ตอนที่ 552 ถนนไม่มีที่สิ้นสุด
ฉีจื่อหาวอดทนรออย่างหวั่นใจ
เจียฮุ่ยไม่ได้ลงมาหลังจากสิบนาทีผ่านไป แต่เธอไม่ปล่อยให้ฉีจื่อหาวรอถึงร้อยนาทีหรอก
ประมาณยี่สิบนาทีหลังจากนั้น เด็กสาวในชุดกีฬาสีขาวเดินออกมาจากอาคาร มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา พูดกับเขาด้วยท่าทีเก้อเขินว่า “ให้นายรอนานเลยใช่ไหม”
ฉีจื่อหาวตะลึงมองรุ่นน้องสาวสวยตรงหน้า รู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
เขาพูดอะไรไม่ออก
เจียฮุ่ยผู้ถูกฉีจื่อหาวจับจ้องมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาบนใบหน้า
“นี่ๆๆ!”
ตอนนั้นเอง เด็กสาวในชุดเสื้อผ้าสีเหลืองอายุ 13 ปี ได้โผล่ออกมาจากทางด้านหลังของเจียฮุ่ย แผ่กรงเล็บใส่ฉีจื่อหาวที่สมองเหมือนคอมพิวเตอร์ค้าง “นายโง่หรือเปล่า มัวแต่ยืนตรงนี้ทำอะไรอยู่”
ฉีจื่อหาวสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เหมือนถูกปลุกจากความฝัน “เอ่อ…”
เจียฮุ่ยจับเด็กสาวในชุดสีเหลืองเอาไว้ แนะนำกับเขาว่า “นี่เป็นน้องสาวฉัน หนีฮุ่ย เธอจะไปกับฉันด้วย ได้ไหม?”
หน้าตาของน้องสาวเจียฮุ่ยคนนี้คล้ายกับเธออยู่บ้าง แต่นิสัยกลับแปลกประหลาด ทั้งยังดูใจกล้ามากเกินไป เป็นคนที่ไม่ควรมีปัญหาด้วย
“นายน่ะอยากจีบพี่สาวฉันใช่ไหม ถ้าอยากละก็ ต้องเอาใจฉันไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น…”
เธอพ่นลมออกจมูก เหลือบตามองฉีจื่อหาว ด้วยท่าทางว่า ‘ฉันเป็นน้องสาวตัวแสบนะ’
เจียฮุ่ยทำหน้าเบื่อหน่าย ไม่รู้จะทำอย่างไรกับน้องสาวตัวเอง
ฉีจื่อหาวไม่ได้โง่ขนาดนั้น เขาดึงสติกลับมาตอบว่า “ไม่มีปัญหา ถ้างั้นก็ให้น้องหนีฮุ่ยไปด้วยกันเถอะ”
“ชิ!”
หนีฮุ่ยเบะปากตอบว่า “อย่าเรียกแบบสนิทกันขนาดนั้น ฉันไม่ได้เป็นน้องสาวนายซะหน่อย แล้วคืนนี้จะไปเที่ยวไหน”
แม้หนีฮุ่ยจะอายุน้อยกว่าตัวเองหลายปี ฉีจื่อหาวกลับมองเธอด้วยความหวาดหวั่น รีบตอบว่า “พวกเราไปดูหนังกันเถอะ คืนนี้ ‘โปเยโปโลเย’ เข้าโรงฉายแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เล่นเป็นตัวเอก”
เขาได้ข่าวมาจากเพื่อนว่าหนีฮุ่ยหลงใหลละครเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พระเอกนางเอกในเรื่องคือลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์
ดังนั้นฉีจื่อหาวจึงตั้งใจค้นหาข้อมูลของนักแสดงทั้งสองจากอินเทอร์เน็ต ถึงได้รู้จักภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’
เจียฮุ่ยเซอร์ไพรส์มาก “ดีจังเลย ฉันกำลังอยากดูอยู่พอดี!”
“ดูหนังอีกแล้ว น่าเบื่อ!”
หนีฮุ่ยบ่น มองออกว่าไม่อยากไป…เธอชอบไปเมืองเกมหรือไม่ก็ลานสเก็ตน้ำแข็งมากกว่า
ฉีจื่อหาวมีหรือจะสนใจความรู้สึกของเธอ เห็นว่าเจียฮุ่ยชอบ เขายิ่งวางความหนักอึ้งในใจลง
แน่นอนว่ายังมีปัญหาอีกเล็กน้อย
นั่นก็คือเขาจองตั๋วหนังเพียงสองใบเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีเหลืออยู่ไหม
โชคดีที่การสื่อสารก้าวไกล โทรศัพท์มือถืออันฉลาดหลักแหลมสามารถดาวน์โหลดแอพจองตั๋วหนังได้ ดังนั้นฉีจื่อหาวจึงใช้มือถือจองตั๋วเพิ่มอีกใบตอนที่นั่งอยู่ในรถ
ภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ได้เข้าโรงฉายอย่างเป็นทางการวันนี้ ยอดขายตั๋วไม่เลว เขาโชคดีที่ยังทันรถเที่ยวสุดท้าย ช่วงชิงตั๋วหนังหนึ่งในสองใบสุดท้ายไว้ได้ แต่แน่นอนว่าไม่ได้ที่นั่งใกล้กับที่นั่งที่จองเอาไว้ก่อน
แต่นี่คือสิ่งที่ฉีจื่อหาวปรารถนา
แล้วเขาก็พบว่า ความคิดของตัวเองนั้นผิดมาก
หลังจากรับบัตรที่โรงภาพยนตร์ สุดท้ายหนีฮุ่ยก็แย่งเอาตั๋วที่นั่งติดกันไป เหลือตั๋วที่นั่งใหม่ที่เพิ่งจองให้ฉีจื่อหาว ทำให้เขาเหน็บหนาวอยู่คนเดียวโดยที่พูดไม่ออก
ฉีจื่อหาวไม่ได้โง่ ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่ได้นั่งบื้ออยู่ในมุมหนึ่งเงียบๆ แต่เขาหันไปขอร้องกับคนอื่นแทน โดยยอมเสียเงินเล็กน้อยเพื่อขอเปลี่ยนที่ ในที่สุดเขาก็ได้นั่งข้างเจียฮุ่ยจนได้
สิ่งนี้ทำให้หนีฮุ่ยต้องมองเขาใหม่ “นายไม่โง่นี่”
ฉีจื่อหาวยิ้มพร้อมกับเกาหัว เขามองเจียฮุ่ยด้วยสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้ม
เจียฮุ่ยถูกเขามองจนหน้าแดง กระซิบเสียงเบาว่า “ดูหนังเถอะ”
แสงไฟในโรงดับมืดลง จอขนาดยักษ์เริ่มฉายไตเติลเปิดหนัง เสียงพูดคุยของผู้ชมเงียบลง ความสนใจของทุกคนล้วนจับจ้องอยู่ที่จอ
คนฮ่องกงชอบดูหนัง ผู้ชมมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยค่อยข้างมาก ขณะที่ชมภาพยนตร์นั้นจะต้องอยู่ในความสงบ ต้องปรับโหมดโทรศัพท์มือถือให้อยู่ในระบบสั่น ป้องกันไม่ให้รบกวนผู้ชมคนอื่น
ฉีจื่อหาวมองซ้ายมองขวา เห็นว่าที่นั่งเกือบสองร้อยที่ในโรงถูกนั่งจนเกือบเต็ม ผู้ชมที่เป็นคู่รักมีมาก
เขาอดไม่ได้แอบมองเจียฮุ่ยหนึ่งที
แต่เจียฮุ่ยกำลังจ้องหน้าจออยู่
ความสนใจของฉีจื่อหาวหันเหตามไป เขาปรับท่านั่งใหม่ แล้วเริ่มชมภาพยนตร์
อันดับแรกบนหน้าจอปรากฏโลโก้ของเจียหยางพิคเจอร์ส เป็นสัญลักษณ์ที่คนฮ่องกงไม่ค่อยคุ้นเคย ตามด้วยโลโก้ของสตูดิโอลู่เฉิน ยิ่งแปลกตามากกว่า
ไตเติลสั้นๆ ผ่านไป ภาพยนตร์กำลังเริ่มฉายของจริง ฉากที่ปรากฏเป็นป้ายหินเก่าแก่ มีตัวหนังสือสามคำว่า ‘วัดหลานรั่ว’ ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้ชม ฉากหลังเป็นภาพวัดโบราณแห่งหนึ่งยามค่ำคืน
พร้อมกับดนตรีประกอบ ที่ทำให้บรรยากาศดูวังเวงพิกลเข้าไปถึงใจของผู้ชม
ฉีจื่อหาวที่กำลังจิตใจว้าวุ่นก็ถูกดึงดูดเข้าให้
เรื่องราวของ ‘โปเยโปเลเย’ ได้เริ่มต้นขึ้นดังนี้ บัณฑิตหนุ่มที่ค้างแรมในวัดร้าง กับหญิงสาวสวยที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น มองดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการลวงไปฆ่าด้วยเสน่ห์มายา ภายในเวลาสั้นๆ แค่สองนาทีก็ชักนำให้ผู้ชมก้าวเข้าสู่โลกอันลี้ลับพิศวง
ท่ามกลางผ้าแพรสีแดงสดที่เป็นฉากหลัง ตัวอักษรที่เขียนด้วยมือว่า ‘โปเยโปโลเย’ ตัวใหญ่ลอยขึ้นมากลางจอ เพลงประกอบภาพยนตร์หลักที่ชื่อว่า ‘ถนนไม่มีที่สิ้นสุด’ ดังขึ้น
พระเอกอย่างหนิงฉ่ายเฉินปรากฏกายขึ้น บัณฑิตตกอับกำลังเดินลุยไปบนทางเดินรกร้าง ภาพของความตรากตรำลำบากสอดคล้องกันดีกับเนื้อเพลง
ฉีจื่อหาวเลือกดูเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ เพราะเจียฮุ่ยชอบพระนางเรื่องนี้ ส่วนตัวเขาเองไม่ค่อยชื่นชอบภาพยนตร์แนวผีลึกลับแบบนี้เท่าไร ชอบดูหนังฮอลลีวูดมากกว่า
ดังนั้นจึงไม่ได้คาดหวังกับ ‘โปเยโปโลเย’ เอาไว้สูงนัก ไม่ว่าจะดีหรือแย่ ขอแค่เจียฮุ่ยพอใจ ก็คุ้มค่าตั๋วหนึ่งร้อยกว่าหยวนที่เขาจ่ายไปแล้ว
อืม ยังมีโค้ก ป็อปคอร์น ขนมมันฝรั่งอบกรอบ…
เพียงไม่กี่นาทีที่หนังเปิดเรื่อง ความสนใจภาพยนตร์ของฉีจื่อหาวก็ถูกชักนำขึ้นมา โดยเฉพาะเพลงหลักที่เป็นแนวเพลงโบราณยิ่งกระทบเข้าไปถึงหัวใจของเขา ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นพระเอก
“เส้นทางชีวิตงดงามราวกับความฝันอันยืดยาว
ระหว่างทางลมพัดโหมปะทะใส่ใบหน้า
ในโลกโลกีย์ความฝันมีหลากหลายทิศทาง
ตามหาความฝันอันงมงายบนเส้นทางเดินที่ไม่มีที่สิ้นสุด!
ชีวิตคือความงามและความหวัง
ในฝันยังคลอเคล้าด้วยหยาดน้ำตา
ไปทางไหนทางนั้นที่ใจฉันปรารถนา
ราวกับลมถอนใจเบาๆ บนเส้นทางอันไม่มีที่สิ้นสุด
…”
มองดูบัณฑิตผู้เดินทางอย่างยากลำบากบนจอใหญ่ ฟังทำนองที่เพราะพริ้ง และเนื้อเพลงที่มีความหมายลึกล้ำ วิญญาณของฉีจื่อหาวเหมือนไม่ได้นั่งอยู่ข้างเจียฮุ่ยอีกแล้ว
ส่วนดวงตาของเจียฮุ่ยก็จ้องอยู่บนหน้าจออย่างไม่กะพริบเช่นกัน
…………………………………………
หมายเหตุ : เพลง ‘ถนนไม่มีที่สิ้นสุด’ (路随人茫茫) เนื้อร้อง/ทำนอง: หวงจัน (黄沾)