไม่ได้ผลเช่นนั้นก็โผล่ให้เห็นซึ่งๆ หน้าเลยแล้วกัน ตอนนี้หวาก้วนพิคเจอร์สกับสตาร์อาร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เปิดเผยแล้วว่ามอง ‘โปเยโปโลเย’ เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง จึงวางแผนโปรโมตกับสิ่งที่สอดคล้องกัน
คำท้าทายของเจียงเหว่ยที่มีต่อลู่เฉิน สาเหตุมาจากตรงนี้
เรื่องราวภายในที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงเช่นนี้ เยี่ยเซวียนก็พอรู้บ้าง แต่กลับไม่คิดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เขาเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างมีไหวพริบ พูดกับลู่เฉินเกี่ยวกับงานซาลอนในครั้งนี้
หอนาฬิกาเพลงซาลอนนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นจนถึงตอนนี้ ได้จัดงานสำเร็จมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งแล้ว เบอร์ใหญ่ในวงการเพลงป็อปฮ่องกงเกือบทั้งหมดล้วนเคยมาร่วมงาน ดังนั้นจึงมีอิทธิพลที่ใหญ่มากสำหรับวงการนี้
ตามหลักปฏิบัติทั่วไป ทุกครั้งที่จัดงานเพลงซาลอนจะมีเรื่องให้สนทนากัน เนื้อหาของเรื่องสามารถพูดกันแบบกว้างๆ หรือจะพูดคุยกันแบบลงลึกก็ได้ อย่างเช่นแนวโน้มการพัฒนาเพลงป็อปภาษาจีน หรือการเปลี่ยนแปลงของสไตล์เพลงรักภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นต้น
บรรยากาศการพูดคุยที่อิสระและผ่อนคลาย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหอนาฬิกาเพลงซาลอน
หัวข้อสนทนาของเพลงซาลอนในวันนี้ค่อนข้างใหญ่…เพลงป็อปฮ่องกงในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต!
พูดตามจริง หัวข้อที่ใหญ่ขนาดนี้ มากพอที่จะเขียนเป็นงานวิจัยเล่มหนาเตอะ เพลงป็อปฮ่องกงในฐานะผู้บุกเบิกเพลงป็อปภาษาจีน มีหลายสิ่งที่สามารถพูดได้มากมายจริงๆ
แน่นอนว่าเยี่ยเซวียนก็รู้ว่าหัวข้อนี้ใหญ่มาก ไม่สามารถพูดออกมาได้ทันที ดังนั้นเขาจึงไม่พูดถึงเพลงป็อปฮ่องกงในอดีตและอนาคต แต่พูดถึงปัจจุบันเพียงอย่างเดียว และแสดงออกว่าอยากจะฟังความคิดเห็นของลู่เฉิน
เพลงป็อปฮ่องกงตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาหนัก แม้ว่าจะเป็นคนนอกวงการก็ยังมองออกอย่างชัดเจน แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ อยากจะทะลวงออกไปจากสถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังคำกล่าวว่าคนที่อยู่ในเกมจะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกเกมจะมองได้ทะลุปรุโปร่ง บางทีคนดนตรีมากความสามารถที่มาจากประเทศจีนอย่างลู่เฉิน อาจจะให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ได้บ้าง
หัวข้อนี้อาจจะทำให้แขกทั้งหลายที่มาร่วมงานซาลอนเกิดความสนใจมาก ดังนั้นไม่ช้าก็มีคนเข้ามาห้อมล้อมมากมาย บ้างก็เป็นผู้ที่หวังดีอย่างจริงจัง บ้างก็เตรียมที่จะพูดจาเสียดสีด้วยเจตนาร้าย
คนที่อยู่ในงานส่วนใหญ่ถึงแม้จะเพิ่งเจอลู่เฉินเป็นครั้งแรก แต่โดยทั่วไปแล้วก็รู้ความเป็นมาของลู่เฉิน
ศิลปินหนุ่มที่มาจากประเทศจีนคนนี้ ช่วงนี้มีหน้ามีตามากในฮ่องกง
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตารูปแบบต่างๆ รอบตัว ลู่เฉินจึงพูดไม่ออกเล็กน้อย
เยี่ยเซวียนหาปัญหาใหญ่ให้เขาเสียแล้ว หากพูดขึ้นมาจริงๆ ต่อให้พูดทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันสองสามวันก็พูดไม่จบ
เพลงป็อปฮ่องกงกำเนิดขึ้นในช่วงกลางถึงปลายยุค 1970 ช่วงนั้นวงการเพลงป็อปฮ่องกงเริ่มนิยมร้องคัฟเวอร์เพลงญี่ปุ่น และเข้าสู่ยุครุ่งเรืองอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเศรษฐกิจของฮ่องกง นักร้องที่ได้รับความนิยมมากออกอัลบั้มสองสามชุดในหนึ่งปีถือเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากขาดแคลนนักแต่งเพลงชาวท้องถิ่น ‘ทำนองเพลงญี่ปุ่นเนื้อร้องกวางตุ้ง’ จึงกลายเป็นที่นิยมอย่างหนึ่งนักร้องกลุ่มหนึ่งที่อาศัยการร้องเพลงคัฟเวอร์จึงมีชื่อเสียงในวงการเพลง จนกระทั่งยุค 1980
ฮ่องกงในยุค 1980 ไร้เดียงสาและสดใส จินตนาการถึงอนาคตที่สวยงาม เป็นยุคที่โด่งดังและพุ่งทะยานไปข้างหน้า ทุกอย่างไม่มีอะไรที่ต้องเอ่ยถึงมากนัก
แต่พอถึงช่วงกลางและปลายยุค 1980 ชาวฮ่องกงเริ่มเน้นย้ำ ‘ความอ่อนไหวต่อการบริโภค’ ทุกคนแสวงหาสไตล์ของตัวเอง พยายามหลุดพ้นจากการบริโภครูปแบบเดียว เพื่อแสดงให้เห็นความเป็นตัวของตัวเอง
แนวคิดทางสังคมประเภทนี้นำมาซึ่งความต้องการแบบใหม่ รวมทั้งเพลงป็อปด้วย การร้องคัฟเวอร์ ‘ทำนองเพลงญี่ปุ่นเนื้อร้องกวางตุ้ง’ จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการชื่นชมของแฟนเพลงในวงกว้าง บริษัทเพลงเริ่มให้ความสำคัญต่อการสรรค์สร้างเพลงต้นฉบับ รับสมัครนักแต่งเพลงมืออาชีพเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ เพลงป็อปของฮ่องกงจึงเข้าสู่ยุคพัฒนารูปแบบใหม่ทั้งหมด ผลงานเพลงเพราะๆ กับเพลงคลาสสิคเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย และไหลเข้าสู่ประเทศจีนในปริมาณมาก มีอิทธิพลมหาศาลต่อเพลงป็อปของประเทศจีน
ในยุค 80-90 เป็นยุคทองของเพลงป็อปฮ่องกง ราชาและรานิชีแห่งวงการเพลงต่างประสบความสำเร็จในแนวทางของตนเอง นักแต่งเพลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างสีสันและความมีชีวิตชีวา
ทว่าเมื่อเข้าสู่ศตวรรษใหม่ เพลงป็อปของฮ่องกงเริ่มตามยุคสมัยไม่ทัน ราชาและราชินีเพลงเริ่มแก่ตัวลง แรงบันดาลใจของนักแต่งเพลงก็แห้งเหี่ยว ศิลปินนักร้องยุคใหม่เริ่มเรียนรู้จากดาราญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เดินเข้าสู่เส้นทางไอดอล
ราวกับว่าประวัติศาสตร์กำลังหมุนเวียน เพลงป็อปฮ่องกงปัจจุบันนี้ การคัฟเวอร์ลอกเลียนแบบเป็นกระแส ทว่ากลุ่มเป้าหมายในการคัฟเวอร์นอกจากญี่ปุ่นแล้วยังเพิ่มอเมริกา ยุโรป และเกาหลีใต้ พวกนักร้องไม่หารายได้จากการออกอัลบั้มขายแผ่นซีดีอีกต่อไป
ดารานักร้องขายหน้าตาขายความหล่อเป็นกระแสหลัก มีผลประโยชน์ต่อบริษัทบันเทิงมีเดียขนาดใหญ่หลายแห่ง ดังนั้นจะทิ้งเส้นทางทำเงินนี้ได้อย่างไร
ส่วนวงการเพลงป็อปฮ่องกงจะเป็นอย่างไร ใครจะสนว่าจะเป็นจะตายเล่า!
ติดอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เมื่อจะทำลายจึงยากนัก สถานการณ์ในปัจจุบันของวงการเพลงป็อปฮ่องกงมีหลายอย่างที่คล้ายกับประเทศจีนมาก ลู่เฉินจะกล้าทำตัวอวดเก่งพูดจาอย่างกล้าได้กล้าเสียทำลายความยากลำบากนั้นได้อย่างไร
แต่ถ้าหากเขาไม่พูดอะไรเลย หรือพูดอะไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง ก็คงถูกคนอื่นดูถูกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อคิดแล้ว ลู่เฉินจึงตัดสินใจพูดอะไรสักหน่อย
…………………………………………………………………………