ตอนที่ 768 สงครามหมื่นล้าน (1)
โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อู่เฉิง เขตเจเอ็น กรุงโซล
อาคารก่อสร้างพื้นที่ขนาดสิบเอเคอร์นี้ เคยเป็นที่พักอาศัยของนายทหารระดับสูงท่านหนึ่งในช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองเกาหลี เพราะฉะนั้นสไตล์ยังคงเป็นแบบญี่ปุ่น แต่ยังคงรักษาแก่นของบ้านเรือนแบบเกาหลีไว้ กำแพงสีขาวกระเบื้องหลังคาสีดำซ่อนอยู่ท่ามกลางร่วมไม้เขียวขจี เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างหนึ่ง
ประตูใหญ่ของโรงเรียนอู่เฉิงกำลังเปิดอยู่ แผ่นป้ายคำขวัญสีดำที่แขวนอยู่ภายใต้ชายคาระเบียงเขียนไว้ว่า ‘โรงเรียนอู่เฉิง’ ตัวหนังสือภาษาจีนเคลือบทองสี่ตัวส่องสะท้อนเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์ อำนาจของปลายพู่กันมีพลังอันโดดเด่น
ตัวหนังสือสี่ตัวนี้หลี่เจ๋อเฉิงเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง เขาได้รับกรรมสิทธิ์ของอาคารหลังนี้เมื่อสิบปีก่อน จึงใช้สถานที่แห่งนี้ถ่ายทอดวิชา และกลายเป็นโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้แห่งที่สิบนอกจากเก้าแห่ง เป็นหัวใจหลักของการต่อสู้รูปแบบใหม่
ผู้ชายสิบคนสวมชุดเทควันโดแบบดั้งเดิมยืนเรียงแถวซ้ายขวา ต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอลังการ
พวกเขาล้วนเป็นคนหนุ่ม มีความเลือดร้อนและโอหัง ขณะที่โน้มตัวทำความเคารพ พวกเขาได้จ้องมองไปยังลู่เฉินที่เดินข้ามธรณีประตูเข้ามาด้วยสายตาอยากลองของ นัยน์ตาเป็นประกายดั่งดอกไม้ไฟ!
ทุกคนรู้ว่า คนนี้มาจากประเทศจีน และมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา มาที่นี่เพื่อมาท้าสู้กับหลี่เจ๋อเฉิงปรมาจารย์ที่พวกเขาเคารพเป็นอย่างยิ่ง
ลูกศิษย์พวกนี้ของหลี่เจ๋อเฉิง เชื่อว่าหลี่เจ๋อเฉิงสามารถชนะได้แน่ ดังนั้นพวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองจะได้ออกไปสู้แทน จะซัดลู่เฉินให้ล้มไปเลย!
ลู่เฉินไม่สนใจสายตาของพวกเขา เดินชมโรงเรียนอู่เฉิงที่สวยงามแห่งนี้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ อาคารแบบโบราณล้วนสืบทอดแก่นแท้มาจากของอาคารก่อสร้างแบบจีน อาคารก่อสร้างหลังนี้ที่มีประวัติยาวนานเกือบร้อยปีก็ไม่มีข้อยกเว้น บรรยากาศเงียบสงบและสวยงาม มีสไตล์เฉพาะตัวผ่านโลกมาอย่างโชกโชนตามกาลเวลา
หลี่เจ๋อเฉิงยืนอยู่ด้านในประตูใหญ่ เพื่อต้อนรับการมาถึงของลู่เฉิน
ปรมาจารย์เทควันโดของเกาหลีใต้ผู้นี้มีอายุสามสิบห้าปี เขาเริ่มเรียนเทควันโดตั้งแต่อายุห้าขวบ อาจารย์คือชุยหงซี แต่ก็เป็น ‘ผู้ทรยศ’ ในสำนักของชุยหงซี เขามีชีวิตที่เป็นตำนานในช่วงหนึ่ง
“คุณลู่เฉิน…”
เมื่อเห็นลู่เฉิน หลี่เจ๋อเฉิงโน้มตัวทักทายอย่างมีมารยาท “ยินดีต้อนรับคุณมาเยือนโรงเรียนอู่เฉิงครับ”
เขาพูดภาษาจีนได้ชัดมาก พูดชัดถ้อยชัดคำกระทั่งเกินระดับมาตรฐานของคนจีนอีกหลายคน อันที่จริงปรมาจารย์เทควันโดผู้นี้ยกย่องสรรเสริญภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่พูดภาษาจีนได้คล่องแคล่ว แต่ยังชำนาญการเขียนพู่กันจีนด้วย
พวกลูกศิษย์ที่อยู่โดยรอบหลี่เจ๋อเฉิงต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่หยุด เพราะหลี่เจ๋อเฉิงต้อนรับคนอื่นอย่างสุภาพและอลังการแบบนี้น้อยมาก โดยเฉพาะเด็กรุ่นน้อง ได้รับการจับมือจากเขาก่อนถือว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่แล้ว
ลู่เฉินก็โน้มตัวเคารพและทักทายเหมือนกัน “สวันดีครับ คุณหลี่เจ๋อเฉิง รบกวนช่วยชี้แนะด้วยนะครับ!”
เขายืดตัวขึ้น สบตากับหลี่เจ๋อเฉิง
แตกต่างจากพวกลูกศิษย์ วันนี้หลี่เจ๋อเฉิงใส่ชุดฮันบกโบราณ เขามีรูปร่างผอมสูง ผมสั้น หน้าตาแน่วแน่ สายตาเป็นประกาย แค่มองก็รู้สึกว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีปณิธานแน่วแน่มาก
หลี่เจ๋อเฉิงแขนยาวมาก ข้อนิ้วหนาและใหญ่ทั้งสองข้าง ผิวหนังหยาบหนา
ความประทับใจแรกที่ปรมาจารย์เทควันโดผู้นี้มอบให้กับลู่เฉินคือบุคลิกของเขา ไม่มีอารมณ์โกรธก็น่าเกรงขามดั่งขุนเขา ไม่ว่าพลังใดๆ ก็ไม่อาจสั่นคลอน
ลู่เฉินได้ศึกษาข้อมูลของหลี่เจ๋อเฉิงเมื่อสองวันก่อน ในบทความหนึ่งเคยมีนักเทควันโดระดับสูงคนหนึ่งได้บรรยายเกี่ยวกับเขา บอกว่าในฐานะคู่ต่อสู้ที่ไปยืนตรงหน้าหลี่เจ๋อเฉิง สามารถรักษาความสงบใจได้ถือว่าเยี่ยมแล้ว
ตอนนั้นลู่เฉินคิดว่าพูดเกินจริงไปหรือเปล่า ตอนนี้ได้มาเห็นบุคคลระดับปรมาจารย์กับตาตัวเอง ถึงได้เข้าใจว่าบทความนี้ไม่ได้มั่วขึ้นมา!
ตอนที่ลู่เฉินกำลังพิจารณามองหลี่เจ๋อเฉิง ขณะเดียวกันหลี่เจ๋อเฉิงก็พิจารณามองเขาเช่นกัน
อันที่จริงที่เกาหลีใต้ หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่เจ๋อเฉิงถึงท้ารบกับลู่เฉิน เพราะในมุมมองของพวกเขา หลี่เจ๋อเฉิงเป็นปรมาจารย์เทควันโด และลู่เฉินเป็นเพียงศิลปินดาราเท่านั้น ฐานะของทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ที่เกาหลีใต้ ตำแหน่งของดาราศิลปินนั้นต่ำมาก
แต่หลี่เจ๋อเฉิงไม่ใช่คนที่อยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่อย่างนั้นจะตั้งโรงเรียนใหม่นอกจากโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อีกเก้าแห่งได้อย่างไร หนำซ้ำยังไปท้ารบกับสหพันธ์เทควันโดนานาชาติที่มีอิทธิพลมหาศาลอย่างฮึกเหิม
เขาอยากท้ารบกับลู่เฉิน เริ่มจากตอนที่เขาได้ดูวิดีโอที่ลู่เฉินสาธิตระบบการจับการเคลื่อนไหวในบลูสกายสตูดิโอ ตอนนั้นเขาจึงตระหนักได้ถึงโอกาสนี้
เพื่อโปรโมตโรงเรียนแห่งใหม่ หลี่เจ๋อเฉิงเรียกได้ว่าใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ที่สำคัญที่สุดคือ เขาคิดว่าลู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างสิ้นเชิง…
ถูกตัวเองซัดจนล้ม!
“เชิญครับ!”
วันนี้คนที่มาโรงเรียนอู่เฉิงพร้อมกับลู่เฉิน นอกจากเฉินเฟยเอ๋อร์ ยังมีลู่ซีที่บินมาเมื่อวาน
ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนอู่เฉิง กล้องบันทึกภาพเจ็ดตัวตั้งเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดหันไปบนสังเวียนการประลอง!
ในงานนอกจากมีนักข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็มบีซีแล้ว ยังมีทีมงานที่ร่วมการถ่ายทอดสดซึ่งมาจากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
การประลองนี้สร้างความฮือฮาในประเทศจีนและเกาหลีใต้ทั้งสองประเทศ และจะดำเนินการถ่ายทอดสดตลอดงาน เอ็มบีซีสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาหลีใต้ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดจากฝั่งเกาหลี ส่วนสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดของฝั่งจีนขายให้กับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกับสถานีโทรทัศน์เจ้อตง
หลังจากผ่านการแย่งชิงอย่างดุเดือด สุดท้ายสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงจึงร่วมมือกัน ทั้งสองแห่งหยิบเงินสามสิบล้านหยวนออกมาเพื่อคว้าสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด ซึ่งเท่ากับเงินรางวัลห้าพันล้านวอนของเกาหลีใต้
สาเหตุที่เรียกว่า ‘เงินรางวัล’ นั่นเป็นเพราะเงินก้อนนี้จะตกเป็นของผู้ชนะทั้งสองฝ่าย!
เฉกเช่นเดียวกัน ทางเกาหลีใต้ได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือจำนวนเท่ากัน เนื่องจากเอ็มบีซีมีแรงกดดันมากเกินไปดังนั้นธุรกิจหลายอย่างในเกาหลีใต้จึงช่วยกันออกเงินสนับสนุนสามพันห้าร้อยล้านวอน บวกกับเอ็มบีซีรวมกันทั้งหมดคือห้าพันล้านวอน
หนึ่งในนี้ประกอบไปด้วยบริษัทซัมซุงกรุ๊ป!
นี่จึงหมายความว่า ผู้ชนะระหว่างลู่เฉินกับหลี่เจ๋อเฉิง ไม่เพียงแต่ได้เกียรติยศ แต่ยังได้เงินรางวัลหนึ่งหมื่นล้านวอนไปครองด้วย
อันที่จริงนี่คือลู่เฉินออมมือให้แล้ว ไม่ได้นำเงินสนับสนุนของคนอื่นเข้ามารวมด้วย อย่างเช่นลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดออนไลน์ในประเทศจีนถูกเฟยซวิ่นวิดีโอกับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ทั้งสองเจ้าแย่งไป การเสนอราคาต้องเกินห้าพันล้านวอนแน่นอน
ถ้าหากลู่เฉินได้รับในชัยชนะในที่สุด เงินที่เขาได้รับทั้งหมดจะเกินหนึ่งร้อยล้านหยวนเป็นอย่างน้อย!
ถึงแม้จะพูดว่ามวยอาชีพของอเมริกาหรือการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง ค่าจ้างหลายสิบล้านดอลลาร์เป็นเรื่องปกติมากและค่าจ้างหลายร้อยล้านดอลลาร์ก็มีไม่น้อย แต่ทางตะวันออกไม่ว่าจะเป็นเทควันโดหรือการแข่งขันการต่อสู้อื่นๆ เงินรางวัลหมื่นล้านวอนแทบจะไม่มีเลย
ใน FLOO มีคนเรียกการแข่งขันครั้งนี้ว่า ‘สงครามหมื่นล้าน’ และถูกแพร่กระจายไปที่ประเทศจีนอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ตัวของทั้งสองคนนี้
ผู้ชมในงานไม่เยอะมาก นอกจากสื่อและนักข่าวกับนักเรียนของโรงเรียนอู่เฉิงแล้ว หลักๆ ก็คือสักขีพยานในการแข่งขัน หนึ่งในนั้นประกอบด้วยตัวแทนเจ้าหน้าที่ของสถานทูตจีนประจำประเทศเกาหลีใต้ท่านหนึ่ง
วันที่ 6 มกราคม ตอนเช้าเวลา 9.37 น. ลู่เฉินเปลี่ยนชุดต่อสู้ หลี่เจ๋อเฉิงเปลี่ยนเป็นชุดเทควันโด จากนั้นขึ้นมายืนบนสังเวียนประลองพร้อมกัน
และการถ่ายทอดสดในงาน ได้เริ่มขึ้นนานแล้ว!
…………………………………………………………………………