ตอนที่ 550 ไม่ผิดหวัง
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 23.20 น. งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์สิ้นสุดลง
บรรดาแขกที่มาร่วมงานพึงพอใจมาก เพราะพวกเขาได้ชมภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม ไม่เสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์
บรรดาสื่อมวลชนก็พึงพอใจเช่นกัน พวกเขาสัมภาษณ์ได้ข้อมูลมาไม่น้อย และได้รับอั่งเปากลับบ้านด้วย
ส่วนผู้ชมที่โชคดียิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อออกจากโรงภาพยนตร์ มีผู้ชมถูกนักข่าวดักรอสัมภาษณ์อยู่ด้านนอก พวกเขาบอกว่าหนังเรื่องนี้สนุกมาก และรอการเปิดขายตั๋วหนังอย่างเป็นทางการอีกครั้งจะซื้อตั๋วเข้ามาดูอีกรอบ!
‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ไม่ได้จัดอย่างอลังการ แต่ผลลัพธ์กลับดีเยี่ยม จะบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จยังเร็วเกินไป ต้องมาพิสูจน์กันอีกครั้งหลังจากวันที่ 21ไปแล้ว
สิ่งที่จะพิสูจน์ภาพยนตร์ คือยอดขายตั๋วในบ็อกซ์ออฟฟิศ!
“คุณลู่!”
เมื่อลู่เฉินกำลังจะพาเฉินเฟยเอ๋อร์กลับ เฉินเหวินเฉียงรีบเข้ามาเรียกเขาเอาไว้
“ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักคนคนหนึ่งก่อน…”
คนที่เฉินเหวินเฉียงต้องการแนะนำให้ลู่เฉินรู้จักนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุห้าสิบกว่าปี ใบหน้าปราดเปรื่องภายใต้แว่นตา จอนผมสองข้างเป็นสีขาวทำให้คนที่ได้พบรับรู้ถึงประสบการณ์ชีวิตของเขา บุคลิกสุขุมสง่างาม
“คนนี้คือท่านหวังต้ง”
เฉินเหวินเฉียงให้ความเคารพชายคนนี้มาก เขาถึงกับเรียกว่า ‘ท่าน’ ไม่ใช่คำว่าคุณที่ใช้ทั่วไป บ่งบอกถึงความเคารพที่มีต่อผู้อาวุโสเป็นอย่างสูง
เมื่อรู้ถึงสถานะของฝ่ายตรงข้ามแล้วลู่เฉินมีสีหน้าประทับใจ
หวังต้งคนนี้ ลู่เฉินเคยได้ยินชื่อเสียงมานาน เป็นนักปราชญ์ตัวจริงที่ได้รับการยกย่องในฮ่องกง เขาเคยเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยฮ่องกง เป็นบรรณาธิการให้แก่นิตยสารหลายฉบับ เขียนหนังสือนิยายล้อเลียนสังคมของฮ่องกง และเป็นคนที่สนใจด้านการวิจารณ์ภาพยนตร์ของฮ่องกงด้วย
นักปราชญ์ตัวจริงมีบุคลิกของตัวเอง หวังต้งเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใด ทั้งหมดเขียนออกมาจากใจจริง ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งวิจารณ์ภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ อย่างรุนแรง จนถูกเจียงเหว่ยพระเอกของเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ด่ากราดบนบล็อกส่วนตัว
แต่เพราะเหตุนี้ทำให้เจียงเหว่ยต้องลำบากไม่น้อย ไม่เพียงถูกคนในวงการตำหนิ ยังรั้งให้ยอดแฟนคลับที่ติดตามบล็อกลดลงมาแสนกว่าคน จนสุดท้ายต้องออกมาประกาศขอโทษ
หวังต้งเคยล่วงเกินคนในวงการมากมาย แต่เพื่อนของเขาก็มีมากไม่แพ้กัน
งานเปิดตัวภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ สตูดิโอลู่เฉินกับเจียงหยางพิคเจอร์สได้ส่งบัตรเชิญออกไปมากมาย รวมทั้งส่งไปให้นักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในฮ่องกงด้วย หนึ่งในนั้นคือหวังต้ง
แต่ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือเจียหยางพิคเจอร์ส ไม่เคยคาดหวังว่าหวังต้งจะมา
เพราะเวลาหวังต้งดูภาพยนตร์ มักจะจ่ายเงินซื้อตั๋วเข้าไปด้วยตัวเองเสมอ ไม่เคยรับคำเชิญจากฝ่ายผู้จัดเลย
เมื่อเห็นหวังต้ง ลู่เฉินรู้สึกทึ่ง รีบยื่นมือทั้งสองข้างออกมา “อาจารย์หวังสวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณจะมาด้วย ถ้าดูแลไม่ทั่วถึงต้องขออภัยด้วยนะครับ!”
หวังต้งยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือออกไปจับกับลู่เฉิน ตอบว่า “ผมได้ยินเพื่อนหลายคนพูดถึงคุณ ผมก็เลยมาดู ไม่ผิดหวังจริงๆ”
เฉินเหวินเฉียงที่ยืนอยู่ด้านข้างทำหน้าทึ่ง
เขาอยู่ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ของฮ่องกงมาหลายสิบปี รู้จักคนมากหน้าหลายตา และรู้จักหวังต้งดีกว่าลู่เฉินหลายเท่านัก
เขาจึงรู้ดีว่า ‘ไม่ผิดหวัง’ สามคำนี้ฟังแล้วดูเหมือนธรรมดามาก แต่เมื่อออกจากปากของหวังต้ง มันเปี่ยมไปด้วยความหมาย!
แม้ลู่เฉินจะไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็ยังกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับ!”
หวังต้งปล่อยมือ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “แต่หนังของคุณเรื่องนี้ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบ มีรายละเอียดหลายจุดที่ยังหยาบอยู่ การแสดงของตัวละครโดดเด่นอยู่ แล้ว…”
ในฐานะที่เป็นทั้งนักเขียนและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ หวังต้งมีมุมมองต่อภาพยนตร์ต่างจากคนทั่วไป เขามองจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญและมุมมองศิลปะ จึงวิจารณ์ถึงข้อด้อยของ ‘โปเยโปโลเย’ ให้ฟัง
ความคิดเห็นเหล่านี้ลู่เฉินล้วนยอมรับ
การถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ รวมถึงการตัดต่อเทคนิคพิเศษ การใส่เสียงและดนตรีประกอบ ทั้งหมดใช้เวลาเพียงสองเดือนกว่าเท่านั้น แม้ในเนื้อเรื่องจะมีตัวละครและเรื่องราวไม่มาก แต่เวลาเท่านี้ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้ดีและสวยงามจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้
ในอีกแง่หนึ่ง การไขว่คว้าความสมบูรณ์แบบมากเกินไป แปลว่าจะต้องเพิ่มทุนให้สูงยิ่งขึ้น!
หวังต้งพูดจบ ยังให้การยอมรับอีกครั้งว่า “สรุปคือทำได้ดีใช้ได้ พยายามต่อไปแล้วกัน!”
พูดจบเขาก็พยักหน้าให้ลู่เฉินแล้วหันหลังเดินจากไป
ทำไมถึงไปเลยล่ะ?
ลู่เฉินมองตาค้าง รีบเรียก “อาจารย์หวังครับ…”
“คุณลู่ คุณไม่ต้องรั้งเขาไว้หรอกครับ”
เฉินเหวินเฉียงห้ามเขาไว้ ส่ายหน้าบอกว่า “ท่านหวังเป็นคนแบบนี้ ไม่ชอบใช้คำพูดโยกโย้”
นิสัยของหวังต้งขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมาในวงการศิลปะ เขาพูดคุยกับคนอื่นมักพูดตรงเป็นขวานผ่าซาก ไม่ชอบใช้คำพูดโยกโย้ไม่เป็นความจริง ทำให้ล่วงเกินคนไปไม่น้อย
ลู่เฉินทำอะไรไม่ถูก “ผมยังอยากคุยกับท่านหวังอีกหน่อย”
เฉินเหวินเฉียงหัวเราะ “เขาคุยกับคุณมากพอแล้ว รอดูบล็อกของวันพรุ่งนี้แล้วกัน!”
เฉินเหวินเฉียงดีใจมาก หวังต้งไม่ค่อยมีอิทธิพลในกลุ่มคนวัยรุ่นของฮ่องกง คนหนุ่มสาวในฮ่องกงหลายคนไม่เคยได้ยินชื่อเขา แต่กับคนวัยสี่ห้าสิบปีแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของบุคคลท่านนี้
คนวัยสี่สิบถึงห้าสิบปีในฮ่องกง เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของบ็อกซ์ออฟฟิศเช่นกัน หวังต้งยอมรับในภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ บทวิจารณ์ภาพยนตร์ของเขาจะนำมาซึ่งรายได้ให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่น้อย พร้อมกับแผ่ขยายกลุ่มผู้ชมออกไป
ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีแก่ ‘โปเยโปโลเย’ ตั้งแต่ยังไม่ได้ทันได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการ
คนฮ่องกงเชื่อในโชคลางมาก เฉินเหวินเฉียงก็เช่นเดียวกัน ในฐานะที่เขาเป็นผู้จัดการสตูดิโอลู่เฉิน เขาคาดหวังในภาพยนตร์เรื่องแรกของสตูดิโอเป็นอย่างสูง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดงของลูกสาวใน ‘โปเยโปโลเย’
ในตอนนี้ ทุกคนไม่มีใครสนใจหม่าหรงเจินที่ยืนหลบมุมอยู่ในด้านหนึ่งของห้องโถงใหญ่
ค่ำคืนนี้สำหรับหม่าหรงเจิน เป็นเหมือนความฝัน
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ?
แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ ครั้งก่อนที่เขาได้ยืนอยู่กลางแสงไฟสปอตไลต์ที่สาดส่องและถูกรุมล้อมด้วยนักข่าวที่เข้ามาถ่ายภาพคือตอนไหนนะ
ภาพและเกียรติยศแบบนี้ทำให้หม่าหรงเจินรู้สึกไม่เป็นความจริง
ต่อให้ความสนใจทั้งหมดของนักข่าวจะจับจ้องอยู่ที่ตัวลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และเนี่ยหมิงจู แต่ในฐานะที่เป็นตัวละครชายที่สำคัญของ ‘โปเยโปโลเย’ นักแสดงรุ่นเก่าที่ตกยุคไปแล้วอย่างเขาก็ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน
ขอเพียงแค่ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘โปเยโปโลเย’ พอใช้ได้ การจะหาบทละครเล่นสักเรื่องก็จะไม่เป็นปัญหาใหญ่ ไม่ต้องไปขอบทละครเล่นตามโรงถ่ายภาพยนตร์อย่างยากลำบากเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกต่อไป
ชั่วเวลานี้หม่าหรงเจินขอพรต่อเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ หวังว่า ‘โปเยโปโลเย’ จะขายดีในบ็อกซ์ออฟฟิศ
ยิ่งยอดขายตั๋วหนังของ ‘โปเยโปโลเย’ สูงเท่าไร คุณค่าในตัวของเขายิ่งเพิ่มตามมากขึ้นเท่านั้น ค่าตัวก็จะสูงขึ้นด้วย!
มาถึงก้าวนี้ได้ เขาไม่มีอะไรจะขออีกต่อไปแล้ว
วันที่ 21 กุมภาพันธ์หลังจากภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ลงโรงได้หนึ่งสัปดาห์ ‘โปเยโปโลเย’ ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วทั้งฮ่องกง เริ่มเข้าสู่เส้นทางการชิงยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ!
………………………………………………