ตอนที่ 630 ของขวัญวันพบหน้า
บรรยากาศในห้องประชุมยิ่งดูอึมครึมขึ้นทุกที หัวหน้าบรรณาธิการของสถานีโทรทัศน์คนหนึ่งยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อไว้ ราวกับทำอย่างนี้จะสามารถทำให้ตนเองหายใจได้ทั่วท้องมากกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นก็คงใกล้จะขาดใจตายเต็มที
คนที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาหยิบบุหรี่ออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอจะสูบถึงได้รู้ตัวว่าที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ จึงได้แต่ยัดกลับเข้าไปอย่างกระอักกระอ่วน
ใครจะไม่อยากให้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานยึดครองอันดับหนึ่งตลอดไปล่ะ ใครก็อยากเห็นรายรับจากโฆษณาพุ่งกระฉูดทั้งนั้น แต่ตลาดมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยิ่งอุ้มไว้สูงเท่าใด ยิ่งล้มแรงเท่านั้น สถานการณ์ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานในตอนนี้ยังถือได้ว่าไม่เลวนัก
เมื่อไม่มีใครตอบปัญหาที่หลี่ว์เจิ้นไห่ถาม หลี่ว์เจิ้นไห่จึงต้องบอกคำตอบออกมาด้วยตัวเอง “ผมวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว สถานีโทรทัศน์เซียงหนานของพวกเราสองปีมานี้อ่อนแรงไร้กำลัง เกี่ยวข้องกับคนคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย”
“คนคนนี้แม้ผมไม่เอ่ยชื่อออกมาเชื่อว่าทุกคนก็ต้องทราบดี”
ลู่เฉิน!
ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นั้นล้วนเป็นผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน เป็นกำลังสำคัญที่แท้จริง ไม่มีใครโง่เลย คนที่หลี่ว์เจิ้นไห่พูดถึงพวกเขาต้องทราบดีแน่นอน และทราบดีมากๆ ด้วย
ในฐานะที่เป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในวงการบันเทิงของประเทศจีนในสองปีมานี้ ลู่เฉินกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็เหมือนกับไม่ถูกโฉลกกัน สู้กันทั้งในที่ลับและในที่แจ้งมีการขัดแย้งกันเนืองๆ แม้ไม่อาจพูดได้ว่าราวน้ำกับไฟ แต่ก็เกือบจะถือได้ว่าให้ตายก็ไม่ข้องแวะกันอีก
หากเป็นนักแสดงธรรมดา ต่อให้ชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหน สถานีโทรทัศน์ก็มองว่าเป็นแค่มดเหมือนกัน แทบจะไม่ใส่ใจเลย กระทั่งใช้ฐานะที่มีในวงการบันเทิงของตนมากดดันด้วยซ้ำ
แต่ลู่เฉินนั้นแตกต่างออกไป
บุญคุณความแค้นระหว่างกันต้องย้อนไปเมื่อปี 2015 สถานีโทรทัศน์เซียงหนานเพิ่งเปิดตัวรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ หลายครั้งที่สู้กันในที่ลับและในที่แจ้ง คิดไม่ถึงเลยว่าสถานีโทรทัศน์เซียงหนานจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และยังแพ้เสียย่อยยับ
รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ยังมีรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ในตอนนี้อีก เมื่อพูดแล้วล้วนเป็นความเจ็บปวดของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน แต่ละครั้งก็ราวกับถูกเฉือนด้วยคมมีด
และลู่เฉินนี่แหละที่เหยียบหัวสถานีโทรทัศน์เซียงหนานขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
หลายคนไม่ยินดีที่จะเอ่ยชื่อเขาออกมา ครั้งก่อน สถานีโทรทัศน์เซียงหนานตั้งใจจะอาศัยรางวัลสุวรรณหงส์ในการฟื้นความสัมพันธ์กับลู่เฉิน ผลสุดท้ายกลับถูกตบหนาเข้าอย่างจัง ใกล้จะกลายเป็นตัวตลกของโลกธุรกิจนี้เข้าไปทุกที
หลี่ว์เจิ้นไห่กลับรื้อฟื้นแผลเป็นนี้ขึ้นมาอย่างไร้ความรู้สึก เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ว่า “ผมวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว เดิมทีพวกเรากับลู่เฉินไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไรกัน แต่มีคนคนหนึ่งคอยยุแยงให้เกิดเรื่องอยู่
จินหงเหว่ย!
จู่ๆ ก็ปรากฏชื่อหนึ่งขึ้นมาในหัวทุกคน บางคนที่หัวไวหน่อยก็ราวกับเข้าใจได้ทันที
ที่สถานีโทรทัศน์เซียงหนานและลู่เฉินมีบุญคุณความแค้นระหว่างกัน เมื่อสืบค้นถึงต้นตอก็ทราบได้ว่าเป็นเพราะจิงหงเหว่ย ตอนนั้นรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ บังคับขับไล่ลู่เฉินออกไปจากรายการ ไม่เพียงแค่เสียคนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริงไปคนหนึ่ง ยังทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอีกด้วย
แต่เป็นเพราะเส้นสายของจินหงเหว่ยแข็งแกร่งพอ จึงทำให้เรื่องเงียบลงได้ ทำให้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานเสียหน้าไปหนึ่งครั้งอย่างเปล่าประโยชน์
เมื่อเรื่องเก่าถูกหลี่ว์เจิ้นไห่นำมาเล่าอีกครั้ง นี่แทบจะเรียกได้ว่าหยิบดาบมาพร้อมสังหารเลย
จิงหงเหว่ยถือว่ามีความสัมพันธ์กับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานมายาวนาน บริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงของเขากับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานมีความร่วมมือกันหลายด้าน เป็นคนสำคัญที่เชื่อมโยงสถานีโทรทัศน์เซียงหนานและวงการบันเทิงเข้าด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น
บุคคลสำคัญของวงการผู้จัดการดาราในประเทศจีนคนนี้ มีความเชื่อมโยงซับซ้อนกับภายในองค์กรของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน เมื่อจู่ๆ หลี่ว์เจิ้นไห่เอ่ยถึงจินหงเหว่ยอย่างอ้อมๆ ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงขึ้นมาแล้วจริงๆ
เขาไม่กลัวจินหงเหว่ยตอบโต้กลับเหรอ
นอกจากว่าหลี่ว์เจิ้นไห่จะได้รับการชี้แนะจากเบื้องบน ไม่อย่างนั้นสมองเขาคงถูกลาเตะเอาเข้าแน่ๆ ถึงได้กล้าแสดงความไม่พอใจต่อจินหงเหว่ยออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
ทุกคนลอบสบตากัน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เมื่อดาบของหลี่ว์เจิ้นไห่ยกขึ้นแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าที่เขาถืออยู่ในมือนั้นคือกระบี่อาญาสิทธิ์ กล้าท้าชนกับเขาในสถานการณ์อย่างนี้ คิดจริงๆ หรือว่าเขาจะไม่กล้าตัดศีรษะ
ดังนั้นคนที่มีมันสมองเสียหน่อยก็ล้วนทราบดีว่าต้องรักษาตัวรอดเป็นยอดดี ต่อให้ตั้งใจจะออกหน้าแทนจินหงเหว่ย ก็ต้องเงียบปากไว้อย่างคนฉลาด เพราะไม่อยากไปกระตุ้นจุดเดือดของหลี่ว์เจิ้นไห่เข้า
หลี่ว์เจิ้นไห่ในคืนนี้ ตั้งใจมาเป็นตัวร้ายเลย “ผมเสนอให้ตรวจสอบความร่วมมือระหว่างเรากับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิง เรื่องไหนที่ควรตัดก็ควรตัดเสีย หลังจากนั้นแสดงเจตนาที่แท้จริงของเราออกมาเพื่อแสดงความจริงใจของเราที่มีต่อบริษัทเฉินเฟยมีเดีย!”
จินหงเหว่ยเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของบริษัทจวี่ซิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่ว์เจิ้นไห่คงอยากจะล้างบางจินหงเหว่ยแล้ว การตรวจสอบที่ว่าก็คงหมายถึงการยุติความร่วมมือ แล้วเตะจินหงเหว่ยออกไปเสีย
จินหงเหว่ยได้รับสมญานามว่าเป็นเหมือน ‘ก็อดฟาเธอร์’ ของวงการผู้จัดการดาราในวงการบันเทิงเลย แม้ว่าฉายานี้จะเป็นคนอื่นที่มอบให้ แต่อำนาจเขาในวงการบันเทิงก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
แต่ที่อำนาจของจินหงเหว่ยมีมาก เหตุผลหลักก็เพราะความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างเขากับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานนั่นเอง เมื่อเส้นชีวิตนี้ถูกตัดขาดไป หากเขายังอยากแสดงอำนาจในวงการนี้ต่อก็เพ้อเจ้อเกินไปแล้ว
ในใจของผู้บริหารระดับสูงหลายคนเกิดความรู้สึกรันทดขึ้นมา แต่หลายคนก็รู้สึกสมน้ำหน้ายิ่งนัก แม้แต่ภายในสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเอง คนที่ไม่ถูกตาต้องใจเขาและบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงของเขาก็ยังมีมากอยู่
มีผู้บริหารคนหนึ่งลังเลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ ต้องขอคำแนะนำจากผู้บริหารของสถานีก่อนไหม”
แน่นอนว่าที่เขาหมายถึงนั้นคือผู้บริหารระดับที่สูงกว่าหลี่ว์เจิ้นไห่
เขาชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เบื้องบนกำหนดมาเอง”
ผู้บริหารท่านนี้ถึงกับพูดไม่ออก ในใจก็หดหู่ไปเลย
ที่เขาพูดออกมานี้ ก็ถือได้ว่าได้พยายามเพื่อจินหงเหว่ยแล้ว
หลี่ว์เจิ้นไห่พูดต่อว่า “ตอนนี้ รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ กำลังมาแรงรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ซีซันสามของเราคงยากจะทำเรตติ้งได้ ผมกำลังยื่นเรื่องชะลอการถ่ายทำ อีกอย่าง…”
“ผมเข้าใจว่า หลังจากที่ลู่เฉินถ่ายรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ จบ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเริ่มถ่ายละครใหม่เรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ พวกเราต้องทำยังไงก็ได้ให้ได้ร่วมมือกันสักครั้ง ทางที่ดีที่สุดต้องได้สิทธิ์การออกอากาศครั้งแรกมา”
“แต่ว่า…”
มีคนถามว่า “ครั้งที่แล้วไม่ได้เจรจาล้มเหลวไปแล้วหรือ”
ถูกตบหน้าไปหนึ่งครั้งยังต้องยื่นหน้าไปให้ตบอีกหรือ แล้วศักดิ์ศรีของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานจะเอาไปไว้ที่ไหนกัน
หลี่ว์เจิ้นไห่ตอบว่า “ครั้งก่อนก็คือครั้งก่อน ครั้งนี้ก็คือครั้งนี้ ขอเพียงพวกเราแสดงเจตนาที่จริงใจ ไม่มีบุญคุณความแค้นไหนที่แก้ไขไม่ได้ ทำไมถึงจะเจรจาอีกครั้งไม่ได้ล่ะ”
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว กล้าแตกหักกับจินหงเหว่ยก็คือของขวัญวันพบหน้าที่หลี่ว์เจิ้นไห่ต้องการมอบให้ลู่เฉินนั่นเอง!
แต่ก็มีบางคนที่เคือง “ผู้อำนวยการสถานีหลี่ว์ พวกเราทำอย่างนี้ จะเป็นการให้เกียรติเขามากไปไหม”
หลี่ว์เจิ้นไห่ไม่ได้โกรธ เขายกชาขึ้นจิบ ก่อนจะพูดว่า “ดูสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง แล้วดูสถานีโทรทัศน์เจ้อตง พวกคุณเห็นว่ายังไง”
“ลู่เฉินไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นศิลปินที่มีศักยภาพสูงมาก ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ…”
“ตอนนี้เขายังหนุ่ม เขายังมีอนาคตอีกยาวไกล และเส้นสายของเขาในวงการนั้นหนาแน่นมาก อนาคตถือได้ว่าไปได้ไกลไม่มีที่สิ้นสุดเลย การที่พวกเราผิดใจกับเขาจะมีอะไรดีล่ะ”
คราวนี้ ทุกคนต่างก็เงียบลงทันที
…………………………