ตอนที่ 577 รู้สึกหมดแรง
งูมีทางเดินของงู หนูมีช่องทางของหนู ทุกวงการไม่มีวงการไหนขาวสะอาดหมดจด เหมือนกับมีมืดก็ต้องมีสว่าง ระหว่างแสงสว่างกับความมืดตรงกลางคือสีเทาอันขมุกขมัว วั่นจินผิงคือคนที่เดินบนเส้นทางสีเทานี้
เขากล้าเล่นใหญ่ แต่ถ่อมตนมาก ได้รับการยกย่องในวงการอย่างสูง เส้นสายที่สะสมมาจากการล้มลุกคลุกคลานมานานหลายปีของเขากว้างขวาง ดังนั้นห้ามดูถูกเขาเด็ดขาด
วั่นจินผิงยังมีอีกฉายาในวงการว่า ‘น้ำมันวั่นจิน’ ฉายานี้เข้ากับภาพลักษณ์ของเขามาก
เพราะเหตุนี้ ลู่ซีถึงได้ตอบรับคำเชิญของเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สนใจนายหน้าคนนี้สักนิด
ทำงานอยู่ในวงการนี้ ล่วงเกินคนดีไม่เป็นไร แต่ล่วงเกินคนเลวนั้นไม่รู้จะต้องเกิดความยุ่งยากอีกมากเท่าไร
วั่นจินผิงจัดงานเลี้ยงขึ้นที่ร้านเชียนอิงคูซีน ซึ่งเป็นห้องอาหารญี่ปุ่นระดับท็อปในเมืองหลวง ค่าใช้จ่ายต่อคนตกคนละอย่างน้อยสามถึงสี่พันหยวน นักแสดงศิลปินหลายคนมาที่นี่บ่อย
ตอนที่ลู่เฉินกับลู่ซีมาถึงเชียนอิงคูซีนนั้น วั่นจินผิงได้รออยู่แล้ว
วั่นจินผิงอายุประมาณสี่สิบกว่าปี ไม่สูงไม่เตี้ย หน้าตาธรรมดา ดวงตาและคิ้วเล็กยาว สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ดูเหมือนเป็นพนักงานบริษัทอาวุโสคนหนึ่ง
“คุณลู่เฉิน เป็นเกียรติอย่างสูงที่คุณมาตามคำเชิญของผม…”
ในห้องอาหารส่วนตัว วั่นจินผิงยื่นมือทั้งสองออกไปให้ลู่เฉิน พร้อมกับเผยยิ้มกว้าง “ผมวั่นจินผิงครับ”
ลู่เฉินจับมือกับเขา ยิ้มเล็กน้อยตอบว่า “ประธานวั่นสวัสดีครับ”
วั่นจินผิงกล่าวทักทายลู่ซีด้วยมารยาท ถึงขั้นทำท่าเคารพมากกว่าลู่เฉินเสียอีก
แค่ดูจากท่าทีของเขาอย่างเดียว นายหน้าแห่งวงการคนนี้แสดงได้ไร้ที่ติ ไม่ดูหลอกลวงเกินไป ทำให้คนรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยได้ง่าย ราวกับเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน บรรยากาศจึงผ่อนคลายมาก
หลังจากนั่งลง วั่นจินผิงให้ลู่เฉินกับลู่ซีสั่งอาหารก่อน สั่งเสร็จแล้วเขาถึงจะสั่งเพิ่มของตัวเอง
“คุณลู่เฉิน พวกเราดื่มเหล้าสาเกสักหน่อยเป็นไง”
ลู่เฉินยิ้ม “ถ้าประธานวั่นชอบก็ดื่มเถอะครับ แต่ผมคงดื่มได้แค่แก้วสองแก้วเท่านั้น”
วั่นจินผิงเข้าใจ “ดื่มเหล้าทำร้ายลำคอ แต่หล้าสาเกแอลกอฮอล์ไม่สูง พวกเราดื่มนิดหน่อยก็พอแล้ว”
นักร้องไม่ดื่มเหล้าหรือดื่มน้อยด้วยเหตุผลหลักคือต้องรักษาลำคอ โดยเฉพาะก่อนร้องเพลงถ้าดื่มเหล้าเข้าไป เส้นเสียงจะบวมขึ้น ถ้าร้องเพลงในตอนนั้นจะเสียหายมาก หรือถึงขั้นเสียหายไปตลอดกาล
แต่ปกติทั่วไปนานๆ ครั้งดื่มเบียร์ ไวน์ขาว ไวน์แดงที่มีแอลกอฮอลล์ต่ำสักทีไม่เป็นไร
วั่นจินผิงเป็นคนในวงการ เขาต้องรู้เหตุผลดีอยู่แล้ว เขาสั่งสาเกดอกเบญจมาศที่แอลกอฮอล์ไม่สูง
เชียนอิงคูซีนมีชื่อเสียงมาก ราคาก็สูงลิ่ว ส่วนจะคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปไหมนั้นอยู่ที่ความคิดเห็นของแต่ละคนแล้ว อยู่ในร้านนี้แค่กินอิ่มก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
ลู่เฉินชิมซูชิไปหลายคำ รู้สึกไม่เลว
ขณะที่กำลังลิ้มรสชาติอาหารญี่ปุ่นอยู่นั้น วั่นจินผิงก็แอบจับตามองลู่เฉิน
ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อลู่เฉินเมื่อตอนปีกว่าที่ผ่านมา ตอนนั้นลู่เฉินเพิ่งเริ่มแสดงความสามารถในวงการเพลงป็อป ทั้งยังแสดงความสามารถด้านการแต่งเพลงอันเหนือชั้น
ตอนนั้นวั่นจินผิงเคยมีความคิดว่าอยากให้ลู่เฉินมาเซ็นสัญญากับบริษัทของตัวเอง
บริษัทเอเจนซี่ที่วั่นจินผิงเปิดมีงานหลักคือการเชื่อมสะพานให้กับนักลงทุน แต่ปกติแล้วเขาสนใจเรื่องการเฟ้นหาเด็กหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ หลังจากอบรมบ่มเพาะเป็นอย่างดีแล้วก็ส่งออกไป หาเงินกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
เสียดายที่ลู่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะเซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ไหนเลย เขาเปิดสตูดิโอของตัวเอง
วั่นจินผิงที่พลาดโอกาสไป เขาไม่ได้สนใจ ทุกปีมีคนหน้าใหม่เกิดขึ้นในวงการมากมาย ทั้งหน้าตาดี โปรไฟล์ดี ความสามารถเด่นล้วนมีครบ พลาดไปคนหนึ่งก็ไม่ต้องเสียดาย
แต่ลู่เฉินเติบโตอย่างรวดเร็วในวงการอย่างน่าทึ่ง ผลงานของเขาไม่เพียงแต่ดังไปทั้งวงการเพลง ยังข้ามไปสู่วงการละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ด้วย ละครเรื่องแรกที่เขียนบทเองและแสดงเองสร้างปรากฏการณ์เรตติ้งสูงสุด
จนวันนี้ แม้วัยวุฒิและคุณวุฒิของลู่เฉินยังเทียบกับซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปไม่ได้ แต่สองปีที่ผ่านมาเขาโด่งดังถึงขีดสุด จนแทบไม่มีใครมาเทียบได้!
ระหว่างนี้ วั่นจินผิงเป็นเพียงคนนอก จนกระทั่งมีคนมาติดต่อเขาให้ช่วยเชื่อมสะพานให้หน่อย
คนรุ่นใหม่สมัยนี้ สุดยอดจริงๆ!
วั่นจินผิงคิดในใจ พลางกระดกสาเกเข้าปากรวดเดียวอย่างเงียบๆ
ดื่มมาสามแก้ว กินข้าวอิ่มแล้วหกส่วน วั่นจินผิงขอความเห็นจากลู่เฉินและลู่ซีแล้ว ก็สั่งให้บริกรเก็บจานอาหารออกไป เปลี่ยนเป็นเสิร์ฟชาอู่หลงแทน
ถึงเวลาคุยเรื่องสำคัญแล้ว
อยู่ในวงการมานานขนาดนี้ ฝีปากของวั่นจินผิงนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเผชิญหน้ากับสองพี่น้องคู่นี้แล้ว เขากลับไม่ค่อยมั่นใจว่าจะโน้มน้าวฝ่ายตรงข้ามได้
ดังนั้นหลังจากสั่งสมกำลังอยู่ครู่หนึ่ง วั่นจินผิงละทิ้งความคิดเดิมจนหมดสิ้น เอ่ยถามอย่างลองเชิงว่า “คุณลู่เฉิน ข่าวเรื่องการเสนอชื่อรางวัลสุวรรณหงส์ คุณรู้หรือยังครับ”
ลู่เฉินกับลู่ซีมองหน้ากัน ลู่เฉินพยักหน้า “ครับ ประธานวั่นรู้เรื่องราวเบื้องหลังเหรอครับ”
พูดไปแล้วลู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้
ใจของวั่นจินผิงกลับตกดิ่งลง เพราะปฏิกิริยาของลู่เฉินนั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา
เขาดูแล้ว ศิลปินอายุน้อยแบบลู่เฉิน ส่วนใหญ่จะหยิ่งทระนง เมื่อประสบกับเรื่องราวที่ถูกกดขี่ข่มเหง มักมีความโกรธแค้นในใจ อย่างน้อยต้องรู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้ เป็นไปได้ว่าลู่เฉินจะแสดงความรำคาญใจ ไม่พอใจ เย็นชา หรืออาจจะตั้งใจไม่แสดงออก ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่รอยยิ้มเล็กน้อยนี้กลับทำให้ความมั่นใจของเขาถูกโจมตีอีกครั้ง
สายตาของวั่นจินผิงร้ายกาจ เขามองออกว่าลู่เฉินไม่ใส่ใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำใจกว้าง
รางวัลสุวรรณหงส์ไม่น่าดึงดูดตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในวงการ ไม่รู้มีศิลปินนักแสดงมากแค่ไหนที่เค้นสมองหาวิธีที่จะได้รับการเสนอชื่อเพื่อยกระดับตัวเอง มีคนมากมายที่ติดต่อมาหาวั่นจินผิงเพื่อให้เขาช่วย ซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปอาจจะไม่สนใจ แต่ลู่เฉิน…
วั่นจินผิงพลิกลิ้นอย่างว่องไว หัวเราะตอบ “เบื้องหลังไม่มีเบื้องหลังอะไรหรอก แต่ที่ผมรู้ ตอนนี้ข่าวที่เปิดเผยออกมาทางอินเทอร์เน็ตอาจจะไม่จริง การเสนอชื่อที่แท้จริงยังไม่ได้เปิดเผยออกมา ทั้งหมดยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลง”
ความจริงเขากำลังบอกลู่เฉินทางอ้อม แต่ลู่เฉินเหมือนจะไม่เข้าใจ และไม่ได้ถามต่อ
วั่นจินผิงแอบด่าอยู่ในใจ และพูดต่อว่า “ในความเห็นของผม ‘ฟูลเฮ้าส์’ เป็นละครที่ดีมากเรื่องหนึ่ง มันมีสิทธิ์ในรางวัลสุวรรณหงส์!”
พูดจบวั่นจินผิงก็จ้องลู่เฉิน เพื่อหวังว่าจะได้เห็นอะไรบางอย่างจากดวงตาของฝ่ายหลัง
ทว่าแววตาของลู่เฉินนั้นลึกลับและไม่แยแสสิ่งใด เหมือนสระน้ำนิ่งที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง ไม่มีอารมณ์ใดแสดงออกมา เหมือนว่าวั่นจินผิงกำลังเล่าเรื่องคนอื่นให้เขาฟัง เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย
วั่นจินผิงผู้รอบรู้และเจ้าเล่ห์แสนกล กำลังรู้สึกหมดแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
…………………………………………