ตอนที่ 524 ตู้ใหม่ในบ้าน
ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ แต่รู้สึกตัวตื่นชัดเจน เป็นวันธรรมดาเหมือนปกติทั่วไป ลู่เฉินยื่นมือออกไปใต้ผ้าห่มข้างกาย แต่มันกลับว่างเปล่า
เอ๋?
ลู่เฉินงุนงงเล็กน้อย เขาพลิกตัวยื่นแขนออกไป คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงอย่างแม่นยำ
เปิดหน้าจอสว่าง บนนั้นบอกเวลาที่ทำให้เขาตกใจ
มันเป็นเวลา 10.03 น.แล้ว!
ลู่เฉินลุกขึ้นจากเตียง หัวสมองปวดมึนเล็กน้อยทำให้เขาครางออกมาเบาๆ
ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำ ลู่เฉินส่ายหัว
เมื่อคืนหลังจากงานประกาศรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ สิ้นสุดลง เขาถูกเลี่ยวเจี่ยและถานหงลากไปงานปาร์ตี้ส่วนตัว จากนั้นก็มอมเหล้าเขาเยอะมาก
ลู่เฉินรู้สึกว่าตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ดื่มจนเมาไม่ได้สติ
ส่วนเรื่องที่เกิดตามมานั้น ลู่เฉินลืมเกลี้ยง
ยังดีที่ร่างกายของเขาแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่อย่างนั้นอาการเมาค้างคงไม่เบาแน่ แต่การออกกำลังกายตอนเช้าที่เขาทำเป็นประจำถูกทำลายลง…นาฬิกาชีวิตยังไม่อาจต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้เลย!
“นายตื่นแล้วเหรอ”
ตอนนั้นเอง เฉินเฟยเอ๋อร์ที่สวมชุดนอนผลักเปิดประตูห้องนอนเข้ามา ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ปวดหัวใช่ไหมเล่า เดี๋ยวฉันหยิบยาแอสไพรินมาให้นายสองเม็ด นายนอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
ลู่เฉินถอนใจยาว ยิ้มตอบว่า “ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”
เฉินเฟยเอ๋อร์นั่งลงที่ข้างเตียงแล้วเริ่มบ่น “นายยังจะมาพูดอีก เมื่อคืนดื่มไปเยอะขนาดนั้น ห้ามก็ไม่ฟัง พวกนั้นก็จริงๆ เลย ไม่มีใครดีสักคน พี่ถานยังไม่ช่วยห้ามอีก!”
ลู่เฉินยิ้มแห้ง
การดื่มหรือสูบมากเกินไปส่งผลร้ายต่อนักร้องเป็นอย่างมาก ลู่เฉินไม่สูบบุหรี่ ปกติดื่มเหล้าน้อยมาก อย่างดีก็แค่ไวน์แดงหรือเบียร์แอลกอฮอล์ต่ำ เพื่อรักษาคอและเสียงของตัวเองเอาไว้
แต่เมื่อคืนไม่เหมือนทุกที นอกจากพี่ชายทั้งสองอย่างเลี่ยวเจี่ยและถานหง ยังมีอวี๋หมิง หลินจื้อเจี๋ย และคนอื่นๆ ที่เป็นรุ่นพี่เบอร์ใหญ่ในวงการทั้งนั้น ใครจะไม่ให้เกียรติพวกเขาได้ล่ะ?
คนนั้นหนึ่งแก้ว คนนี้หนึ่งแก้ว ลู่เฉินต้องดื่มทั้งหมด ขาดใครสักคนไปไม่ได้
อยู่ในยุทธภพ มีหลายครั้งที่ไม่อาจทำตามใจตัวเอง!
เฉินเฟยเอ๋อร์บ่นจบ พูดต่อว่า “ฉันเตรียมอาหารเช้าให้นายแล้ว กำลังอุ่นร้อนอยู่ในครัวแน่ะ”
ลู่เฉินดึงเธอเข้ามา จูบบนใบหน้าของเธอหนักๆ แล้วพูดว่า “ขอบคุณจ้ะเมียจ๋า!”
“ไปๆๆ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มอย่างเขินอายแล้วผลักเขาออก “เร็วสิ ตอนบ่ายนายมีสัมภาษณ์งานสำคัญนะ!”
บ่ายนี้ผู้ที่สัมภาษณ์คือนักข่าวจากช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์กลาง ตารางงานได้ถูกจัดเอาไว้แล้ว ดังนั้นเบี้ยวไม่ได้ ต้องไปรอที่สตูดิโอตรงเวลา
ลู่เฉินตั้งสติขึ้นใหม่ รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า วิ่งไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ
รอจนเขาสะอาดหมดจดแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟบนโต๊ะ มีอาหารหลากหลายมาก ทั้งนมสด แซนด์วิช โจ๊ก ปาท่องโก๋ ซาลาเปาไส้เนื้อ มีครบทุกอย่าง
ปกติลู่เฉินออกกำลังกายอย่างหนัก ทำงานก็หนัก ดังนั้นจึงรับประทานอาหารมาก แม้อาการเมาค้างจะส่งผลถึงความอยากอาหาร แต่เขายังคงรับประทานอาหารเช้าบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง
หลังจากกินอิ่มแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะยื่นกระดาษเช็ดปากให้ลู่เฉิน จากนั้นถามด้วยเสียงหัวเราะว่า “นายรู้สึกไหมว่าในบ้านมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม”
ลู่เฉินรับกระดาษเช็ดปากมา เขามองซ้ายแลขวา แล้วก็พบกับคำตอบทันที
ในบ้านไม่เหมือนเดิมจริงๆ ด้วย ทางด้านซ้ายในห้องนั่งเล่นไม่รู้ว่ามีตู้โชว์กระจกสวยงามมาตั้งวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บนนั้นถูกวางเรียงรายด้วยโล่รางวัลสีทองอร่ามห้าอัน
ลู่เฉินลุกขึ้นเดินตรงไปที่จุดนั้น แล้วถามอย่างตะลึงว่า “คุณซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เฉินเฟยเอ๋อร์เดินตามมาติดๆ เธอยื่นมือมากอดเอวเขาไว้ ถามกลับว่า “เพิ่งส่งมาถึงเมื่อเช้า ชอบไหม”
ลู่เฉินพยักหน้าแรงๆ
โล่รางวัลทั้งห้าเป็นรางวัลที่เขาและเฉินเฟยเอ๋อร์ได้รับจากงาน ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ เมื่อคืนนี้ ได้แก่ รางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ทำนองยอดเยี่ยม นักร้องชายยอดเยี่ยม นักร้องหญิงยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม!
ในนั้นมีสองรางวัลเป็นของลู่เฉิน ได้แก่ รางวัลทำนองยอดเยี่ยมและนักร้องชายยอดเยี่ยม อีกสามรางวัลที่เหลือเป็นของเฉินเฟยเอ๋อร์
ในบรรดารางวัลทั้งห้านี้ ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นอัลบั้มยอดเยี่ยมซึ่งเป็นรางวัลโกลเด้นอวอร์ดส์รางวัลสุดท้ายที่สำคัญที่สุด อัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ ของลู่เฉินและอัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างถูกเสนอชื่อ ต่างเป็นผู้เข้าชิงที่ได้รับความนิยมทั้งคู่ สุดท้ายการแข่งขันกันระหว่างคู่รักครั้งนี้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายชนะไป
หลังจากประกาศรายชื่อ ลู่เฉินยังขึ้นไปร้องคอรัสให้เฉินเฟยเอ๋อร์บนเวทีเพื่อเป็นเพลงประกอบรางวัลที่ได้มานี้
ตอนหลังที่ดื่มกันอยู่ลู่เฉินได้ยินถานหงบอกว่า ตอนที่คณะกรรมการตัดสินรางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยม อัลบั้มทั้งสองได้คะแนนสูสีกันมาก อัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ชนะอัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ เพียงสามคะแนนเท่านั้น
ถานหงเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ จึงรู้เรื่องเบื้องหลัง แต่ตามที่เลี่ยวเจี่ยบอก ไม่ว่าใครเป็นผู้ชนะ เอาเป็นว่ารางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมก็ตกเป็นของบ้านลู่เฉินอยู่ดี
นึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทีละน้อย ลู่เฉินเผยยิ้ม
เฉินเฟยเอ๋อร์วางคางมนลงบนบ่าของเขา หัวเราะอย่างได้ใจ “ตอนนี้ฉันได้รางวัลเยอะกว่านายหนึ่งรางวัล ต่อไปเราได้รางวัลอะไรก็จะเอามาใส่ไว้ในตู้นี้ ดูซิว่าของใครจะเยอะกว่ากัน”
เมื่อก่อนทั้งสองคนก็เคยได้รางวัล เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ่งได้มาเยอะมาก แต่โล่รางวัลและถ้วยรางวัลทั้งหมดตั้งไว้ที่สตูดิโอของเธอ ไม่ได้นำมาไว้ที่บ้าน
รางวัลนกกระจาบทองคำเป็นเพียงการเริ่มต้น
ลู่เฉินหัวเราะ “ตู้นี้น่าจะใส่ไม่หมด!”
สำหรับลู่เฉิน รางวัล ‘โกลบอลไชนีสมิวสิคโกลเด้นอวอร์ดส์’ เป็นจุดสูงสุดในอาชีพสายดนตรีของเขา ความจริงมันเป็นเพียงการเริ่มต้น อนาคตยังอีกยาวนานสำหรับเขา ยังมีแสงสว่างรอคอยอยู่
ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์แม้เข้าวงการมาสิบกว่าปีแล้ว แต่เพิ่งจะเปลี่ยนทิศทางในเส้นทางอาชีพ ก้าวเดินไปบนเส้นทางสายดนตรี ละคร และภาพยนตร์ครบทุกด้าน อนาคตจะต้องได้รับรางวัลอีกมากมาย
เฉินเฟยเอ๋อร์ประกาศว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อตู้อีกใบ เราจะวางแค่รางวัลสำคัญๆ รางวัลเล็กๆ เอาไปไว้ที่สตูดิโอ!”
ลู่เฉินหัวเราะเหอะๆ หันตัวมารวบเธอสู่อ้อมกอด ก้มลงจุมพิตเธออย่างยาวนาน
เฉินเฟยเอ๋อร์จูบตอบ เธอถูกจูบจนน้ำหูน้ำตาไหลถึงได้ถอนตัวออกมาจากอ้อมอกของลู่เฉิน “ตอนเที่ยงนัดพี่ลู่ซีไว้ว่าจะกินข้าวด้วยกัน พวกเราเกือบจะสายแล้วนะ!”
พอคิดถึงหน้ายักษ์ของพี่สาว ลู่เฉินถึงยอมปล่อยตัวคนรักอย่างเสียดาย
ช่วงเวลาแห่งเกียรติยศเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ชีวิตยังต้องดำเนินต่อ คาดเดาได้ว่าในอนาคตยังมีงานอันวุ่นวายรออยู่ไม่น้อย
ลู่เฉินเตรียมตัวพร้อมรบในสงครามครั้งใหม่แล้ว!
…………………………………………