ตอนที่ 527 พ่อแม่บุญธรรม
ม่านราตรีคลอบคลุมเมืองปักกิ่ง
เมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่าสามสิบล้านคนแห่งนี้มีโฉมหน้ายามกลางวันและกลางคืนแตกต่างกัน รถราวิ่งขวักไขว่ไปตามท้องถนนสายยาว แสงไฟที่ไหลผ่านและแสงจากโคมไฟที่ประดับประดาตามตึกรามบ้านช่องถักทอให้เป็นโลกอันน่าอัศจรรย์
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์นั่งอยู่ร่วมกันบนรถตู้เบนซ์ที่กำลังเบียดเสียดกับรถคันอื่นบนท้องถนน ค่อยๆ ไหลไปตามทางข้างหน้า
ตอนนี้เป็นช่วงที่การจราจรติดขัด ‘รถติด’ ในเมืองหลวงเป็นเรื่องธรรมดา โชคดีที่อยู่ไม่ไกลจากที่หมายแล้ว เชื่อว่าจะทันเวลานัดที่บาร์เดย์ลิลลี่
คืนนี้บาร์เดย์ลิลลี่จัดงานขอบคุณแฟนเพลง โดยมีการตระเตรียมล่วงหน้านานแล้ว แฟนคลับที่มาร่วมงานต้องผ่านการจับฉลากรายชื่อเท่านั้น
เพียงแค่ซื้ออัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ แบบพิเศษ แบบลิมิเต็ด และแบบบ็อกซ์เซ็ตพร้อมของที่ระลึก แฟนคลับจะได้ร่วมส่งรายชื่อจับสลาก
ดังนั้นคนที่ได้มามีไม่มาก ไม่ถึงสองร้อยคน จึงจัดงานที่บาร์เดย์ลิลลี่
ลู่เฉินไม่ได้มาที่บาร์เดย์ลิลลี่พักใหญ่แล้ว
บาร์ชื่อดังของย่านทะเลสาบโฮ่วไห่ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลง ป้ายยังเป็นป้ายอันเดิม บานประตูบานเดิม บาร์เทนเดอร์ที่ยืนอยู่หลังบาร์เครื่องดื่ม ก็ยังเป็นเดวิดคนเดิม
แต่ได้ประกาศออกไปเสียแต่เนิ่นๆ แล้วว่าจะไม่รับแขกนอก มีเพียงคนที่ได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะเข้ามาด้านในได้ คืนนี้นอกจากแฟนคลับผู้โชคดีที่มาในบาร์แล้ว ยังมีเพื่อนและคนสนิทของลู่เฉินอีกหลายคนในวงการ
หลินจื้อเจี๋ยก็มา ผู้อำนวยการเพลงแถมด้วยตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่แห่งเฟยสือเรคคอร์ด ช่วงเวลานี้กำลังการงานรุ่งเรืองเพราะมีความสัมพันธ์อันดีกับลู่เฉินมายาวนาน
สามสาววงเอ็มเอสเอ็นก็มา มู่เสี่ยวชูเป็นถึง ‘น้องสาว’ ของลู่เฉิน วันนี้เป็นวันพิเศษ เธอยอมเลื่อนงานโชว์ตัวทั้งหมดเพื่อมางานนี้เลยทีเดียว
วงเฮสิเทชั่นก็มาเช่นกัน ฉินฮั่นหยางนับว่าเป็นเพื่อนเก่าของลู่เฉิน
พี่หลีมา แต่วงเสียวหู่ถวนไม่มา เพราะต้องไปร่วมรายการกาล่าดินเนอร์ของสถานีโทรทัศน์ฮู่ไห่ อยากมาแต่มาไม่ได้
ลู่เฉินไปพบกับเฉินเจี้ยนหาวและพี่น่า รวมถึงลูกชายของทั้งสองคนที่ด้านหลังเวที
ในฐานะเถ้าแก่แห่งบาร์เดย์ลิลลี่ ตอนนี้เฉินเจี้ยนหาวทำงานไม่สมกับตำแหน่งเอาเสียเลย เขายกร้านให้เพื่อนของเขาไปดูแล ส่วนตัวเองหลบอยู่ในบ้านเป็นคุณพ่อเลี้ยงลูก
ถ้าวันนี้ไม่มีโอกาสอันดี เขาคงไม่พาภรรยาและลูกมาถึงที่นี่
“ว้าว!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกลูกชายของเฉินเจี้ยนหาวดึงดูดเข้าแล้ว “น่ารักจังเลย!”
“ขอฉันอุ้มได้ไหมคะ”
เธอมองพี่น่าด้วยสายตาวิงวอน
พี่น่ายิ้มให้อย่างอบอุ่น ก่อนจะส่งลูกในอ้อมอกของเธอให้เฉินเฟยเอ๋อร์
หลังจากคลอดลูกพี่น่าอ้วนขึ้นไม่น้อย ทั้งร่างกายเหมือนแผ่รัศมีแห่งความเป็นแม่ ทำให้เธอดูมีเสน่ห์ในแบบผู้หญิงมากขึ้น สวยขึ้นตั้งเยอะเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
แม้เพลง ‘ฉันอยากมีบ้าน’ ที่ลู่เฉินแต่งให้ทำให้เธอโด่งดัง แต่หลังจากมีชื่อเสียงแล้วเธอก็ไม่ได้เดินบนทางเส้นนี้ต่อ กลับอยู่บ้านดูแลสามีและลูก ถอนตัวออกจากวงการเพลงไปเลย
เฉินเฟยเอ๋อร์รับเด็กมาอย่างระมัดระวัง เด็กน้อยอายุไม่กี่เดือนกลับไม่กลัวคนแปลกหน้า ลืมตาใสแป๋วยิ้มให้ แล้วยื่นมือเล็กอวบออกไปหาเฉินเฟยเอ๋อร์ ทำให้เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะชอบใจ
“เขาชื่ออะไรคะ”
พี่น่าตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “เฉินคังผิง คังที่แปลว่าแข็งแรง ผิงที่แปลว่าปลอดภัย”
ไม่ขอลาภยศสรรเสริญ ขอเพียงแข็งแรงและปลอดภัย
ลูกชายของเฉินเจี้ยนหาวคนนี้เกิดตอนเดือนกันยายน ตอนเกิดน้ำหนักสี่กิโลกรัม เป็นเด็กที่ตัวใหญ่สมบูรณ์ทีเดียว ตอนที่เขาครบเดือนลู่เฉินไม่ได้อยู่ในปักกิ่ง จึงให้พี่สาวส่งของขวัญไปให้แทน
จะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่ลู่เฉินพบกับลูกชายของเฉินเจี้ยนหาว แต่เป็นครั้งแรกของเฉินเฟยเอ๋อร์
เฉินเฟยเอ๋อร์ชื่นชอบหนูน้อยมาก
เฉินเจี้ยนหาวพอเป็นพ่อคนแล้วดูโหดร้ายน้อยลง ใบหน้าฉายแววอ่อนโยนลงกว่าเมื่อก่อน เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าชอบละก็ พวกเธอก็มีสักคนสิ!”
ลู่เฉินหัวเราะ “พวกเราไม่รีบครับ เป็นพ่อแม่บุญธรรมไปก่อนแล้วกัน”
พี่น่ารีบเห็นชอบ “ดีสิ เอาไว้ค่อยเลือกวัน จัดงานเลี้ยงกัน!”
เมื่อก่อนตอนที่เธอตั้งท้อง ลู่เฉินมักพูดล้อเล่นเสมอว่าจะเป็นพ่อบุญธรรมให้เด็ก ตอนนี้จึงเสนอออกมา
พี่น่ายินดีเป็นที่สุด
เธอไม่อยากเข้าสู่วงการบันเทิงอีก ต่อไปเธอต้องการเลี้ยงลูกหรือไม่ก็ช่วยเฉินเจี้ยนหาวดูแลบาร์ แต่ไม่แน่ว่าลูกชายของทั้งสองคนอาจจะเลือกเส้นทางนี้ก็ได้
ถ้าอย่างนั้นการมีลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นพ่อแม่บุญธรรม เฉินคังผิงที่ยังแบเบาะจะมีจุดเริ่มต้นที่เหนือกว่าเด็กในวัยเดียวกัน และเดินทางได้อย่างราบรื่นกว่าแน่นอน
ต่อให้ไม่เข้าสู่วงการบันเทิง ก็ยังมีแต่คุณไม่มีโทษ
เฉินเจี้ยนหาวยิ้มแหย “รีบร้อนไปทำไม พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย งานทางนี้จะเริ่มแล้ว”
พี่น่าถลึงตาใส่สามีอย่างไม่ได้ดั่งใจ
เฉินเจี้ยนหาวได้แต่ยกมือยอมแพ้ “ก็ได้ ก็ได้ ถ้างั้นก็เลือกวันแล้วกัน”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพลางใช้มือหยอกเย้าเด็กชายเฉินคังผิง “เรียกแม่บุญธรรมสิ รีบเรียกแม่บุญธรรมสิ ฮะ!”
อยู่ๆ เธอก็ร้องออกมา
ทุกคนตกใจ “อะไร!”
เฉินเฟยเอ๋อร์มือไม้ว้าวุ่น หน้าแดงไปหมด “เหมือนเขาจะฉี่ มันซึมออกมาแล้ว”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
พี่น่าหัวเราะพลางอุ้มลูกกลับไปเปลี่ยนผ้าอ้อม
เฉินเฟยเอ๋อร์แอบหาโอกาสกระซิบบอกลู่เฉินว่า “อีกไม่กี่ปีเรามีลูกกันเถอะ”
ลู่เฉินหลุดขำ
หนึ่งทุ่มตรง งานขอบคุณแฟนเพลงของลู่เฉินในบาร์เดย์ลิลลี่ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
แฟนคลับผู้โชคดีที่ผ่านการจับฉลากทั้ง 188 คน มาถึงงานแล้ว
ว่ากันว่าตอนที่ผลรายชื่อจากการจับฉลากถูกประกาศออกมาทางบัญชีทางการของสตูดิโอลู่เฉิน ในกลุ่มแชตของแฟนคลับมีการซื้อขายบัตรเชิญด้วยราคาอันสูงลิ่ว แต่ผู้โชคดีส่วนใหญ่ไม่ยอมขาย บางคนถึงกับเดินทางไกลมาถึงปักกิ่งเพื่อร่วมงานมีตติ้งครั้งนี้
ส่วนแฟนคลับที่ไม่ได้รับการจับฉลากก็ไม่ต้องผิดหวังเกินไป เพราะคืนนี้จะมีการไลฟ์สดบรรยากาศงานมีตติ้งขอบคุณแฟนเพลงของลู่เฉินผ่านทาง ‘จิงอวี๋ทีวี’ ด้วย
‘จิงอวี๋ทีวี’ ยังลงโฆษณาบนหน้าหลักขนาดใหญ่ให้โดยเฉพาะ มีการเปิดคอลัมน์ด้วย คาดว่าผู้เข้าชมไลฟ์สดในคืนนี้น่าจะทุบสถิติใหม่อีกครั้ง
ในบาร์แทบไม่เหลือที่นั่งว่างแล้ว ตอนที่ลู่เฉินและวงนิพพานปรากฏตัวบนเวที เสียงปรบมือร้องเรียกดังสนั่นไปทั้งร้าน
แฟนคลับหลายคนยกป้ายไฟโบกไปมา ตะโกนเรียกชื่อลู่เฉิน ทำให้บรรยากาศลุกเป็นไฟ
ค่ำคืนนี้ลู่เฉินแต่งตัวสบายๆ กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดแขนยาว เขานั่งกอดกีตาร์อยู่บนเวทีแบบเดียวกับตอนนั้นที่เคยร้องเพลงอยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่ ทำให้คนเก่าแก่ของร้านอย่างเฉินเจี้ยนหาว พี่น่า และฉินฮั่นหยางนึกย้อนกลับไปถึงวันวาน
ยังอ่อนเยาว์ หล่อเหลา และเป็นกันเองเหมือนเด็กหนุ่มข้างบ้านเหมือนดิม
เพียงแต่ลู่เฉินในตอนนี้มีออร่าและความมั่นใจในแบบดาราใหญ่ตัวจริง
นี่คือการเปลี่ยนแปลง
………………………………