ตอนที่ 592 งานฉลองความสำเร็จ
ธุรกิจภาพยนตร์เป็นธุรกิจที่ได้กำไรสูง แค่ตลาดภาพยนตร์ในประเทศตอนนี้ ก็มีหลายบริษัทเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ โรงภาพยนตร์ในเครือใหญ่สามแห่งกับโรงภาพยนตร์ในเครือขนาดกลางและขนาดเล็กพยายามดิ้นรนสร้างโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าอยากจะกัดเค้กก้อนใหญ่นี้สักคำ
สิบปีก่อน ภาพยนตร์ที่ลงทุนเพียงยี่สิบสามสิบล้านก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สุดท้ายทำรายได้ตั๋วหนังอันน่าทึ่งเกินร้อยล้านหรือมากกว่าหนึ่งพันล้านก็มีให้เห็น ผลกำไรที่สูงเช่นนี้มากพอที่จะทำให้กิจการแบบดั้งเดิมรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
แต่เมื่อวิเคราะห์ภาพยนตร์ที่ต้นทุนต่ำกำไรสูงเหล่านี้อย่างละเอียด ก็จะพบความลึกลับที่อยู่ในนั้น…หากไม่ใช่แนววัยรุ่นไอดอลก็เป็นภาพยนตร์คอมเมดี้ โดยพื้นฐานแล้วไม่ต่างไปมากกว่านี้
ภาพยนตร์รายได้สูงอื่นๆ ล้วนมาจากการลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก แป๊บๆ หมดเงินทุนร้อยสองร้อยล้านมีให้เห็นทั่วไป ภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศพยายามเต็มที่เพื่อเขยิบเข้าใกล้ฮอลลีวูดในด้านเอฟเฟกต์ เป็นผลทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
‘โปเยโปโลเย’ ในฐานะภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศ รายได้ตั๋วหนังที่ทำได้ทั้งหมดในตอนนี้ไม่ได้ล้ำหน้าทุกคน ภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศมีรายได้สัปดาห์แรกเกินห้าร้อยล้านนั้นมีเยอะแยะ สามารถยกตัวอย่างง่ายๆ ได้ถึงเจ็ด แปด เก้าตัวอย่าง
ทว่า ‘โปเยโปโลเย’ เป็นภาพยนตร์แนวผีแฟนตาซีต้นทุนน้อย แต่ทำรายได้สัปดาห์แรกได้สี่ร้อยยี่สิบล้านทำให้มันกลายเป็นกรณีที่พิเศษมากที่สุด ราวกับว่าเปิดประตูและหน้าต่างให้กับเพื่อนร่วมสาขาอาชีพเดียวกัน
ที่แท้ภาพยนตร์ประเภทนี้ ก็สามารถถ่ายทำแบบนี้ได้นี่นา!
‘โปเยโปโลเย’ มีฉากที่เกี่ยวข้องกับภาพเทคนิคพิเศษที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ไม่เยอะ การผลิตถือว่าดีเยี่ยม มีหลายฉากที่อาศัยพร็อพและวิธีการถ่ายทำแบบดั้งเดิม แต่เมื่อผ่านการตัดต่อและสังเคราะห์ ผลลัพธ์ที่ได้โดดเด่นมาก โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ถือว่ามีแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร ดูดีกว่าพวกที่ใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ที่มีสีสันฉูดฉาดเป็นไหนๆ
แต่สาเหตุของความสำเร็จของมันไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ตัวละครที่ดูมีชีวิตชีวา เรื่องราวความรักที่น่าเศร้าแต่งดงามรวมทั้งการสร้างหน้าตาของตัวละคร และเพลงประกอบแนวโบราณที่ดีเยี่ยมไร้ที่ติ ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นผลงานคลาสสิคเรื่องหนึ่ง!
ถูกแล้ว เป็นผลงานคลาสสิค!
หลายคนในวงการหลังจากที่ดู ‘โปเยโปโลเย’ แล้ว ต่างคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มากพอที่จะเป็นเทรนด์ใหม่ของภาพยนตร์แนวผีและแฟนตาซีที่ผลิตในประเทศ มีคุณสมบัติให้ยกย่องเป็นผลงานคลาสสิคได้อย่างสิ้นเชิง
บนอินเทอร์เน็ต คำชมของ ‘โปเยโปโลเย’ มีแต่เพิ่มไม่มีลด คะแนนโดยรวมยังคงรักษาอยู่ในระดับเอตลอด นักวิจารณ์ภาพยนตร์มากมายต่างแนะนำในบล็อกของตัวเองอย่างยิ่งยวด สื่อบันเทิงเริ่มรายงานและให้ความสนใจ
ปัจจัยต่างๆ รวมกัน ทำให้รายได้ตั๋วหนังของ ‘โปเยโปโลเย’ พุ่งสูง จนกดทับ ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ใหม่และคู่แข่งเบอร์ใหญ่จนแบน
เมื่อเทียบกับ ‘โปเยโปโลเย’ คำชมของ ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ที่เพิ่งเข้าฉายกลับแย่กว่ามาก ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องนี้ทำรายได้ที่อเมริกาเหนือไม่สู้ดีนัก เดิมทีอยากจะเรียกต้นทุนคืนจากในประเทศจีน ทว่าผู้ชมกลับไม่ไว้หน้าเท่าไร
วันที่ 10 เมษายน ‘โปเยโปโลเย’ ทำรายได้ร่วงลงไปที่แปดสิบเอ็ดล้าน ก้าวเข้าสู่หนึ่งพันล้านอย่างมั่นคง ส่วน ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ก็ลดฮวบฮาบลงไปที่สี่สิบเจ็ดล้าน ถึงแม้จะทำรายได้เกินร้อยล้านในสองวัน แต่ขนาดความสูงต่ำที่ชัดเจนเช่นนี้ก็บ่งบอกถึงอนาคตที่น่าเศร้า
ที่น่าสนุกคือ ‘ ฤดูนี้เราไม่เหงา’ ภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศอีกหนึ่งเรื่องที่ออกฉายพร้อมกับ ‘โปเยโปโลเย’ ก็เริ่มต้านกระแสตลาดทำรายได้เพิ่มสูงขึ้นหนึ่งถึงสองร้อยล้าน ขับดุนให้เห็นความสิ้นท่าของ ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’
ผู้ชมภาพยนตร์ในประเทศทุกวันนี้ ผ่านวิธีการล้างบาปของภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาเยอะนัก สเปเชียลเอฟเฟกต์ล้วนๆ กับการกระตุ้นจักษุสัมผัสของคนดูไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้อีก ดังนั้น ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ที่เน้นสเปเชียลเอฟเฟกต์มากเกินไป จึงถูกทอดทิ้งอย่างง่ายดาย
พูดในอีกแง่มุมหนึ่งก็คือ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่กวาดตลาดในประเทศจีนอย่างง่ายดาย ไม่มีอีกแล้ว!
บุคคลในวงการหลายคนคิดว่า ถ้าหากไม่มี ‘โปเยโปโลเย’ หรือว่าเปลี่ยนจาก ‘โปเยโปโลเย’ เป็น ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ภาพยนตร์ที่ออกจากก่อนโรงไปก่อนหน้า รายได้ตั๋วหนังของ ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ คงไม่เปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้
ตอนเย็นวันที่ 12 เมษายน เฉินเฟยมีเดียจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ ‘โปเยโปโลเย’ ทำรายได้เกินห้าร้อยล้านที่ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมเหมยข่าตี้แห่งกรุงปักกิ่ง
ธรณีประตูของภาพยนตร์ในตอนนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนรายได้เกินหนึ่งร้อยล้านก็คุ้มค่าที่จะเฉลิมฉลองแล้ว ทุกวันนี้หากจัดงานเลี้ยงฉลองรายได้ไม่ถึงห้าร้อยล้านจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ แต่สำหรับ ‘โปเยโปโลเย’ ทำรายได้ตั๋วหนังสองสามร้อยล้านก็ถือว่ามีสิทธิ์แล้ว!
รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ได้รับในความเป็นจริง ทำให้คนในวงการต้องเหลียวมอง ดังนั้นวันที่จัดงานเลี้ยงฉลอง เฉินเฟยมีเดียได้เชิญสื่อที่คุ้นเคยมาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีนักข่าวที่ไม่ได้รับเชิญจำนวนไม่น้อยมารวมตัวอยู่นอกศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมฯ เผื่อจะมีโชคบ้าง
งานเลี้ยงฉลองทำรายได้ห้าร้อยล้านของ ‘โปเยโปโลเย’ จัดค่อนข้างยิ่งใหญ่ เริ่มเตรียมงานตั้งแต่สองสามวันก่อนและยังเชิญทีมงานเดิมที่อยู่ฮ่องกง รวมถึงเนี่ยหมิงจูที่รับบทนางเอกของเรื่อง แล้วก็ยังมีหม่าหรงเจินที่แสดงบทเยียนชื่อเสียมาร่วมงานด้วย
ทั้งสองคนได้รับความสนใจจากสื่อเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเนี่ยหมิงจูที่อาศัย ‘โปเยโปโลเย’ เพียงเรื่องเดียวก็โด่งดังไปทั่วแผ่นดินจีน กลายเป็นจุดสนใจของงาน แสงแฟลชระรัวสว่างจ้าต่อหน้าเธอมากมายนับไม่ถ้วน
ตามธรรมเนียม นอกจากสื่อและนักข่าวในงานเลี้ยงกับแขกผู้มีเกียรติในวงการ ยังมีแฟนคลับที่โชคดีเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับสิทธิ์นี้ผ่านการจับฉลากทางบล็อก
แฟนคลับที่เป็นแขกรับเชิญเหล่านี้เมื่อเข้างานก็ได้รับของขวัญอันงดงาม แต่ละคนพอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาทำให้บรรยากาศของงานคึกคักมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตอนที่ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ เนี่ยหมิงจู และหม่าหรงเจินร่วมมือกันเปิดแชมเปญขวดใหญ่ เสียงโห่ร้องเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่วงาน!
จากนั้นลู่เฉินก็รับสัมภาษณ์จากสื่อหลายแห่ง ไมค์ติดโลโก้ที่ยื่นมาตรงหน้าเขามีเกือบยี่สิบตัว นักข่าวที่ล้อมรอบเขานั้นมีเยอะยิ่งกว่า
นักข่าวคนหนึ่งถามอย่างอดใจไม่ไหว “ลู่เฉิน ไม่ทราบว่าคุณจะถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ ภาคสองไหม”
ลู่เฉินส่ายหน้าทันที “ไม่ครับ แต่ผมได้ขายลิขสิทธิ์ ‘โปเยโปโลเย’ ให้กับพาร์ตเนอร์แล้ว ดังนั้นภาคที่สองหรือว่าภาคที่สามก็อาจจะได้ถ่ายทำออกมา แต่ผมจะไม่แสดงแล้วครับ”
ภาพยนตร์ที่เขาอยากจะถ่ายทำ สามารถเลือกบทภาพยนตร์ได้เยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเกาะภาคต่อกินเลย
นี่ทำให้พวกนักข่าวตกใจเล็กน้อย ควรทราบว่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ทำรายได้พุ่งทะยานขนาดนี้การทำภาคต่อนั้นเป็นเรื่องที่ถูกจังหวะและสมเหตุสมผล แต่ลู่เฉินกลับละทิ้งผลกำไรมหาศาลก้อนนี้
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหากไม่มีเขารับบทพระเอก ภาคต่อก็คงจะหมดสีสันไปไม่น้อย!
“ถ้างั้นคุณคิดไว้แล้วหรือยังว่าภาพยนตร์เรื่องที่สองของคุณจะเป็นแนวไหน”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยเอ่ยว่า “ขอเก็บเป็นความลับชั่วคราวก่อนครับ ตอนนี้ผมกำลังเตรียมถ่ายทำละครเรื่องที่สามของตัวเอง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ คาดว่าจะเริ่มเปิดกล้องสิ้นเดือนนี้ครับ”
นี่นับว่าเป็นข่าวที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่มาก แต่แฟนละครของลู่เฉินหลายคนต้องให้ความสนใจแน่นอน
ทว่าพวกนักข่าวมีหรือจะพอใจแค่นี้ มีคนถามอีกว่า “ไม่ทราบว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำไมเลือกนักแสดงหน้าใหม่มารับบทนางเอก แต่ให้เฉินเฟยเอ๋อร์เล่นเป็นบอสตัวร้าย”
นักข่าวคนนี้ถามด้วยแววตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าอยากจะขุดคุ้ยข้อมูลใหญ่ออกมาจากปากของลู่เฉิน
…………………………………………………………………………