ตอนที่ 663 เหอะๆ
กริ๊งๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังกังวาน ทำให้เฉินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังมัวเมาอยู่ในความรู้สึกดีงามตกใจตื่น
หน้าของเธอแดงเรื่อ คว้ามือใหญ่ของลู่เฉินที่กำลังซุกซนอยู่ใต้เสื้อผ้าของเธอ พูดเสียงอ่อนหวานว่า “รีบรับสายเร็ว!”
ลู่เฉินหัวเราะคิกๆ ดึงมือของตัวเองกลับมาอย่างเสียดาย คว้าโทรศัพท์บนโต๊ะหนังสือขึ้นมา
“เสี่ยวชู?”
คนที่โทรมานั้นคือมู่เสี่ยวชู
เสียงของมู่เสี่ยวชูดูสั่นคลอนและร้อนรนอย่างปิดไม่อยู่ “พี่ลู่เฉินคะ หนูขอโทษ…”
ทางลู่เฉินได้ข่าวแล้ว มู่เสี่ยวชูเองก็รู้เรื่องแล้วเหมือนกัน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ใช่เรื่องที่เธออยากเห็น ทั้งยังกลัวลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เข้าใจผิดกัน จึงรีบโทรศัพท์มาอธิบาย
ลู่เฉินยิ้ม “เธอไม่ต้องขอโทษพี่หรอก ไม่ต้องสนใจสิ่งที่คนอื่นพูด พวกเราแก้ข่าวเอาก็พอแล้ว”
พูดตามความเป็นจริง ต่อให้ในโลกอินเทอร์เน็ตจะมีกระแสร้อนแรงแค่ไหน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขานัก เพราะมันไม่ใช่รูปอื้อฉาวที่ถูกจับผิดชนิดที่ดิ้นไม่หลุดแบบภาพบนเตียง อีกอย่างความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเหล่าแฟนคลับรู้ดีอยู่แล้ว
พวกแฟนคลับของลู่เฉินต่างเรียกมู่เสี่ยวชูว่า ‘น้องเสี่ยวชู’ อย่างเป็นกันเอง เธอเป็นน้องสาวของทุกคน!
แน่นอนว่าในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นมีคำพูดที่ไม่รับผิดชอบที่ทำร้ายคนอย่างมาก
ดังนั้นลู่เฉินเข้าใจความรู้สึกของมู่เสี่ยวชูในตอนนี้ดี เขายินดีสนับสนุนเธอเหมือนพี่ชายแท้ๆ
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอดของลู่เฉินแย่งโทรศัพท์มาจากเขา แล้วพูดกับมู่เสี่ยวชูว่า “เสี่ยวชู…”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องสนใจ…”
“ฮ่าๆ พวกเขาพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ”
“ชินก็ดีแล้ว เอาแบบนี้นะ ตอนนี้เธอมาหาพวกเราหน่อย พวกเราออกมาอธิบายพร้อมกันเป็นไง”
“ใช่แล้ว ที่บ้าน ได้ พวกเรารอเธอนะ!”
เธอวางสายไป ลู่เฉินถามอย่างตะลึง “คุณให้มู่เสี่ยวชูมาที่บ้านเรา?”
ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะ!
เฉินเฟยเอ๋อร์กลอกตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพูดว่า “เกิดปัญหาแบบนี้ ต้องไม่ให้น้องเสี่ยวชูของนายถูกเอาเปรียบ การตอบโต้แบบนี้ฉันมีประสบการณ์ ให้ฉันจัดการแล้วกัน”
ลู่เฉิน “เอ่อ…”
เฉินเฟยเอ๋อร์หันหลังกลับลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยเสริมว่า “ฉันไปเตรียมห้องนอนแขกหน่อย คืนนี้ให้เธอนอนที่นั่น”
ลู่เฉินกอดเธอแล้วจูบเข้าทีหนึ่ง ชมว่า “เมียจ๋า คุณใจดีจัง!”
เฉินเฟยเอ๋อร์หยิกเขาเข้าทีหนึ่ง
รอจนเฉินเฟยเอ๋อร์จัดเตรียมห้องนอนแขกจนเสร็จเรียบร้อย มู่เสี่ยวชูมาถึงบ้านของทั้งสองอย่างรวดเร็ว
รังรักของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ที่จื่อเฉิงย่วน มู่เสี่ยวชูเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่รู้สึกแปลกหน้า
ที่พักของเธออยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก
ตอนนี้บล็อกของ ‘ปาปารัซซี่อันดับหนึ่งของวงการบันเทิงจางเหว่ยเต๋อ’ รวมถึงรูปภาพที่เขาแอบถ่ายยังคงถูกแชร์ต่ออยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งยังติดอันดับยอดนิยมในบล็อกล่างฉาวอย่างรวดเร็ว
หลายคนที่ไม่รู้ความจริง ต่างวิ่งเข้ามาในบล็อกของลู่เฉิน มีทั้งด่าทอ มีทั้งประชดประชันเหยียดหยาม
มีบางคนเข้าไปด่าในบล็อกของวงเอ็มเอสเอ็น
ส่วนในบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์ ส่วนใหญ่แสดงความสงสารเห็นอกเห็นใจ ราวกับลู่เฉินได้นอกใจเธอไปแล้ว
และมีคนที่เป็นแฟนคลับแท้เข้ามาตอบโต้อย่างเต็มที่ แสดงว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่สนิทกัน ไม่มีเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด
ยังมีแฟนคลับไปด่าในบล็อกของปาปารัสซี่จางว่าเขาจงใจหาเรื่อง อยากดังจนบ้าไปแล้ว
คำวิจารณ์โหมกระหน่ำ ความรู้สึกของผู้คนในบล็อกปั่นป่วน แต่ไม่ว่าจะเป็นบัญชีทางการของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ หรือเฉินเฟยมีเดีย ทั้งหมดยังอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีการตอบโต้หรือคำอธิบายใดๆ
ทุกคนรู้ดีว่า ดาราระดับลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ เบื้องหลังล้วนมีทีมงานที่ดูแลเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะอยู่แล้ว เมื่อมีปัญหาที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้น มักจะต้องออกมาตอบโต้ก่อนเป็นอันดับแรก
ดังนั้นความเงียบงันแบบนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นการยอมรับ ทำให้แฟนคลับผู้ภักดีรู้สึกหวั่นใจ
“คงจะไม่จริงหรอกใช่ไหม”
“นั่นน่ะสิๆ ทำไมยังไม่มีการตอบโต้เลย หรือจะไม่เห็น”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องจริง”
“น่าแปลกมากเลย! รอดูไปก่อน”
“หวังว่าจะไม่จริงนะ…”
จนกระทั่งเวลาห้าทุ่ม ในที่สุดความเงียบงันก็ถูกทำลายลง เฉินเฟยเอ๋อร์ได้อัปเดตบล็อกของตัวเอง
ในบล็อกของเธอปรากฏเนื้อหาที่เรียบง่ายมาก คือ ‘เหอะๆ’ สองพยางค์
จากนั้นภายใต้คำว่า ‘เหอะๆ’ เป็นรูปที่ถ่ายเซลฟี่ ชัดเจนว่าเป็นรูปของเธอกับมู่เสี่ยวชู
ทั้งสองคนสวมชุดนอนนั่งพิงบนเตียงในห้องนอน มู่เสี่ยวชูเอนพิงเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างออดอ้อน มือข้างหนึ่งของเฉินเฟยเอ๋อร์กอดมู่เสี่ยวชูอยู่ อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์ ยิ้มอย่างมีความสุข
ภายใต้แสงไฟสลัวในห้องนอน ความงดงามของเฉินเฟยเอ๋อร์และความน่ารักบริสุทธิ์ของมู่เสี่ยวชูเปล่งประกาย ทั้งสองสนิทสนมกันเหมือนพี่สาวน้องสาวแท้ๆ เป็นภาพที่น่าประทับใจ
ภาพนี้ทำให้แฟนคลับที่ติดตามข่าวฉาวนี้กับบรรดาชาวเน็ตแทบระเบิด!
“จะบ้าตาย นี่มันถ่ายบนเตียง!”
“ดอกไม้แข่งกันบาน!”
“สวยจังเลย!”
“เฉินเฟยเอ๋อร์สวยมาก มู่เสี่ยวชูก็สวย”
“ฮ่าๆๆ สงสารเฉินของฉัน ถูกทิ้งซะแล้ว”
“ฉันเชื่อในความรักอีกครั้ง”
“เหอะๆ ให้คนที่หาเรื่องเข้ามาดู หน้าบวมไปแล้วหรือยัง!”
“นี่สิความจริง!”
จริงๆ แล้วการปฏิเสธข่าวฉาวเป็นเรื่องที่กินแรง ทั้งยังยากจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังคำที่ว่าข่าวลือปากต่อปาก ปฏิเสธข่าวลือกลับต้องวิ่งจนขาหัก เพื่อการพิสูจน์ความจริงต้องเปลืองแรงมาก อีกทั้งผลก็ยังไม่ค่อยดี
เพราะคนธรรมดามักมีความเคยชินของจิต สิ่งใดที่เข้ามาก่อน สิ่งนั้นจะเป็นนาย หลายคนตัดใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นความจริง อยากจะเปลี่ยนกลับมานั้นไม่ง่ายเลย
เฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ในวงการบันเทิงมาสิบกว่าปี มีข่าวฉาวมาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ดังนั้นเธอจึงมีประสบการณ์ดี และไม่อยากรีบอธิบาย แต่ใช้วิธีที่เหนือชั้นมากกว่าเพื่อพิสูจน์ความจริง
รูปภาพที่ใกล้ชิดขนาดนี้สามารถทำลายข่าวฉาวลงไปได้อย่างง่ายดาย แล้วยังเหมือนมือที่สะบัดตบหน้าพวกที่ชอบสร้างความปั่นป่วน อาศัยโอกาสนี้ป้ายสีดำบนใบหน้าเจ้าหมอนั่น ไม่ต้องเปลืองคำพูด ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจดี
พร้อมกันนั้นยังมอบ ‘ผลประโยชน์’เล็กๆ น้อยๆ ให้กับพวกแฟนคลับด้วย
พวกแฟนคลับชื่นชอบกันใหญ่!
พวกเขาเหมือนได้รับอาวุธทรงผลานุภาพ รีบเปิดฉากโจมตีทันที แฟนคลับทั้งหลายทะลักเข้าสู่บล็อกของ ‘ปาปารัสซี่อันดับหนึ่งของวงการบันเทิงจางเหว่ยเต๋อ’ ใช้คำว่า ‘เหอะๆ’ สองคำใส่ลงในหน้าจอ!
‘เหอะๆ!’ ‘เหอะๆ!’ ‘เหอะๆ!’…
นี่เป็นการเย้ยหยันปาปารัสซี่จางอย่างไร้เมตตา!
มีแฟนคลับบางคนยังใส่สติ๊กเกอร์แบบต่างๆ ของคำว่า ‘เหอะๆ’ เข้าไปด้วย
‘ปาปารัสซี่อันดับหนึ่งของวงการบันเทิงจางเหว่ยเต๋อ’ ได้แฉข่าวออกมาหลายครั้ง นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ถูกเย้ยหยันหนักที่สุด ในช่องคอมเมนต์เรียงต่อกันยาวเหยียดสูงเป็นตึกหลายแสนชั้นแล้ว
ที่น่าสนใจคือคำว่า ‘เหอะๆ’ สองคำนี้ได้ขึ้นเป็นคำยอดฮิตในบล็อกล่างฉาวเป็นที่เรียบร้อย
ข่าวฉาวของลู่เฉินกับมู่เสี่ยวชู ถูกเสียง ‘เหอะๆ’ ลดทอนความนิยมและผลกระทบไปอย่างรวดเร็ว
……………………………………