ตอนที่ 561 เตรียมตัวพร้อมสรรพ
นโยบายสนับสนุนภาพยนตร์ใหม่ของรัฐบาลฮ่องกง หรือก็คือแผนที่จะช่วยให้ภาพยนตร์ที่ผลิตในฮ่องกงกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง เพิ่งเริ่มต้นใช้ในปี 2016
ใจความสำคัญของนโยบายนี้คือ ‘สร้างภาพยนตร์ฮ่องกงดีเด่นร้อยเรื่อง สร้างความเจริญให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์’ รัฐบาลฮ่องกงได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อการนี้ ทั้งยังร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องของจีนแผ่นดินใหญ่ มีการผลักดันภาพยนตร์ฮ่องกงปีละ 20 เรื่อง เพื่อนำเข้าฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ (รวมถึงเรื่องที่เป็นการร่วมทุนของทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง)
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าช่องทางสีเขียวของภาพยนตร์ฮ่องกง ตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย ภาพยนตร์ฮ่องกงที่ได้รับการสนับสนุนนอกจากสิทธิพิเศษในการการแบ่งยอดบ็อกซ์ออฟฟิศและการเก็บภาษีภาพยนตร์แล้ว ยังมีการรับรองรอบฉายภาพยนตร์อีกด้วย
ตลาดภาพยนตร์ของจีนในตอนนี้ได้กลายเป็นผู้ผลิตยอดบ็อกซ์ออฟฟิศเป็นอันดับที่สองของโลกรองจากอเมริกา การแข่งขันย่อมดุเดือดมาก และรูปแบบการต่อสู้เพื่อครองความเป็นเจ้าก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้นตั้งนานแล้ว ผู้ที่มาใหม่เว้นเสียแต่ว่ามีเบื้องหลังและเงินทุนอันแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นคิดอยากจะได้ส่วนแบ่งสักเล็กน้อยก็เป็นได้แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ
ยักษ์ใหญ่ในวงการภาพยนตร์ของประเทศจีน ทำให้องค์กรภาพยนตร์โทรทัศน์ขนาดกลางและเล็กอยู่อย่างลำบาก ถ้าไม่อยากถูกเอารัดเอาเปรียบในสถานะผู้ที่ด้อยกว่า มีเพียงเดินบนเส้นทางสื่อใหม่ ถ่ายทำละครและภาพยนตร์ที่ฉายทางอินเทอร์เน็ต
นโยบายสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องใหม่ของฮ่องกงเหมือนกับการจัดสรรส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเมื่อตอนแรกที่ข่าวเผยแพร่ออกมา ก็มีองค์กรภาพยนตร์โทรทัศน์มากมายเดินทางมาถึงฮ่องกงเพื่อไขว่คว้าโอกาสนี้ แม้แต่บริษัทภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่มีอำนาจล้นฟ้าก็ยังมาร่วมทุนสร้างภาพยนตร์กับบริษัทท้องถิ่นในฮ่องกงเลย
สุดท้ายมีภาพยนตร์ฮ่องกงทั้งหมด 178 เรื่อง (รวมถึงเรื่องที่ร่วมทุนถ่ายทำ) ยื่นขอโควตาของนโยบายนี้จากหน่วยงานตรวจสอบที่กำหนดโดยรัฐบาลท้องถิ่นฮ่องกง หรือก็คือสมาคมภาพยนตร์ฮ่องกง ในนั้นมีภาพยนตร์ 120 เรื่องที่ผ่านการตรวจสอบในรอบแรก
ทั้ง 120 เรื่องนี้ต้องแย่งชิงโควตาที่มีเพียง 20 โควตา อัตราส่วนคือ 6:1 ทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด!
แต่ไม่ว่ามันจะดุเดือดแค่ไหน ในฐานะที่เป็นภาพยนตร์ที่มียอดบ็อกซ์ออฟฟิศดีที่สุด มีชื่อเสียงร่ำลือที่โดดเด่นที่สุดของต้นปี 2017 ‘โปเยโปโลเย’ ได้รับหนึ่งโควตาที่ถูกล็อกเอาไว้แน่นอนแล้ว แม้รายชื่อภาพยนตร์ที่ผ่านการตรวจสอบรอบสุดท้ายยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ ในวงการก็ไม่มีเสียงคัดค้านแต่อย่างใด
เหตุผลที่มีนั้นธรรมดาที่สุด ถ้า ‘โปเยโปโลเย’ ไม่มีสิทธิ์ได้ ก็คงไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่คู่ควรแล้ว หากสมาคมภาพยนตร์ฮ่องกงจะกีดกัน ‘โปเยโปโลเย’ เอาไว้ด้านนอก เช่นนั้นสิ่งที่เรียกว่านโยบายสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องใหม่ก็คงจะเป็นเรื่องน่าขำขัน!
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่มีทางได้ใจจนลืมตัวด้วยเหตุนี้ งานที่ควรทำหรืองานประชาสัมพันธ์ก็ยังต้องทำให้ถึงที่สุด จากนั้นค่อยย้ายงานกลับไปที่จีนแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง
การได้รับโควตาไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอไป ‘โปเยโปโลเย’ จะออกฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ ยังมีงานอีกมากที่จำเป็นต้องทำ เช่น เครือข่ายโรงภาพยนตร์ที่สำคัญ จะเข้าโรงช่วงไหน จะจัดรอบฉายในช่วงเวลาไหน ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลถึงยอดบ็อกซ์ออฟฟิศว่าจะได้มากหรือน้อย ยังมีเรื่องการโปรโมตโฆษณาอีก เป็นต้น
ตามข้อตกลง ภาพยนตร์ฮ่องกงที่เข้าฉายในเครือข่ายโรงภาพยนตร์ของประเทศจีนผ่านช่องทางสีเขียว ในสัปดาห์แรกมีการการันตีรอบฉายไม่ต่ำกว่า 10% แต่ไม่มีการกำหนดวันและช่วงเวลา ลูกเล่นตุกติกยังมีอยู่อีกมาก
โรงภาพยนตร์ที่ไม่เข้มงวดบางแห่งถึงกับขโมยบ็อกซ์ออฟฟิศ[1]ก็มี
ดังนั้นหลังจากงานเลี้ยงฉลองจบลง ลู่เฉินมอบหมายงานในสตูดิโอที่ฮ่องกงทั้งหมดให้แก่วั่นเสี่ยวเฉวียนและเฉินเหวินเฉียงคอยดูแลจัดการ ส่วนตัวเขากับเฉินเฟยเอ๋อร์บินกลับไปควบคุมงานใหญ่ในประเทศจีน
ตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่ถึงจะเป็นเป้าหมายหลักของ ‘โปเยโปโลเย’!
ด้วยเที่ยวบินของวันที่ 1 มีนาคม ทั้งสองกลับไม่ได้บินไปปักกิ่งทันที แต่บินไปที่เมืองหังโจวก่อน
“รอแล้วรอเล่า ในที่สุดก็รอจนเธอทั้งสองมาเสียที!”
ที่สนามบินนานาชาติเมืองหังโจว ทันทีที่เถียนเถียนมองเห็นลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เดินออกมาจากช่องทางของแขกวีไอพี อดีตพิธีกรสาวสวยของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงคนนี้บ่นแล้วบ่นอีก “เธอสองคน จะไม่เอาเพื่อนแล้วใช่ไหม”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะถูกใจกับท่าทีน้อยใจของเธอ กอดเถียนเถียนแล้วพูดว่า “พวกเราก็มาแล้วนี่ไง คืนนี้ฉันจะดูแลเธอทั้งคืนเลย!”
“จะบ้าตาย!”
เถียนเถียหน้าแดงหยิกเฉินเฟยเอ๋อร์ทีหนึ่ง แล้วแอบเหลือบมองลู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ
ทั้งสองไม่ได้พบกันระยะหนึ่งแล้ว พอได้เจอกันมีเรื่องมากมายที่เล่าไม่หมด
ลู่เฉินถือกระเป๋าใบใหญ่ใบน้อย ยิ้มแหยพูดว่า “คุณผู้หญิงทั้งสองท่านครับ พวกเราค่อยกลับไปคุยกันได้ไหมครับ”
ขากลับเถียนเถียนขับรถด้วยตัวเอง กลับไปที่บ้านพักส่วนตัวของเธอในเมืองหังโจว รับประทานอาหารเที่ยงแล้วค่อยเดินทางมายังบริษัทสื่อที่เถียนเถียนเป็นคนเปิดขึ้น
บริษัทสื่อของเถียนเถียนแห่งนี้มีชื่อเต็มว่า บริษัท สตาร์แฟคตอรี่มีเดีย จำกัด ชื่อ ‘สตาร์แฟคตอรี่’ เป็นชื่อที่ลู่เฉินตั้งให้ ความจริงบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเพราะคำแนะนำของเขา
อีกอย่างสตาร์แฟคตอรี่มีลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ร่วมทุนอยู่ด้วย บริษัทนี้ทั้งสามคนเป็นผู้ก่อตั้งร่วมกัน
เพียงแต่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่มีเวลามาดูแลธุรกิจ เพียงแต่ลงทุนเงินสำหรับก่อร่างสร้างตัวในช่วงแรก ทั้งการจดทะเบียน เลือกพื้นที่ รับสมัครพนักงาน วางแผนโครงการ เป็นต้น งานทั้งหมดเถียนเถียนเป็นคนยุ่งอยู่คนเดียว
โครงการแรกของสตาร์แฟคตอรี่เรียกว่า ‘เดอะว็อยซ์ไชน่า’!
แนวความคิดที่จะลาออกมาทำธุรกิจของเถียนเถียนเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว ลู่เฉินเสนอให้เธอสร้างรายการ ‘เดอะว็อยซ์ไชน่า’ ในเดือนพฤษภาคม แต่สตาร์แฟคตอรี่มีเดียเพิ่งมาก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม
จากนั้นเถียนเถียนเริ่มรับสมัครพนักงานเพื่อสร้างทีมงาน เพราะเป็นธุรกิจแรกที่ก่อตั้งขึ้น ทั้งยังมีลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นหุ้นส่วน เธอจึงก้าวเดินทีละก้าวอย่างมั่นคง หรือจะเรียกว่าระมัดระวังมากก็ได้ ดังนั้นตอนนี้ถึงเพิ่งได้เริ่มทำโครงการให้เป็นรูปธรรม
ช่วงเวลาที่ยาวนาน เถียนเถียนนำทีมสตาร์แฟคตอรี่เตรียมงานทั้งหมดอย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่สร้างทีมงานที่เก่งกาจมากประสบการณ์ ยังเจรจาทำข้อตกลงร่วมกับสถานีโทรทัศน์เจ้อตงได้สำเร็จ
‘เดอะว็อยซ์ไชน่า’ มีการวางแผนและผลิตโดยสตาร์แฟคตอรี่ กำหนดให้ออกอากาศในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของสถานีโทรทัศน์เจ้อตง ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ลงนามทำข้อตกลงแบบขายขาด แต่เป็นการแบ่งยอดจากโฆษณาตามยอดเรตติ้งที่ไม่ค่อยมีคนทำ
ระหว่างทางไปบริษัท เถียนเถียนรายงานเหตุการณ์ความเป็นไปในครึ่งปีนี้ให้แก่หุ้นส่วนทั้งสองฟัง
แม้เธอจะตัดพ้อต่อว่าว่าทำงานยากลำบากแค่ไหน การสร้างธุรกิจคนเดียวนั้นไม่ง่ายเลย มีหลายครั้งที่ประสบปัญหาจนท้อแท้อยากยอมแพ้ แต่มองออกว่าเธออยากจะสร้างดินแดนที่เป็นของตัวเองอย่างมุ่งมั่นด้วยใจจริง และมีความสุขอยู่ในนั้น
“ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว รอเพียงอย่างเดียว…”
แผนโครงการของ ‘เดอะว็อยซ์ไชน่า’ ทั้งหมดได้เสร็จสิ้นแล้ว ทีมงานรายการพรั่งพร้อม ทั้งยังเซ็นสัญญาความร่วมมือแล้ว จะเริ่มผลิตเมื่อไหร่ก็ได้ เรียกได้ว่าเตรียมไว้พร้อมสรรพหมดแล้ว
มีเพียงปัญหาเดียว นั่นก็คือรายชื่อของกรรมการทั้งสี่คนยังไม่แน่นอน!
ปัญหานี้ไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็ก ความจริงเถียนเถียนได้บอกกล่าวเรื่องนี้ให้ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์รับรู้ล่วงหน้าตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว แต่ก็ยังกำหนดให้ลงตัวไม่ได้เสียที
พอพูดถึงปัญหานี้ เถียนเถียนผู้ซึ่งหัวร้อนกลายเป็นท่านประธานผู้เผด็จการไปแล้วพูดว่า “ พวกเธอสองคนอย่าคิดหนีเชียวนะ ต้องมาช่วยงานด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันเลิกคบ!”
“แล้วก็ พวกเธอต้องช่วยฉันหาซูเปอร์สตาร์จากในวงการมาอีกสองคน ต้องเป็นระดับราชาราชินีเท่านั้นนะ!”
……………………………………
[1] ขโมยบ็อกซ์ออฟฟิศ คือ ทางโรงภาพยนตร์ขายตั๋วได้ แต่ไม่แจ้งให้ทางผู้ผลิตทราบ เก็บรายได้ทั้งหมดไว้เอง