ตอนที่ 692 เดี๋ยวฉันร้องเอง
โดยทั่วไปแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ต้องไปถึงหังโจวในที่ 29 เพื่อร่วมซ้อมจริงหนึ่งครั้งก่อนแสดง จากนั้นเย็นวันที่ 30 เริ่มแสดงก็เป็นอันเสร็จสิ้น ไม่ต้องรีบมาถึงล่วงหน้า
เมื่อมาถึงระดับที่ทั้งสองคนเป็นดาราตัวท็อปแบบนี้ ตารางการเดินทางทุกวันถูกจัดแน่นมาก อยากจะเจียดเวลาว่างสองสามวันจึงไม่ง่าย
ถ้าหากคิวไม่ทันจริงๆ ต้องไปกลับวันนั้นเลยก็ไม่แปลก
และเนื่องจากว่าช่วงนี้ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ได้รับความนิยมมากจริงๆ อิทธิพลของคนทั้งสองจึงเยอะมาก ในเมืองหลวงมีปาปารัสซี่คอยห้อมล้อมอยู่ทุกวัน ดังนั้นลู่เฉินจึงสั่งให้ฟางฮุ่ยจัดการแผนการถ่ายทำใหม่ ส่วนตัวเองก็พาเฉินเฟยเอ๋อร์ไปหังโจวล่วงหน้า
ถือว่าหลีกเลี่ยงสถานการณ์ไปได้บ้าง
เนื่องจากการรักษาความลับของการเดินทางทำได้ดีมาก ทางสื่อถึงไม่รู้ข่าว ดังนั้นทั้งสองคนจึงมาถึงบ้านใหม่ที่หังโจวได้อย่างราบรื่น ถือว่าพอหายใจหายคอได้บ้าง
สิ่งแรกที่ทำเมื่อถึงบ้าน เฉินเฟยเอ๋อร์โทรไปหาเถียนเถียนก่อน “พวกเราถึงหังโจวแล้วนะ…”
เถียนเถียนตกใจมาก “เชรดเข้! พวกเธอมาถึงตั้งแต่เมื่อไร ไหนบอกว่าวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”
อดีตพิธีกรสาวสวยแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตงคนนี้นานทีจะพูดคำหยาบ เพราะตื่นเต้นมากเกินไปจริงๆ “งั้นก็ดีเลยสถานีของฉันอยากให้ฉันช่วยเหลือ เชิญพวกเธอสองคนมาร่วมรายการทอล์กโชว์ด้วยกัน!”
“อะไรคือสถานีของเธอ ตอนนี้เธอลาออกแล้วไม่ใช่เหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “”พวกเรามาก่อนล่วงหน้าเพราะไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ ไม่ได้ต้องการเป็นจุดเด่น ตัวเธอรู้ก็พอแล้ว อย่าบอกคนอื่นล่ะ”
“ไม่มีน้ำใจเลย!”
เถียนเถียนพูดอย่างดูแคลนหนึ่งประโยค จากนั้นก็หัวเราะฮิๆ แล้วเอ่ยว่า “งั้นฉันจะสั่งอาหารไปให้พวกเธอ ยังไงพวกเธอก็ต้องกินข้าวที่บ้านใช่ไหมล่ะ พาเก๋อเกินถ่าน่าไปด้วยดีไหม”
เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดังนั้นเย็นวันนั้นเถียนเถียนจึงพาเก๋อเกินถ่าน่ามาด้วย ทั้งสี่คนกินข้าวเย็นมื้อแห่งความสุขอยู่ในบ้าน
วันถัดมาตอนบ่าย ทุกคนรีบมุ่งไปยังสนามกีฬามังกรเหลืองหรือสนามกีฬาหวงหลง เพื่อซ้อมการแสดงคอนเสิร์ต ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’
สถานีโทรทัศน์เจ้อตงให้ความสำคัญต่อคอนเสิร์ตนี้มาก ก่อนรอบชิงชนะเลิศ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ได้จัดการเตรียมพร้อมทุกด้านไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ดังนั้นตอนที่ลู่เฉินและคนอื่นๆ มาถึงสถานที่จัดงานคอนเสิร์ต สนามกีฬาที่สามารถจุคนได้เจ็ดหมื่นห้าพันที่นั่งโดยทั่วไปได้ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หน้าจอขนาดยักษ์สามตัวล้อมรอบเวทีใหญ่ตรงกลาง ไฟเลเซอร์แต่ละดวงแขวนอยู่กลางอากาศ โลโก้ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ความยาวยี่สิบเมตรแขวนอยู่ตรงกลางสะดุดตายิ่งนัก หน้างานยังมีทีมงานอีกมากมายกำลังยุ่งอยู่
โซนด้านหลังเวที ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ได้พบกับซือฟางและเลี่ยวเจี่ยที่รีบมาถึงหังโจวตอนเช้าวันนี้
โค้ชทั้งสี่ของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ มารวมตัวกันอีกครั้ง
เฉินเฟยเอ๋อร์แนะนำเก๋อเกินถ่าน่าให้ทั้งสองคนรู้จัก
“นี่คือสาวน้อยที่จะขึ้นแสดงบนเวทีวันพรุ่งนี้ตอนเย็นเหรอ”
ซือฟางชอบเก๋อเกินถ่าน่าที่สวยและปากหวานคนนี้เป็นอย่างมาก ดึงมือน้อยของเธอแล้วถามว่า “ปีนี้อายุเท่าไรแล้ว”
เก๋อเกินถ่าน่าตอบเสียงหวาน “พี่ซือฟาง ปีนี้หนูอายุสิบสี่ปีค่ะ”
“เพิ่งสิบสี่ปีเองเหรอ…”
ซือฟางรู้สึกสงสารเล็กน้อย “อายุน้อยขนาดนี้ก็มาร้องเพลงแล้ว พ่อแม่ของเธอล่ะ”
เก๋อเกินถ่าน่าตอบว่า “พ่อกับแม่อยู่บ้านที่ทุ่งหญ้าค่ะ”
ซือฟางส่ายหน้า กอดและหอมเธอ จากนั้นจึงถามลู่เฉิน “เธอร้องเพลงอะไร”
ลู่เฉินเอ่ยว่า “ร้องเพลงเดี่ยวหนึ่งเพลง จากนั้นผมกับเฟยเอ๋อร์จะพาเธอร้องเพลงที่สองด้วยกัน”
ซือฟางพูดกับเก๋อเกินถ่าน่า “สู้ๆ พี่จะดูการซ้อมแสดงของเธอ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
การซ้อมใหญ่ของคอนเสิร์ตเริ่มต้นเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว นักร้องที่แข็งแกร่งสิบคนของ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ยกเว้นแชมป์อันซิน คนอื่นๆ มาถึงหังโจวเมื่อวาน รวมทั้งถงซินเหยาที่เซ็นสัญญากับเฉินเฟยมีเดีย
ตอนบ่ายถงซินเหยาก็อยู่ในสนามกีฬาหวงหลงเช่นกัน สำหรับตัวเองที่ได้ร่วมงานคอนเสิร์ตครั้งแรก เธอตื่นเต้นมาก ผลปรากฏว่าร้องผิดคีย์ตอนที่อยู่บนเวที ต้องร้องอีกรอบถึงฟื้นฟูกลับมาในระดับปกติ
เก๋อเกินถ่าน่าแสดงต่อจากถงซินเหยา
เพลงแรกของเธอ ก็คือเพลงที่แต่งโดยลู่เฉิน ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’
บทเพลงนี้เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายทุ่งหญ้าเข้มข้น ถูกร้องไปทั่วทุกสารทิศอย่างแพร่หลาย กลายเป็นผลงานเพลงที่รู้จักกันทุกบ้าน หลังจากนั้นได้ถูกมณฑลมองโกเลียเลือกเป็นเพลงหลักในการส่งเสริมการท่องเที่ยว
เก๋อเกินถ่าน่าจึงมีชื่อเสียงเพราะเพลงนี้ วันนี้ได้ยืนแสดงบนเวทีที่ใหญ่กว่าเดิม การแสดงออกของเธอโดดเด่นกว่าถงซินเหยา ไม่มีความตื่นเวที ซ้อมเพลงแรกได้อย่างสบาย
และเพลงที่สองของเธอก็เป็นผลงานเพลงใหม่ ซึ่งลู่เฉินแต่งมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ บวกกับการร้องประสานเสียงสามคนกับเฉินเฟยเอ๋อร์และลู่เฉิน
หรือหากจะพูดให้ถูกคือการร้องโต้ตอบกันของทั้งสามคน!
ร้องเพลงใหม่จบแล้ว ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และเก๋อเกินถ่าน่ากลับไปด้านหลังเวที ซือฟางปรบมือให้ก่อนคนแรกจากนั้นเธอก็พูดกับลู่เฉินอย่างจริงใจว่า “ลู่เฉิน ฉันวานนายเรื่องหนึ่งได้ไหม”
ลู่เฉินตกใจไม่มากก็น้อย รีบเอ่ยว่า “สวัสดีพี่ซือฟาง ผมช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่ครับ!”
สำหรับซือฟาง ลู่เฉินนับถือมาตลอด และซือฟางก็ช่วยเขาไม่น้อย
ไม่ต้องพูดเรื่องไกล แค่ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ ซือฟางเห็นแก่หน้าของเขาถึงยอมมาเป็นโค้ชที่ประเทศจีน ไม่อย่างนั้นโดยทั่วไปแล้วไม่สามารถเชิญได้อย่างสิ้นเชิง
ซือฟางเพราะว่า ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ จึงได้รับความนิยมสูงมาก ย้อนกลับมาอยู่ในสายตาของผู้ชมในประเทศอีกครั้ง แต่น้ำใจนี้ลู่เฉินยังคงจำได้อย่างแม่นยำ
ซือฟางยิ้มพรายแล้วเอ่ยว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คือเพลงที่พวกเธอเพิ่งร้องเมื่อครู่ ฉันขอร้องกับเก๋อเกินถ่าน่าได้ไหม ฉันชอบเพลงนี้มาก และรู้สึกว่าฉันร้องจะเหมาะสมกว่า”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สบตากันอย่างช่วยไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าซือฟางจะเสนอความต้องการนี้
ซือฟางไม่ได้อยากอวดตนหรือเอาหน้า เธอไม่ใช่คนตื้นเขินแบบนั้น และเพลงนี้อันที่จริงก็เพื่อสนับสนุนเก๋อเกินถ่าน่าอยู่แล้ว
เก๋อเกินถ่าน่าเป็นตัวเอก ทั้งสองคนเป็นตัวประกอบคอยผลักดัน เป็นไปไม่ได้ที่ซือฟางไม่รู้จุดนี้
การอธิบายเพียงอย่างเดียวคือเธอชอบเพลงนี้จริงๆ!
และเธอได้พูดอย่างมีเหตุผลเช่นกัน อายุของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์กับเก๋อเกินถ่าน่าไม่ได้ห่างมากนัก ไม่อาจแสดงเสน่ห์อันดื่มด่ำของผลงานเพลงนี้ออกมาได้ง่ายนัก
ลู่เฉินเกาศีรษะแกรกๆ “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ แล้วเสียงผู้ชายใครร้องครับ”
ซือฟางต้องเปลี่ยนกับเฉินเฟยเอ๋อร์ เช่นนั้นเสียงผู้ชายให้เขาร้องต่อจึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวฉันร้องเอง…”
ข้างๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ลู่เฉินอดหันหน้าไปมองอย่างช่วยไม่ได้ เห็นเพียงเลี่ยวเจี่ยกำลังหัวเราะเหอะๆ ขณะมองตัวเอง
เสี่ยวเจี่ยวกับซือฟาง การรวมกลุ่มแบบนี้ไม่แย่ไปกว่าลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ และอายุก็เหมาะสมที่สุด
เขากลั้นหัวเราะไม่อยู่ “ในเมื่อพวกพี่ได้พูดแล้ว ผมไม่ตกลงก็คงไม่ได้ งั้นก็โอเค!”
ซือฟางหัวเราะตามเช่นกัน แล้วกะพริบตาให้เก๋อเกินถ่าน่าอย่างขี้เล่น
และในเวลานี้ เถียนเถียนรีบมาที่หลังเวทีอย่างรีบร้อน
เธอนำข่าวไม่ค่อยดีมาให้ลู่เฉิน นั่นก็คืออันซินจะไม่มางานคอนเสิร์ตนี้!
…………………………………………………………………………