ตอนที่ 795 หมาป่ามาแล้ว
หลังจากผ่านพ้นเทศกาลโคมไฟไป ถึงจะนับได้ว่าปีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วจริงๆ
ตั้งแต่วันแรกของปีใหม่จนถึงวันที่สิบห้าของเดือนแรก นอกเหนือจากการเข้าร่วมกิจกรรมในฐานะพรีเซ็นเตอร์ตามกำหนดการหนึ่งครั้ง ลู่เฉินไม่มีงานอื่นให้ทำอีก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัว เพื่อชดเชยความเสียใจที่ไม่ได้กินอาหารเย็นด้วยกันในวันส่งท้ายปีเก่า
ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงได้ปฏิเสธงานสำคัญหลายๆ อย่างไป ถ้าเกิดว่าวัดความสูญเสียจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเท่านั้น เงินหลายล้านนั้นยังถือว่าเป็นส่วนน้อย แต่สำหรับตัวเขาในตอนนี้ เงินไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เที่ยวพระราชวังต้องห้าม ปีนกำแพงเมืองจีน เยี่ยมชมงานวัด เล่นสกี…ชมการชักธงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ปักกิ่งในฐานะที่เป็นทั้งเมืองโบราณเก่าแก่อายุนับพันปีและมหานครที่ทันสมัยในปัจจุบัน ในครึ่งเดือนนี้มีสถานที่ให้ไปเที่ยวเล่นเยอะแยะมากมาย
ภายในบ้านในคืนเทศกาลโคมไฟ ฟางอวิ๋นลงมือทำขนมบัวลอยด้วยตัวเองให้เหล่าลูกชายลูกสาวทั้งหลายได้กิน พรุ่งนี้เธอจะออกจากปักกิ่งพร้อมกับลู่เสวี่ยเพื่อกลับไปยังเจ้อตง
“แม่ครับ…”
ลู่เฉินกินขนมบัวลอยรสชาติหอมหวานไปได้สองคำก็พูดขึ้นว่า “แม่เกษียณก่อนกำหนดได้แล้วนะครับ แล้วก็ให้เสียวเสวี่ยย้ายมาเรียนที่เมืองหลวงด้วย ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่าเยอะ!”
ครึ่งเดือนที่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้เขาหวนคิดถึงความสุขและความดีงามของการอยู่แบบครอบครัวใหญ่ การจากลาที่ใกล้เข้ามาทำให้เขารู้สึกโหยหาขึ้นมาทันที
ลู่ซีที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ช่วยพูดอีกเสียงว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว แม่แค่อยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว พวกเราไปซื้อบ้านพักกันอีกสักหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่หรอก”
ราคาบ้านในปักกิ่งมีราคาสูงที่สุดในประเทศ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะสามารถตั้งถิ่นฐานและซื้อบ้านในเมืองหลวงได้ เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ตระกูลลู่ยังไม่ได้ตกอับ ก็ยังไม่สามารถซื้อบ้านพักในปักกิ่งได้เลย
แต่ไม่ต้องพูดถึงลู่เฉินในตอนนี้ แม้แต่ลู่ซีเองก็ยังสามารถดาวน์บ้านในเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย
ฟางอวิ๋นยิ้มแล้วพูดว่า “ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ ญาติและคนรู้จักของแม่อยู่ที่ปินไห่กันทั้งนั้น แม่ชินกับการอยู่ที่นั่นแล้ว ถ้ามาอยู่ที่ปักกิ่ง พวกลูกก็คงจะไม่ได้พาแม่ไปไหนมาไหนด้วยทุกวันอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ที่เป็นอย่างทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ลู่เฉินและลู่ซีได้แต่มองหน้ากันอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฟางอวิ๋นยังคงพูดต่อไป “ตอนนี้พวกลูกก็มีงานของตัวเองกันหมดแล้ว เสียวเสวี่ยก็เรียนมหาวิทยาแล้วด้วย แม่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว ดังนั้นพวกลูกก็ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ไปหรอก ถ้าเกิดในอนาคตแม่อยากจะมาอยู่ที่นี่ ค่อยมาตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดกับลู่ซีว่า “ลูกก็ควรคิดเรื่องของตัวเองได้แล้ว น้องชายกำลังจะแต่งงานอยู่รอมร่อ พี่สาวยังเป็นโสดอยู่แบบนี้ได้ยังไง การงานแน่นอนว่าสำคัญ แต่ชีวิตส่วนตัวก็ห้ามละเลยเช่นกัน”
ในฐานะผู้จัดการใหญ่ของบริษัทมีเดียที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน เป็นผู้บริหารที่มีพนักงานหลายร้อยคนอยู่ในการปกครอง ขัดเกลาตนเองจากการทำงานมาหลายปี ลู่ซีถือว่าเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่เสียงเตือนอันนุ่มนวลของแม่เธอกลับทำให้เธอพูดไม่ออกไปเสียอย่างนั้น
หลังจากกลืนขนมบัวลอยลงไปแล้ว ลู่ซีก็พูดอย่างขอไปทีว่า “เข้าใจแล้วค่ะ…”
ลู่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง…หายากจริงๆ ที่จะเห็นพี่สาวเสียความมั่นใจขนาดนี้!
ลู่ซีกลับไม่ได้กลัวเขาสักนิด เธอจ้องไปที่เขา และตักขนมบัวลอยสองสามชิ้นจากชามของตัวเองให้ไป “หัวเราะอะไร นายไม่กลัวอ้วนก็กินให้มันเยอะๆ หน่อย ถ้าอยากจะให้แม่มาอยู่ที่ปักกิ่งจริงๆ ละก็ นายกับเฟยเอ๋อร์ก็รีบมีลูกด้วยกันสักสองสามคนสิ!”
รอยยิ้มของลู่เฉินกลายเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวในทันที
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้างอยู่ดีๆ ก็โดนหางเลขไปด้วยอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าสวยแดงก่ำรีบก้มศีรษะลง
ลู่เสวี่ยกอดแขนของเฉินเฟยเอ๋อร์และถามด้วยเสียงที่เบาลง “พี่สะใภ้ พี่เตรียมตัวจะมีลูกตอนไหนคะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงขึ้นมากกว่าเดิม พูดว่า “เธอก็ไปถามพี่ชายของเธอสิ…”
ลู่เฉินยอมแพ้ในทันที “ขนมบัวลอยถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ ทุกคนกินเยอะๆ หน่อย!”
ฟางอวิ๋นมองไปที่ลูกชาย ลูกสาว และลูกสะใภ้ของเธอ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ
บ้านแบบนี้สิ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านที่แท้จริง!
……
วันที่สามเดือนมีนาคม ซึ่งก็คือเช้าวันที่สิบหกของปีใหม่จีน ฟางอวิ๋นและลู่เสวี่ยกลับไปที่เมืองหังโจว
ในวันเดียวกันนั้น อุปกรณ์ฝ่าด่านต่างๆ ที่สระว่ายน้ำโส่วถี่ได้รับการติดตั้งทั้งหมดแล้ว และผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีก็เตรียมพร้อมทุกด้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะไปถ่ายทำและผลิตรายการได้ตลอดเวลา
วันที่ห้าเดือนมีนาคม ‘ชุมนุมยอดมือปราบ’ และ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้เริ่มการคัดเลือกนักแสดงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดห้าร้อยคนจากทั่วประเทศ
วัยรุ่นเหล่านี้ที่ผ่านการคัดเลือกออนไลน์เบื้องต้นมาก่อนแล้ว จะได้รับการคัดเลือกอย่างจริงจังอีกครั้ง ในท้ายที่สุดก็จะมีสิทธิ์เข้าร่วมในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และอาจกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนเลยก็ได้!
แต่ก่อนอื่น พวกเขาต้องเผชิญกับบททดสอบอันแสนยากลำบาก อย่างแรกก็คือการแข่งขันรอบคัดออกด้วยการฝ่าด่านท้าทายอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีทั้งสิ้นเจ็ดด่าน ด่านเหล่านี้จะกลายเป็นอุปสรรคของทุกคน จะมีคนน้อยมากๆ ที่สามารถรอดไปได้
ตามแผนการ การคัดเลือกด้วยการฝ่าด่านจะเสร็จสิ้นภายในสิบห้าวัน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีช่องสองจะถ่ายทำกระบวนการทั้งหมด และจะออกอากาศวันละตอน หลังจากนั้นก็จะเป็นรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ
สำหรับเฉินเฟยมีเดียแล้ว หลังจากผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบและการเตรียมการที่พร้อมพรักมากกว่าครึ่งปี ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร‘ ก็พร้อมที่จะเปิดกล้องแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่แห่งการเปิดศักราชปี 2018 แน่นอน
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะแบ่งออกเป็นสามภาค ได้แก่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร ภาคกระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร ภาคบูรพาไม่แพ้‘ และ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร ภาคสงครามสุดท้าย’ ทั้งหมดมีกำหนดถ่ายทำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะออกฉายในฤดูร้อนปีนี้ ในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีหน้า และในฤดูร้อนปีหน้าตามลำดับ
ปัจจุบันดาราที่จะร่วมถ่ายทำภาพยนตร์ชุดนี้ที่ได้รับการยืนยันแล้ว มีดาราดังสี่คน ได้แก่ ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวกั่งเซิง และถานหง ในส่วนของทีมนักแสดงนั้นไม่แพ้ภาพยนตร์เชิงพาณิชย์เรื่องอื่นๆ เลย
อย่างไรก็ตาม ตามลักษณะการทำงานของเฉินเฟยมีเดียแล้ว ในการผลิตภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ โดยพื้นฐานแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คนดังอื่นๆ ที่มีค่าตัวสูงจนน่าตกใจหรือนักแสดงหน้าใหม่ยอดนิยมจะเข้าร่วมในการแสดง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างกลุ่มนักแสดงใหม่เลย
นอกจากนี้ละครเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็จะถ่ายทำในปี 2019 หลังจากนั้นก็เป็นละครกำลังภายในเรื่องใหม่ที่ชื่อ ‘มังกรหยก’
และในสิ้นปีนี้ เกมออนไลน์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็พร้อมโลดแล่นเช่นกัน
ยังมี ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ฉบับการ์ตูนและของที่ระลึกอีกด้วย
เพิ่งจะเริ่มต้นปีใหม่ เฉินเฟยมีเดียก็เปิดแผนการออกมายาวเหยียด ซึ่งชวนให้คนรู้สึกตาลายเหลือเกิน
บรรดาแฟนคลับโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อ่านเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แน่นอนว่าต้องกรีดร้องด้วยความเบิกบาน แต่สำหรับคนในวงการแล้ว สิ่งที่พวกเขามองเห็นคือความทะเยอทะยานของเฉินเฟยมีเดีย หรือจะพูดให้ถูกต้องชัดเจนยิ่งไปกว่านั้นก็คือความทะเยอทะยานของลู่เฉินนั่นเอง
โปรเจกต์ผลงานกำลังภายในขนาดใหญ่กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาโดยมี ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร‘ เป็นศูนย์กลาง และยังเปล่งแสงอันดุดันกระจายไปทั่ว ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองข้ามไปได้!
หมาป่ามาแล้ว!
นี่เป็นหัวข้อที่สื่อด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์คนหนึ่งโพสต์ลงในบล็อกล่างฉาวของตนเอง
ในแง่ของภาพยนตร์และโทรทัศน์ โดยเฉพาะในด้านภาพยนตร์ เฉินเฟยมีเดียถือว่าเป็นน้องใหม่ ต้องเข้าใจว่าในฐานะผู้ก่อตั้งเฉินเฟยมีเดียนั้น ลู่เฉินเข้าวงการมาแค่สามปีกว่าไม่ถึงสี่ปี นอกจากนี้เขายังเปิดตัวในฐานะนักร้อง และเข้ามาในแวดวงนี้เพียงแค่สองปีกว่าๆ เท่านั้น
แต่รัศมีของเขานั้นเจิดจ้าเหลือเกิน ละครโทรทัศน์ทั้งสามเรื่องล้วนสร้างสถิติเรตติ้งทั้งหมด และได้รับความนิยมไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ ก็ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศเกินหนึ่งพันล้านหยวน โดยรวมแล้วมียอดขายดีจนเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ ละอายใจ
และตอนนี้ก็กำลังลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สามภาคในคราวเดียว แถมยังชี้ดาบจองช่วงเวลาทองของทั้งปีนี้และปีหน้าเอาไว้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้คู่แข่งคนอื่นตัวสั่นได้อย่างไร
…………………………………………………………………………