ตอนที่ 618 ไฉ่เจี๋ยกับอันซิน
“ฉันชื่ออันซิน ปีนี้อายุยี่สิบสามปี ฉันมาจากตำบลสุ่ยซิ่ว อำเภอฉางซาน มณฑลกว่างซี…”
เริ่มต้นรายการด้วยภาพวีทีอาร์ คนที่ปรากฏตัวอยู่ในภาพก็คือนักร้องผู้เข้าแข่งขันคนแรกของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซีซันแรก เธอชื่อว่าอันซิน เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง
“ฉันชอบดนตรี ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กค่ะ หลังจากเรียนจบม.ปลายก็มาเรียนดนตรีที่เมืองหลวงคนเดียว กลายเป็นนักร้องหลงกรุงคนหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ย้ายมาที่ฮู่ไห่ตามหาความฝันของตัวเองต่อไปค่ะ”
หลังจากผู้เข้าแข่งขันคนแรกแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว กล้องก็ตัดภาพมาที่บนเวทีอีกครั้ง
พิธีกรถือไมค์พูดจาอย่างฉะฉาน “รถยนต์จงหวาขอต้อนรับเข้าสู่เดอะวอยซ์ไช่น่า ที่สนับสนุนโดยแบรนด์รถยนตร์ชั้นนำของประเทศที่ผลิตรถดีเครื่องยนต์ดีให้กับคุณ ดื่มเป้ยลี่เพิ่มพลังเพิ่มชีวิตชีวา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพเป้ยลี่ขอเป็นกำลังใจให้เดอะวอยซ์ไชน่า เดอะวอยซ์ไชน่าปีนี้นักเรียนที่โค้ชทั้งสี่ท่านถูกใจมากที่สุดจะได้ร่วมเดินทางไปกับรถยนตร์จงหวามิวสิคดรีมทัวร์ ผู้ที่ส่งข้อความร่วมโต้ตอบจะได้รับคูปองส่วนลดหนึ่งร้อยหยวนของเฟยซวิ่นอี้โก้ว ขอบคุณเฟยซวิ่นอี้โก้วเป็นอย่างยิ่งที่สนับสนุนรายการในครั้งนี้! นักเรียนเสียงดีของพวกเราถ้าหากได้รับการยอมรับจากโค้ชสามคนหรือสามคนขึ้นไปจะได้รับกองทุนความฝันทางดนตรีหนึ่งหมื่นหยวนจากเฟยซวิ่นอี้โก้ว ขณะเดียวกันต้องขอขอบคุณโรงแรมแชงกรีลาที่สนับสนุนที่พักให้กับโค้ชของเดอะวอยซ์ไชน่า…”
บทที่ยาวมากกว่าสองร้อยคำ เขาพูดจบรวดเดียวโดยไม่สะดุด แถมโทนเสียงสูงมีพลังฮึกเหิม แสดงให้เห็นว่ามีพลังปอดเยอะมาก!
ผู้ชมในห้องส่งตกตะลึง ผู้ชมหน้าจอโทรทัศน์ก็ตกใจเช่นกัน เหล่าแฟนคลับในห้องถ่ายทอดสดออนไลน์ยิ่งตกใจกว่า!
“แม่ง! พวกเธอเมื่อกี้ได้ยินชัดไหมว่าเขาพูดว่าอะไร”
“เก่งโคตรพ่อโคตรแม่เลย ไปหาเทพคนนี้มาจากที่ไหน ผมชายโสดและรวยขอคารวะ!”
“ถ้าหากใครสามารถพูดตามได้ครบหนึ่งรอบ ฉันจะให้ลูกบอลปลาเขาหนึ่งหมื่นลูก!”
“ฉันก็ให้หนึ่งหมื่นลูก!”
“เก่งระดับเทพจริงๆ น่านับถือ ข้าน้อยของคารวะเป็นศิษย์”
“คารวะด้วย…”
เนื่องจากไม่ใช่การถ่ายทอดสด รายการบันทึกเสร็จตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนแล้ว ดังนั้นคืนนี้ตอนที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เจ้อตง ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ดูอยู่ในห้องของโรงแรมเหมือนกัน
ขณะเดียวกันลู่เฉินเปิดคอมพิวเตอร์ล็อกอินเข้าห้องถ่ายทอดสดของตัวเอง แต่เขาใช้ไอดีสำรองแอบเข้าไปโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ดูแฟนๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รู้สึกมีความสุขมาก
คอมเมนต์สดของพวกที่นับถือและชื่นชมพิธีกรในรายการ เขาก็เห็นและอดหัวเราะไม่ได้
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ยื่นศีรษะเข้ามาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นคอมเมนต์สดที่ล้นทะลักบนหน้าจออย่างบ้าคลั่ง จึงหัวเราะด้วย “พิธีกรคนนี้เถียนเถียนเลือกไม่ผิดจริงๆ พวกผู้ชมชอบกันมาก”
พิธีกรของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซีซันแรกมีชื่อว่าไฉ่เจี๋ย เขาไม่ใช่คนของสถานีโทรทัศน์เจ้อตง แต่เป็นผู้ดำเนินการถ่ายทอดสดในรายการเพลงของสถานีวิทยุเจียวทงหังโจว
ตอนที่ลู่เฉินวางโปรเจกต์ของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ในตอนแรก ก็มีข้อกำหนดความต้องการพิเศษสำหรับพิธีกรแล้ว นั่นก็คือต้องมีพลังปอด จำเป็นต้องฝึกท่องบทเยอะๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
ความต้องการนี้อันที่จริงมาจากความทรงจำในโลกความฝันของเขา สำหรับต้นฉบับ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซึ่งเป็นที่มาของแรงบันดาลใจ นี่ถือว่าเป็นไฮไลต์อย่างหนึ่งในรายการ ดังนั้นเขาถึงได้เอามาใช้อย่างตั้งใจเป็นพิเศษ
และเพื่อความต้องการนี้ เถียนเถียนได้สัมภาษณ์ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรมืออาชีพมากกว่าสิบคน ก่อนจะเลือกไฉ่เจี๋ยออกมา
ในอีกด้านหนึ่ง ความต้องการเช่นนี้ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ด้วย เพราะสปอนเซอร์โฆษณาของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ มีไม่น้อย บทพูดสองร้อยกว่าคำมีแบรนด์ดังใหญ่ๆ ทั้งสี่รวมอยู่ในนั้นด้วย
จากส่วนแบ่งโฆษณา สตาร์แฟคตอรีสามารถเรียกต้นทุนก่อนหน้ากลับมาได้ทั้งหมดแล้ว สำหรับสัดส่วนกำไรจริงก็ต้องดูเรตติ้งสูงต่ำของรายการ
“ขอให้พวกเราต้อนรับผู้เข้าแข่งขันคนแรกด้วยครับ!”
กล้องตัดมาที่ด้านหลังเวที อันซินสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวกางเกงยีนส์เดินขึ้นบันไดภายใต้การติดตามของกล้องไปจนถึงบนเวที แล้วรับไมค์ที่อยู่ในมือของไฉ่เจี๋ยพิธีกรมา
เธอเม้มปาก นัยน์ตาเผยความตื่นเต้นออกมา
อันซินต้องรู้สึกตื่นเต้นอยู่แล้ว ตอนแรกเธอถูกเพื่อนรักยุให้เข้าร่วมการออดิชันของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ โชคดีที่เธอมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมรายการอย่างเป็นทางการ แต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกเลือกเป็นผู้เข้าแข่งขันคนแรก
เวลานี้เพื่อนรักกำลังมองเธออยู่ด้านหลังเวที และโค้ชทั้งสี่ก็อยู่ด้านหน้า
อันซินรู้ดี นี่อาจจะเป็นการแสดงที่ตัดสินโชคชะตาของตัวเอง ถ้าหากร้องแย่แล้วตกรอบ เธอก็จะพิจารณายอมแพ้แล้วหางานทำระยะยาว จากนั้นก็แต่งงาน
แต่นี่ไม่ใช่จุดจบที่อันซินต้องการ
เธอธรรมดามากๆ ธรรมดามากถึงขั้นเดินท่ามกลางผู้คนก็ไม่มีใครมองเธอ
แต่ใครเป็นคนกำหนดว่าคนธรรมดาไม่สามารถมีความฝันเป็นของตัวเองได้เล่า
อันซินมีความฝัน ความฝันของเธอยิ่งใหญ่และสวยงามมาก!
นัยน์ตาที่ตื่นเต้นและงงงวยสับสนเปลี่ยนเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว เธอหันไปชูนิ้วโป้งให้ผู้ควบคุมเพลงที่อยู่หลังเวทีเพื่อแสดงว่าตัวเองพร้อมแล้ว
ผู้ควบคุมเพลงพยักหน้า กดปุ่มเล่นดนตรีประกอบ
วินาทีต่อมา เสียงดนตรีดังขึ้น!
กล้องตัดไปยังที่นั่งผู้ชม และเห็นผู้ชมในห้องส่งมากมายเผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา เพราะพวกเขาและพวกเธอคุ้นเคยกับทำนองดนตรีนี้เป็นอย่างดี…เฉินเฟยเอ๋อร์ ‘บุปผานารี’
เพลงนี้เป็นผลงานที่แต่งเนื้อร้องและทำนองโดยลู่เฉิน เรียกได้ว่าเป็นผลงานคลาสสิคและเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอาชีพนักร้องของเฉินเฟยเอ๋อร์เลยก็ว่าได้ มันทำให้เฉินเฟยเอ๋อร์เปลี่ยนจากราชินีเพลงหวานกลายเป็นราชินีเพลงรักได้อย่างงดงาม มีตำแหน่งมั่นคงยากที่จะสั่นคลอนในวงการเพลงจีน
‘บุปผานารี’ ขื่อเดียวกับอัลบั้มมียอดขายทะลุห้าล้าน ทำลายสถิติของวงการเพลงป็อปในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ได้รับความสำเร็จในฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน จนกระทั่งดังไปถึงประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพลง ‘บุปผานารี’ ถูกนำไปร้องกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด และเป็นผลงานเพลงที่สาวๆ ต้องเลือกเมื่ออยู่ในห้องคาราโอเกะ
แต่ด้วยเหตุนี้ อันซินใช้เพลง ‘บุปผานารี’ เป็นเพลงแข่งขัน เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญเป็นอย่างมากและต้องมีความมั่นใจมากพอ เพราะเธอร้องเพลงเพราะนั้นสมควรอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะร้องให้โค้ชทั้งสี่ยอมรับ นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฉันมีดอกไม้ดอกหนึ่ง ปลูกไว้ในหัวใจ ดอกตูมส่งกลิ่นหอมอ่อน”
“ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ฉันเฝ้ารอแล้วรอเล่า ให้ใครบางคนมาเข้าฝัน”
“บุปผานารี ลอยล่องอยู่ในโลกที่มีราคี บุปผานารี ปลิวไสวตามลมสายลมละมุน…”
ตอนที่เสียงร้องของอันซินดังขึ้น กล้องได้ย้ายจากตัวเธอไปหาโค้ชทั้งสี่ที่นั่งหันหลังให้เวที
เวลานี้ ถึงแม้ในรายการจะไม่พูดอธิบาย เหล่าผู้ชมก็เข้าใจ โค้ชทั้งหลายฟังเสียงไม่เห็นหน้า ทุกอย่างอาศัยเสียงร้องในการคัดเลือกทั้งหมด
นี่คือลักษณะที่แตกต่างอย่างชัดเจนมากเมื่อเทียบกับรายการประกวดประเภทเดียวกันที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่และสงสัย คาดเดาว่าต่อไปจะเป็นอะไร
หรือจะพูดว่าสิ่งที่รออันซินอยู่คืออะไร!
…………………………………………………………………………