ตอนที่ 523 แสงอันบาดตาเช่นนี้
ฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าเหมือนล่องลอย ลู่เฉินก้าวขึ้นสู่เวที ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ อีกครั้ง
เขารับโล่รางวัลนกกระจาบทองคำชิ้นที่สองของตัวเองจากหลูหนิงอย่างเคารพนบนอบ เขาโค้งทำความเคารพต่อนักดนตรีอาวุโสด้วยความขอบคุณ
จากนั้นลู่เฉินหันมายืดหลังตรง ชูรางวัลในมือขึ้นสูงต่อหน้าทุกคน!
ภายในโรงละครแห่งชาติบรรยากาศร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง
เพราะแขกผู้มีเกียรติและผู้ชมทั้งห้าพันคน กำลังเป็นพยานในหน้าประวัติศาสตร์และตำนานอันเลื่องลือของวงการเพลงป็อป เป็นพยานให้กับการก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่ง
พวกเขารู้สึกร่วมดีใจไปด้วย
นี่ต้องเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการเพลงป็อป เอาไว้เล่าเป็นตำนาน คู่รักนักร้องคู่หนึ่งได้รับรางวัลนักร้องชายและหญิงยอดเยี่ยมพร้อมกัน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่าขานที่ทุกคนชื่นชมหรือ
ไม่ต้องสงสัยเลย ข่าวบันเทิงพาดหัวในแต่ละสื่อใหญ่ ต้องเป็นข่าวที่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ได้รับรางวัลโกลเด้นอวอร์ดส์สาขานักร้องชายและหญิงยอดเยี่ยม ต้องปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งแน่นอน!
“จงเจริญ!”
ในห้องไลฟ์สดของลู่เฉินใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ ก็เกิดการปะทุขึ้นเช่นกัน ในพื้นที่ออนไลน์อันวิเศษที่มีแฟนคลับรับชมเกินกว่าสามล้านคน กำลังฉลองให้กับชัยชนะของลู่เฉินด้วยวิธีการของพวกเขา
“นักร้องชายยอดเยี่ยม เฉินของฉันสิคู่ควร!”
“โปรยดอกไม้ยินดี เฉินของข้าเกรียงไกร!”
“ฮ่าๆๆ ลู่เฉินจริงๆ ด้วยที่ได้รางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยม โกลเด้นอวอร์ดส์ยุติธรรมอยู่แล้ว”
“ฉันเดาไม่ผิด เฉินของฉันเป็นนักร้องชายยอดเยี่ยม เฟยของฉันเป็นนักร้องหญิงยอดเยี่ยม คู่รักรวมพลังสยบใต้หล้า!”
“คนจากเมืองปักกิ่งส่งบัตรยินดี!”
“คนจากฮู่ไห่ส่งบัตรยินดี!”
“คนจากหังโจว…”
ตามด้วยข้อความแสดงความยินดีเด้งขึ้นไม่หยุด และการให้รางวัลที่หนาแน่นจนน่ากลัว จำนวนลูกชิ้นปลาระเบิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
แค่ดูคร่าวๆ รอจนพิธีมอบรางวัลเสร็จสิ้นลง ใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ ลู่เฉินได้รับรางวัลอย่างน้อยสามล้านหยวน เป็นความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์ของเว็บไซด์ไลฟ์สดแห่งนี้
ขณะเดียวกัน สตูดิโอของลู่เฉินได้ลงโพสต์ใหม่ล่าสุด บอกว่าลู่เฉินได้รับรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ สาขานักร้องชายยอดเยี่ยม พร้อมกับแสดงความขอบคุณแฟนคลับด้วยความจริงจังและจริงใจที่สนับสนุนลู่เฉินเสมอมา
โพสต์นี้ถูกกดเข้าชมมากกว่าห้าแสนครั้งในไม่กี่นาที จากนั้นก็ทั้งแชร์ต่อ ทั้งคอมเมนต์ การตอบกลับมียอดสูงจนน่าตกใจ แฟนคลับของลู่เฉินพากันเข้ามาที่บัญชีทางการของสตูดิโอและบล็อกส่วนตัวของลู่เฉินเพื่อแสดงความยินดี หวังให้เขาสร้างผลงานชั้นยอดออกมาอีก!
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงสิ่งเดียวก็คือลู่เฉินไม่สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์เองได้ เขายังต้องกล่าวสุนทรพจน์ก่อน
“ขอบคุณครับ ขอบคุณคณะกรรมการและผู้ตัดสินของโกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์ที่มอบเกียรติอันสูงส่งนี้ให้ผม!”
“และขอบคุณอาจารย์หลูหนิงที่ขึ้นมาเป็นผู้มอบรางวัลให้ผมด้วยตัวเอง”
ลู่เฉินเผชิญหน้ากับผู้ชมที่ค่อยๆ เงียบเสียงลง เขากำโล่รางวัลไว้แน่นและเอ่ยอย่างซื่อตรงว่า “ก่อนที่จะมางานนี้ผมเคยพูดกับสื่อว่า ผมหวังจะได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยม”
“ความจริงตอนนั้นผมแค่ให้กำลังใจตัวเอง มันเป็นความฝันของผม”
“วันนี้ ความฝันของผมเป็นจริงแล้ว”
เสียงของเขาดังขึ้นกว่าปกติหนึ่งระดับ ทำให้ผู้ชมในงานปรบมือเสียงดังให้เขาอีกครั้ง
เมื่อเสียงปรบมือเงียบลง ลู่เฉินกล่าวต่อว่า “มีคนมากมายที่ผมต้องขอบคุณ ครอบครัวของผม เพื่อนของผม อาจารย์ของผม…ยังมีแฟนสาวที่คอยอยู่เคียงข้างผมมาตลอด”
เขาหันไปมองเฉินเฟยเอ๋อร์ด้วยสายตาลึกซึ้งและอ่อนโยน
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มและโบกมือ ตรงหางตามีรอยน้ำตาวิบวับ
เธอดีใจกับลู่เฉินจริง และภูมิใจในตัวเขาด้วย
เธอคิดถึงภาพตอนที่เจอกับเขาครั้งแรก คิดถึงครั้งแรกที่รู้สึกดีกับลู่เฉิน จังหวะที่หัวใจหวั่นไหว ทำให้เธอไขว่คว้าความสุขตลอดชีวิตเอาไว้
เทียบกันแล้ว จะได้รับรางวัลหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ
ทั้งสองสบตากัน เข้าใจกันดี
เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพลอดรักกัน ลู่เฉินเก็บสายตาแล้วพูดต่อว่า “สำหรับผม ดนตรีเป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของชีวิตผม มันถ่ายทอดอารมณ์รักโลภโกรธหลงของผม ถ่ายทอดความฝันและความปรารถนาของผม”
แม้ตอนนี้ลู่เฉินจะหันไปให้ความสำคัญกับงานด้านภาพยนตร์ หลายเดือนที่ผ่านมาเขากำลังยุ่งวุ่นวายกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ไม่ได้ทำอัลบั้มหรือซิงเกิลใหม่
แต่ในใจของเขา งานด้านเพลงป็อปยังสำคัญมาก อย่างที่ไม่มีอะไรแทนที่ได้
ปี 2015 ความฝันครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของลู่เฉิน ดนตรีที่ทำให้เขาเลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่าง ดนตรีที่ทำให้เขาได้พบกับเฉินเฟยเอ๋อร์ และดนตรีทำให้เขามีแฟนคลับเป็นพันเป็นหมื่นคน
ดนตรี กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลู่เฉินที่ขาดไม่ได้!
เขาหลงรักในดนตรีอย่างลึกซึ้ง ชอบเล่นกีตาร์ร้องเพลง ชอบอยู่ในห้องอัดร้องเพลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนโชว์ได้อย่างไร้ที่ติ ชอบร้องเพลงต่อหน้าแฟนคลับเป็นพันเป็นหมื่นคน
“จนวันหนึ่งเมื่อผมแก่ลง นึกย้อนกลับมาถึงวันนี้ ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดนตรีได้นำเกียรติยศมาให้ผม ผมจะไม่เสียดายเลย เพราะผมรักดนตรีเท่ากับชีวิตของตัวเอง”
เสียงของลู่เฉินดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งห้องโถง ทั้งหนักแน่นและทรงพลัง!
“ขอบคุณพวกคุณที่มาเป็นพยานให้ผมในวันนี้ ขอบคุณทุกคนครับ!”
เสียงปรบมือดังขึ้นทั้งผู้ชมและแขกผู้มีเกียรติแสดงความปรารถนาดีให้ลู่เฉินอีกครั้ง
พวกเขาดีใจกับลู่เฉิน และขอบคุณ ขอบคุณที่เขาเสียสละให้กับวงการเพลงป็อปจีน
ลู่เฉินผู้ได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมกล่าวสุนทรพจน์จบยังลงจากเวทีไม่ได้ ตามตารางงานของทีมงาน เขาต้องร้องเพลงให้กับผู้ชมฟังก่อนหนึ่งเพลง
เพลงนี้ลู่เฉินเลือกไว้นานแล้ว ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ร้องไหม
เพลงนี้คือ ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’!
“โลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้อยู่ที่ไหนกันแน่
ถ้ามันมีอยู่จริงฉันจะไปแน่นอน
ฉันอยากจะไปยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด
ไม่สนใจว่ามันจะเป็นหน้าผาที่สูงชันหรือไม่!
ด้วยพลังชีวิตและพลังความรักที่มีต่อให้ต้องสละชีวิตตนเอง
ไม่ขอให้ผู้ใดพอใจ ขอแค่ให้ไม่ละอายใจต่อตัวเอง
เกี่ยวกับอุดมการณ์ฉันไม่เคยเลือกยอมแพ้
แม้จะอยู่ในวันที่สิ้นหวัง
…
วิ่งไปข้างหน้า ต้อนรับสายตาดูถูกและยิ้มเยาะ!
ความกว้างใหญ่ของชีวิตหากไม่เจออุปสรรคจะรู้สึกได้ยังไง
โชคชะตามันไม่มีทางทำให้พวกเราคุกเข่าขอร้องได้
ต่อให้เลือดสาดเต็มอ้อมแขน!
วิ่งต่อไป พาจิตใจอันเย่อหยิ่งที่บริสุทธิ์ไปด้วย!
ความเจิดจรัสของชีวิตหากไม่ยืนหยัดจะมองเห็นได้ยังไง
ฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้าย สู้แล้วปล่อยให้มันสิ้นสุดเองดีกว่า
ต้นกล้าจะงอกขึ้นใหม่สักวันหนึ่ง!
…”
ตอนนี้ลู่เฉินได้ขับร้องเพลงนี้ออกมาด้วยความอบอุ่นใจและตื้นตัน จากไม่มีอะไรเลยจนวันนี้ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาใช้เวลาไม่ถึงสองปีเท่านั้น ก็เดินจนสิ้นสุดเส้นทางที่นักร้องนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันแต่ไปไม่ถึง
ต่อให้มีความทรงจำอันล้ำค่าที่ได้มาจากโลกแห่งความฝัน เขาก็พากเพียรพยายาม อดทนมุ่งมั่นดิ้นรนไขว่คว้า…
ลู่เฉินกอดกีต้าร์เอาไว้ เงยหน้าร้องเพลงจากใจ โลกทั้งใบราวกับกำลังร่วมยินดีกับเขา
สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่บนเวที แสงออร่าของเขาเหมือนกับแสงอาทิตย์ เจิดจ้าบาดตาเช่นนี้!
…………………………………………