นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง เข็มนาฬิกาค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้เวลา 8 นาฬิกา
รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซีซันหนึ่งตอนสุดท้ายกำลังจะออกอากาศ ภายในห้องอัดรายการหมายเลขหนึ่งของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงตอนนี้กำลังอยู่ในบรรยากาศของการเตรียมพร้อมรบ เจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าประจำที่ กล้องถ่ายทำที่ประจำอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ ทั้งเจ็ดตัวเปิดทำงานพร้อมกัน
ในห้องควบคุมการถ่ายทอดสด เถียนเถียนนั่งอยู่ในที่ประจำของเธอ สายตาจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่กะพริบ
รอบตัวเธอมีคนห้อมล้อมอยู่กลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดกำลังจดจ้องที่หน้าจอแสดงผลเหมือนกัน
ราวกับว่าในนั้นมีสมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้อยู่!
“ทะลุ 5%! แล้ว”
จู่ๆ ก็มีใครบางคนร้องออกมาเสียงดังราวกับได้พบโลกใหม่ เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความดีอกดีใจ
เสียงร้องของเขาราวกับน้ำเย็นที่ราดลงบนน้ำมันเดือด เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องควบคุมการถ่ายทอดสด ผู้กำกับรายและพนักงานผู้ช่วยต่างร้องออกมาด้วยความดีใจ
ยังไม่ถึงเวลาออกอากาศ เรตติ้งแบบเรียลไทม์ของสถานีโทรทัศน์ในขณะนี้ได้ทะลุ 5% ไปแล้ว นั่นหมายความว่ามีผู้ชมเป็นสิบล้านคนกำลังนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์รอดูรายการนี้เริ่มถ่ายทอดสดอยู่
ตอนนี้สถานีโทรทัศน์กำลังฉายโฆษณา!
เจ้าของโฆษณาที่ได้ออกอากาศในช่วงนี้ต้องดีใจจนฟ้าถล่มแน่ ต้องรู้ว่าในสภาวะปกติ พวกเขาควักเงินจ่ายค่าโฆษณา ทำเรตติ้งได้ 1-2% ก็คุ้มค่าแล้ว ตอนนี้ได้มากถึง 5%!
แม้ในใจจะคาดหวังและคาดการณ์ไว้ แต่เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า ทุกคนยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย
แค่นี้ก็ 5% แล้ว ถ้าถึงตอนถ่ายทอดสดจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะขึ้นไปถึง 7% 8% 9%… ที่มากกว่านั้นไม่กล้าคิดฝัน
ตอนนี้รายการวาไรตี้ชื่อดังในสถานีโทรทัศน์ต่างๆ มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 2% แต่ปรากฏการณ์ของรายการ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ นั้นช่างขัดแย้งจริงๆ คืนนี้น่าจะมีการสร้างสถิติครั้งใหม่เกิดขึ้นอีก
คนที่ดีใจที่สุดไม่ใช่ใครอื่น เป็นเถียนเถียนนี่เอง
เพื่อให้รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ได้คลอดออกมา เธอได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจและความพยายามไปอย่างไม่สิ้นสุด คนคนหนึ่งสร้างบริษัทสตาร์แฟคตอรีขึ้นมาด้วยมือเปล่า ประกาศหาพนักงานไปทั่ว บังคับให้ตัวเองศึกษาวิชาการบริหารธุรกิจ…
จนถึงตอนนี้รายการตอนสุดท้ายกำลังจะสมบูรณ์แล้ว ความรู้สึกเหมือนเธอได้แก่ลงไปหลายปี
วันนี้ความทุ่มเทและความพยายามของเธอได้รับผลตอบแทนกลับมาหลายสิบเท่า ความรู้สึกนี้ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้ เหมือนกับอายุน้อยลงไปอีกหลายปี!
กราฟเรตติ้งแบบเรียลไทม์กำลังไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ กราฟสภาพจิตใจของเถียนเถียนในตอนนี้ก็เช่นกัน
เริ่มแล้ว!
เวลาสองทุ่มตรง หลังจากโฆษณาชุดใหม่ของรถยนต์จงหวาฉายจบ ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนเป็นไตเติลของรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ พร้อมทั้งเสียงเพลงที่เร้าใจ พิธีกรไฉ่เจี๋ยสวมชุดสูทสีขาวยืนหน้ายิ้มหน้ารื่นอยู่กลางเวที การเปิดตัวเรียกเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องจากผู้ชมได้ทั้งห้องส่ง
เป็นพิธีกรให้กับรายการมาแล้วสิบกว่าตอน ไฉ่เจี๋ยกลายเป็นพิธีกรที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ผู้เข้าแข่งคนใดในรายการเดอะวอยซ์เลย ในบล็อกล่างฉาวเขามียอดแฟนคลับติดตามห้าล้านกว่าคน โดยเฉพาะคำโฆษณาที่พูดอย่างไม่หยุดหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ชุดนั้น ยิ่งทำให้เขากลายเป็นหัวข้อสนทนาของทุกคน
“รถยนต์จงหวาขอต้อนรับเข้าสู่เดอะวอยซ์ไช่น่า ที่สนับสนุนโดยแบรนด์รถยนตร์ชั้นนำของประเทศที่ผลิตรถดีเครื่องยนต์ดีให้กับคุณ ดื่มเป้ยลี่เพิ่มพลังเพิ่มชีวิตชีวา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพเป้ยลี่ขอเป็นกำลังใจให้เดอะวอยซ์ไชน่า…”
น้ำเสียงที่คุ้นเคย เพียงแต่บรรยากาศการถ่ายทอดสดรอบสุดท้ายในคืนนี้ สุดยอดกว่ารอบคัดออกก่อนหน้านี้มาก
การแข่งขันอันดุเดือดตลอดเวลาสองเดือนกว่า ทีมของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ ซือฟาง และเลี่ยวเจี่ย โค้ชทั้งสี่คน ได้ผู้ชนะมาทีมละหนึ่งคน
“พวกเขาได้แก่ ถงซินเหยา อันซิน หลี่เข่อเหยียน และจางเยี่ย!”
ทุกรายชื่อที่ไฉ่เจี๋ยขานออกมา ตรงที่นั่งผู้ชมเกิดเสียงตะโกนโห่ร้องดังสนั่นหวั่นไหว พวกเขาชูป้ายไฟที่เขียนชื่อของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ให้กำลังใจไอดอลของตัวเอง
ในนั้นถงซินเหยาเป็นผู้ชนะจากทีมลู่เฉิน อันซินจากทีมเฉินเฟยเอ๋อร์ หลี่เข่อเหยียนและจางเยี่ยจากทีมของซือฟางและเลี่ยวเจี่ยตามลำดับ ทั้งสี่ผู้เข้าแข่งขันยังอายุน้อยมาก จากคนธรรมดาไร้ชื่อเสียง วันนี้ได้กลายเป็นที่เลื่องลือไปทุกหลังคาเรือน โชคชะตาถูกเปลี่ยนไปตลอดชีวิต
แต่รางวัลแชมป์ กลับมีเพียงคนเดียว!
การแข่งขันรอบสุดท้ายช่วงแรกจะให้โค้ชขึ้นแสดงเพื่อดึงคะแนน โค้ชทั้งสี่คนจะพาผู้เข้าแข่งขันขึ้นบนเวทีร้องเพลงร่วมกัน เพื่อเป็นกำลังใจแก่พวกเขา
อันดับแรกคือลู่เฉินและถงซินเหยา
ถงซินเหยาเป็นนักร้องที่มาจากเซี่ยงไฮ้ กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งสี่คนนี้เธอมีหน้าตีดีที่สุด ดูดีทั้งรูปร่างและหน้าตา เส้นผมยาวสยาย ท่าทางดูสะอาดบริสุทธิ์
ตอนรอบคัดเลือกแบบคนตาบอด โค้ชทั้งสี่ล้วนหันหลังมาเพื่อเธอ สุดท้ายเธอเลือกลู่เฉิน
เพราะถงซินเหยาถนัดแนวเพลงบัลลาด
ดังนั้นเพื่อดึงคะแนนให้เธอ ลู่เฉินจึงเลือกเพลงที่สัญลักษณ์ของเขาเอง… ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’
แต่ก่อนจะเริ่มร้องเพลง ลู่เฉินขอกล่าวอะไรบางอย่าง
“ถงซินเหยาไม่ใช่นักร้องที่มีพรสวรรค์มากที่สุดที่ผมเคยพบมา แต่เป็นนักร้องที่มีความพยายามที่สุดคนหนึ่ง!
“ช่วงเวลาที่ผมฝึกซ้อมให้กับเธอ การแสดงออกของเธอเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตา…”
“ผมอยากบอกว่า คนที่พยายามคู่ควรที่จะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกท่านช่วยโหวตให้กับซินเหยด้วยนะครับ!”
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินเพิ่งพูดจบ ถงซินเหยาก้มโค้งตัวลงอย่างต่ำ ได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราว
เธอยืดหลังตรงขึ้นมาใหม่ มองหน้ากับลู่เฉินแล้วยิ้ม
ลู่เฉินพยักหน้า เริ่มพรมนิ้วลงบนกีตาร์ที่อยู่ในอ้อมกอด
“พรุ่งนี้เธอจะนึกออกไหม เรื่องที่เธอเขียนไว้ในไดอารี่ พรุ่งนี้เธอจะจำได้ไหม ว่าคนไหนที่ชอบร้องไห้ที่สุด พวกอาจารย์คงลืมไปแล้ว ว่าเธอเดาคำตอบไม่เคยถูก ฉันบังเอิญไปเปิดอัลบั้มรูป จึงนึกถึงเธอที่เคยนั่งอยู่ข้างๆ…”
เพลง ‘เธอเป็นผู้ร่วมโต๊ะของฉัน’ เป็นผลงานเพลงบัลลาดบอกเล่าเรื่องราวในรั้วโรงเรียนที่บรรดาแฟนเพลงที่ชื่นชอบยกย่องว่าคลาสสิคที่สุด ตั้งแต่ทำเพลงนี้ออกมา ก็ถูกนำไปร้องคัฟเวอร์มากมาย โดยเฉพาะในงานเลี้ยงและงานแสดงของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมปลาย นักเรียนชอบร้องเพลงและเล่นดนตรีเอง และมักจะได้รับกระแสตอบรับที่ดี
เพราะทุกคนคุ้นเคยดี หากอยากร้องเพลงนี้ให้แตกต่างจากคนอื่นนั้นยากเย็นมาก แต่ถงซินเหยากลับทำได้ เธอผสมผสานอารมณ์ของตัวเองเข้ากับเพลง เจือปนความทรงจำอันเศร้าสร้อยของตัวเอง ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวของตัวเองอยู่ จนกระทบกับความรู้สึกของผู้ชมอย่างไม่ตั้งใจ
ส่วนลู่เฉินที่ไม่ได้ร้องเพลงนี้นานมากแล้ว ร้องเพลงนี้คู่กับคนอื่นเป็นครั้งแรก ต่อให้ก่อนหน้านี้ได้ซ้อมเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็ยังร้องเข้ากันได้เป็นอย่างดี
ตอนที่ทั้งสองคนร้องเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ จบ ผู้ชมมากมายยืนขึ้นปรบมือโห่ร้อง ทำให้บรรยากาศในห้องส่งก้าวเข้าสู่ช่วงไคลแม็กซ์
ภาพเช่นนี้ เป็นการบ่งบอกล่วงหน้าว่า ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ รอบตัดสินในค่ำคืนนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
ในห้องควบคุมการถ่ายทอดสด เถียนเถียนจ้องมองลู่เฉินที่กำลังยิ้มน้อยๆ ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
เคลิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว
……………………………………………………………………