ตอนที่ 581 คู่แข่งตัวจริง
รางวัลสุวรรณหงส์ครั้งที่ 27 ในบรรดาผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทั้ง 39 สาขา ผู้ชนะรายใหญ่คือละครยาวเรื่อง ‘ราชวงศ์ซ่ง’
ละครอิงประวัติศาสตร์ความยาว 85 ตอนเริ่มลงจอฉายเมื่อปีที่แล้วทางสถานีโทรทัศน์กลางแห่งชาติ เรตติ้งไม่เลวทีเดียว คอนเซ็ปต์หลักเป็นไปตามที่รางวัลสุวรรณหงส์ชื่นชอบ ดังนั้นจึงเข้าชิงทั้งรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ละครยาวยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม บทละครยอดเยี่ยม…เป็นต้น รวมทั้งหมด 12 สาขา
รองลงมาจาก ‘ราชวงศ์ซ่ง’ คือ ‘สงครามเลือดซาเฉิง’ ซึ่งเป็นละครเกี่ยวกับการทหารความยาว 37 ตอน ผลิตโดยสถานีโทรทัศน์เซียงหนานร่วมกับหน่วยงานด้านภาพยนตร์โทรทัศน์หลายแห่งในประเทศ เข้าชิงทั้งหมด 9 สาขา
เทียบกันแล้วรางวัลบทละครยอดเยี่ยม เพลงประกอบละครยอดเยี่ยม และผลงานตัดต่อยอดเยี่ยมของละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ดูต่ำต้อยจนน่าสงสาร ต้องรู้ว่าเรตติ้งและอิทธิพลของละคร ‘ราชวงศ์ซ่ง’ และ ‘สงครามเลือดซาเฉิง’ เทียบกับ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ไม่ติด เพียงแต่ละครทั้งสองเรื่องนี้ได้ชื่อว่าเป็นละครแนว ‘สะท้อนสังคมและวัฒนธรรม’
นี่มันดูเหลวไหลเกินไปหน่อย เพราะรางวัลสุวรรณหงส์ไม่เหมือนกับรางวัลแมกโนเลีย รางวัลหลังเป็นรางวัลจากรัฐบาลโดยแท้ อาศัยแค่การประเมินจากคณะกรรมการเพียงอย่างเดียว จึงยกย่องชื่นชมละครแนวสะท้อนสังคมและวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติ แต่การคัดเลือกของรางวัลสุวรรณหงส์มาจากการโหวตของผู้ชม!
ผลลัพธ์กลายเป็นว่าละครที่ได้รับการเสนอชื่อ กลับไม่ใช่ละครที่คนดูชื่นชอบ นั่นยิ่งทำให้คนอดรู้สึกรังเกียจไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เมื่อการเสนอชื่อถูกประกาศออกไป บล็อกล่างฉาวของรางวัลสุวรรณหงส์ก็ถูกคำตำหนิถาโถมเข้าใส่
ส่วนใหญ่เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ ‘ฟูลเฮ้าส์’
“ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าใช้อะไรเป็นหลักเกณฑ์ในการเสนอชื่อ ทำไม ‘ฟูลเฮ้าส์’ ถึงได้แต่รางวัลเล็กๆ ไม่กี่รางวัล”
“รางวัลสุวรรณหงส์เปลี่ยนชื่อเป็นรางวัลนกดำไปเถอะ ดำมืดกันทั้งนั้น!”
“พวกเธอว่าน่าขำไหมล่ะ ลูกพี่ลู่เฉินของฉันไม่ได้ถูกเสนอชื่อแม้แต่รางวัลนักแสดงนำชายยอดนิยม”
“เหอะๆ ปีที่แล้ว ‘ฟูลเฮ้าส์’ ได้เรตติ้งเท่าไหร่รู้ไหม”
“ขอเตือนพวกคุณด้วยความหวังดีนะ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ได้ครองแชมป์เรตติ้งในเกาหลีด้วย!”
“คว่ำบาตรรางวัลตูดหมา!”
สิ่งที่ทุกคนออกมาตำหนิก็คือ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ไม่มีวาสนากับรางวัลนักแสดงนำชายและหญิงยอดนิยม ถ้าเป็นผู้กำกับยอดเยี่ยม ละครยาวยอดเยี่ยมไม่ได้รับการเสนอชื่อไม่เป็นไร แต่สองรางวัลแรกสมควรให้ผู้ชมเป็นคนตัดสิน ทว่าลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไม่ได้รับการเสนอชื่อนี่สิ เหมือนกับกำลังดูถูกสติปัญญาของทุกคนอยู่
คณะกรรมการรางวัลสุวรรณหงส์รู้ดีที่สุดว่า ถ้า ‘ฟูลเฮ้าส์’ ถูกเสนอชื่อทั้งสองรางวัล นอกเสียจากจะมีการโกงคะแนนโหวต ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ก็คาดเดาได้แบบไม่ต้องกังวล จึงตัดชื่อทิ้งไปเสียดื้อๆ
ในบรรดาชาวเน็ตมีคนฉลาดอยู่เยอะแยะ จุดประสงค์ของคณะกรรมการรางวัลสุวรรณหงส์พวกเขาดูออกแน่นอน
จึงออกมาด่าทอในบล็อกกันเป็นแถว วิจารณ์กันสนั่น!
แต่การวิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตจะส่งผลถึงคณะกรรมการรางวัลสุวรรณหงส์หรือ คิดผิดแล้ว พวกเขากล้านำการเสนอชื่อดังกล่าวออกมา แสดงว่าพวกเขาไม่กลัวเสียงก่นด่า…รางวัลสุวรรณหงส์ถูกด่ามาหลายปีแล้ว
หน้าของบล็อกทางการนั้นหนาและเหนียว ข้อความในคอมเมนต์จะหยาบคายซี้ซั้วขนาดไหน ก็ไม่อาจสั่นคลอนได้ จากนั้นใช้การบล็อกข้อความบนพื้นที่ขนาดใหญ่ทีเดียว สุดท้ายตามด้วยการปิดพื้นที่คอมเมนต์ไป
พวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกพวกนี้ทำให้ชาวเน็ตทำอะไรไม่ได้ แฟนคลับมากมายของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ออกมาบ่นอย่างไม่พอใจในบล็อกส่วนตัวของทั้งคู่ พร้อมกับแสดงความสนับสนุนไอดอลของพวกเขา
แฟนคลับไม่น้อยที่คิดว่าลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จะน้อยใจ เพราะรางวัลสุวรรณหงส์ที่สองปีมีครั้งเป็นรางวัลที่ทรงอิทธิพลของประเทศ เกียรติยศของราชาและราชินีแห่งวงการละครเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจ
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าทั้งลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้สนใจรางวัลสุวรรณหงส์มาแต่ไหนแต่ไร ทั้งสองเข้าสู่สงครามน้ำลายอย่างไม่ตั้งใจ ต่างไม่ได้ออกมาแสดงท่าที ทั้งยังปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวด้วย
ตอนนี้งานสำคัญของเฉินเฟยมีเดีย คือการโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ ในจีนแผ่นดินใหญ่ ยังมีการเตรียมงานละคร ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ อีก ไม่มีกำลังและเวลาลงไปเล่นน้ำโคลนกับรางวัลสุวรรณหงส์หรอก
สำหรับทั้งคู่แล้ว ‘ฟูลเฮ้าส์’ จะได้รับการเสนอชื่อหรือไม่ จะได้รับรางวัลหรือไม่นั้นไม่สำคัญสักนิด เอาเป็นว่าใครอยากเล่นก็ให้เขาเล่นไปคนเดียว!
วันที่ 20 มีนาคม ภาพยนตร์จากบริษัทผลิตภาพยนตร์ฝั่งอเมริกาที่ทุ่มทุนสร้างถึง 170 ล้านดอลลาร์อย่าง‘สงครามเทพอัคคี’ ได้เริ่มฉายในโรงภาพยนตร์จีนแผ่นดินใหญ่ ยอดการจัดรอบฉาย 38.76% บ็อกซ์ออฟฟิศได้ 127 ล้าน!
วันนี้ตลาดภาพยนตร์ในประเทศร้อนแรงยิ่งนัก ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ภาพยนตร์ที่ทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศวันแรกทะลุร้อยล้านมีเพียงสามสี่สิบเรื่องเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูด ผลงานเป็นที่น่าประทับใจมาก
ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมในอเมริกาเหนือมักทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้สูงในประเทศจีน หลังจากหลายปีแห่งความอุตสาหะในการตีตลาดประเทศจีน ภาพยนตร์ฮอลลีวูดได้สั่งสมประสบการณ์การโปรโมตเอาไว้เต็มเปี่ยม จึงรู้ดีว่าสิ่งใดสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนดูชาวจีนได้
สิ่งสำคัญคือบริษัทภาพยนตร์ฮอลลีวูดขนาดใหญ่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเครื่อข่ายโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดทั้งสามแห่งของจีน ดังนั้นเมื่อมีการนำเข้าภาพยนตร์ ก็จะได้รับการจัดรอบฉายที่สูง ซึ่งช่วยผลักดันยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้
ดังนั้น ‘สงครามเทพอัคคี’ วันแรกทำยอดขายตั๋วหนังได้ 127 ล้านก็เป็นเรื่องธรรมดา และจะสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับภาพยนตร์เรื่องอื่นที่เข้าฉายไล่เลี่ยกันต่อไปอีกครึ่งเดือน
และเมื่อถึงวันที่ 9 เมษายน ยังมีภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีกเรื่องที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ นั่นก็คือ ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’…
นี่อดทำให้คนปาดเหงื่อแทนภาพยนตร์จีนที่จะเข้าฉายในช่วงเวลานี้ไม่ได้ แม้ภาพยนตร์จีนจะทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้ไม่น้อย อาศัยหนังรักวัยรุ่นและภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากนิยายชื่อดังก็ยังปกป้องอาณาเขตไว้ได้ แต่เมื่อภาพยนตร์ฮอลลีวูดสองเรื่องตีขนาบข้างพร้อมกับ ยิ่งทำให้สถานการณ์ดูไม่ดีนัก
‘โปเยโปโลเย’ ของลู่เฉินถูกหนีบไว้อยู่ตรงกลาง แม้เวลาที่ออกฉายจะไม่ได้ย่ำแย่ ก็ยังทำให้โลกธุรกิจรู้สึกกังวล เสียงโศกเศร้าดังขึ้นไม่ขาดหู ทุกคนต่างคิดว่ามันไม่อาจประสบความสำเร็จได้เหมือนที่ฮ่องกง
ตอนที่ ‘โปเยโปโลเย’ ฉายในฮ่องกง คู่แข่งสำคัญคือเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ไม่ได้ปะทะกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นทุนสร้างหรือการโปรโมตล้วนด้อยกว่า
เรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เข้าฉายในวันที่ 14 มีนาคม จนถึงวันจันทร์ที่ 20 ทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้เพียง 32 ล้าน และในวันที่ 20 นั้นยอดยังตกลงมาเหลือสองล้าน มีโอกาสสูงมากที่จะซ้ำรอยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในฮ่องกง มีความเป็นไปได้ที่จะออกจากโรงก่อนเวลา
‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างร่วมกันระหว่างจีนและฮ่องกง ได้รับนโยบายสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องใหม่จากรัฐบาลฮ่องกง และมีการการันตีรอบฉาย แต่ก็เพียงแค่สัปดาห์แรกเท่านั้น
เครือข่ายโรงภาพยนตร์นั้นอยู่กับความจริง ที่นั่งชมภาพยนตร์เหมือนกับทรัพยากรอันล้ำค่า พวกเขาไม่เก็บไว้ให้ภาพยนตร์ที่ไม่ได้รับความนิยมหรอก ผู้ชนะกินเรียบเท่านั้นที่เป็นกฎของที่นี่
‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ไม่ใช่ผู้ชนะ
ความจริงภาพยนตร์เรื่องนี้ได้โปรโมตในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเต็มที่แล้ว หวาก้วนพิคเจอร์สมีบริษัทใหญ่อยู่ในประเทศ เพราะชื่อเสียงของภาพยนตร์เรื่องนี้ย่ำแย่ คะแนนจากเว็บไซต์ภาพยนตร์หลายแห่งแม้แต่จะให้ผ่านเกณฑ์ยังยากเย็น
ดังนั้นตอนที่ชั่งน้ำหนักคู่แข่งอยู่นั้น เฉินเฟยมีเดียไม่ได้รวม ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เข้ามาด้วย มีเพียง ‘สงครามเทพอัคคี’ กับ ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ เท่านั้นที่เป็นคู่แข่งตัวจริง!
……………………………………