Perfect Superstar – ตอนที่ 824 เรื่องสนุกๆ ได้เริ่มขึ้นแล้ว (2)

Perfect Superstar

ตอนที่ 824 เรื่องสนุกๆ ได้เริ่มขึ้นแล้ว (2)

ท่ามกลางกระแสเสียงร้องตะโกน ภายใต้เลนส์กล้องของนักข่าวหลายร้อยคน ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ พร้อมทั้งลู่ซีเดินไปด้วยกันบนพรมแดงที่ยาวเหยียดจนมาถึงด้านหน้าของผนังลายเซ็น

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ!”

ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีน้ำเงินทักทายเขา และยื่นมือไปหาลู่เฉินด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “คุณลู่เฉิน คุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ผู้จัดการลู่ พวกคุณทั้งสามมาร่วมงานได้ช่างเป็นเกียรติแก่วั่นหาวของพวกเราจริงๆ!

“คนนี้คือหลู่เซิ่งต๋า ผู้จัดการใหญ่หลู่ของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาว…”

ลู่ซีที่ตามติดอยู่ข้างๆ ลู่เฉินกลัวว่าเขาจะไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่าย จึงเตือนด้วยเสียงเบาๆ ไปหนึ่งที

สีหน้าของลู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยรีบเอื้อมมือออกไปจับกับเขาทันที พลางยิ้มเอ่ยว่า “สวัสดีครับผู้จัดการใหญ่หลู่ เป็นฝ่ายเราที่ต้องขอบคุณสำหรับน้ำใจในการเชิญของคุณ และให้โอกาสพวกเราได้เยี่ยมชมและศึกษาต่างหากล่ะครับ”

ผู้จัดการใหญ่หลู่ของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวคนนี้ ลู่เฉินนับว่าได้ยินชื่อเสียงมาตั้งนานแล้วเช่นกัน ว่ากันว่าเป็นคนเก่งและมีไหวพริบเป็นเลิศ บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่กี่ปีอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว และด้วยการสนับสนุนจากวั่นหาวกรุ๊ปที่อยู่เบื้องหลัง เมื่อเทียบขนาดและความแข็งแกร่งกับบริษัทใหญ่เก่าๆ หลายแห่งในวงการอุนี้ สามารถกลายเป็นนักล่าหน้าใหม่ได้เลย

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวจริงของผู้จัดการใหญ่หลู่แห่งวั่นหาวคนนี้ คิ้วหนา ตาโต รูปร่างหน้าตาสง่างามน่าเกรงขาม เสียงดังฟังชัด ห้าวหาญมีเสน่ห์ ถ้าอยู่ในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ละก็จะต้องเป็นพระเอกอย่างแน่นอน

หลู่เซิ่งต๋าเคยถ่ายละครมาก่อนจริงๆ เพียงแต่ว่ามันไม่รุ่งเท่านั้นเอง ต่อมาได้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการ แล้วก็เปิดบริษัทของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก้าวไปทีละก้าวจนมาถึงตำแหน่งที่อยู่ในทุกวันนี้ นับว่าเป็นบุคคลในตำนานของวงการคนหนึ่ง

“ฮ่าๆ พวกเราเรียนรู้ไปด้วยกัน!”

หลู่เซิ่งต๋าหัวเราะเสียงดัง เขย่ามือที่จับลู่เฉินพลางเอ่ยว่า “เราต้องเรียนรู้เหมือนกัน!”

แสงแฟลชรอบๆ กับเสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย และกล้องหลายตัวก็มุ่งเป้าไปที่ลู่เฉินและลู่เซิ่งต๋าพร้อมกัน โดยจับภาพที่ทั้งสองจับมือพูดคุยและหัวเราะกัน

คนที่ไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อมาเห็นฉากนี้เข้าละก็ ต้องคิดว่าทั้งสองคนมีมิตรภาพที่ดีแน่ๆ ความจริงก็คือทั้งสองไม่เพียงเจอกันครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังเป็นคู่แข่งกันอีกต่างหาก

หลู่เซิ่งต๋าจับมือกับเฉินเฟยเอ๋อร์และลู่ซีตามลำดับ กล่าวแสดงการต้อนรับอย่างสุภาพและกระตือรือร้น จากนั้นเขาก็นำทั้งสามคนไปลงนามและเขียนข้อความไว้บนผนังลายเซ็นด้วยตัวเอง

หลังจากลู่เฉินเซ็นชื่อเสร็จและกำลังจะลงจากเวที ทันใดนั้นก็มีนักข่าวกลุ่มใหญ่กรูเข้ามารุมล้อมเขา แย่งกันถือไมโครโฟนยื่นส่งไปข้างหน้าเขา ป้ายสีสันสดใสพร้อมโลโก้สื่อต่างๆ เกือบบังใบหน้าเขาจนมิด

“ลู่เฉิน!” “คุณลู่เฉิน!” “อาจารย์ลู่…”

พวกเขาแย่งกันตะโกนถามคำถามที่แตกต่างกัน และเข้าไปใกล้ๆ พยายามแย่งพื้นที่ดีๆ ด้านหน้าอย่างสุดชีวิต ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่กั้นได้ทันเวลา คาดว่าลู่เฉินคงจะจมอยู่ใต้ฝูงนักข่าวแล้ว

ฉากดังกล่าวทำให้หางตาของหลู่เซิ่งต๋ากระตุก แทบจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไว้ไม่ได้

ตอนที่นักแสดงและทีมงานของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ปรากฏตัวขึ้น ไม่เห็นนักข่าวที่เขายัดซองแดงโตๆ ให้เหล่านี้ตื่นเต้นกันขนาดนี้เลย เอาเสียราวกับว่าลู่เฉินเป็นตัวเอกที่แท้จริงของรอบปฐมทัศน์นี้อย่างไรอย่างนั้น!

“คุณลู่เฉินทำไมคุณถึงมางานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ได้ล่ะครับ”

คำถามนี้ตรงไปตรงมามาก และอาจกล่าวได้ว่าไม่มีนัยแฝงอะไรเลย แต่ได้เอ่ยข้อสงสัยที่อยู่ในใจของนักข่าวหลายคนที่อยู่ในงานออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาต่างก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ

ลู่เฉินกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ผมมาเข้าร่วมพิธีฉายรอบปฐมทัศน์ของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ แน่นอนว่าเป็นเพราะความกรุณาของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวและผู้จัดการใหญ่หลู่ที่เชิญผมมา มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

นักข่าวคนที่ถามออกไปถูกถามกลับเข้าให้ อึ้งจนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรออกไปดี

แต่ไม่นานก็มีคนถามเสริมแทนเขา “‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เป็นคู่แข่งของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่คุณมาให้กำลังใจ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษไหม”

นักข่าวโดยเฉพาะนักข่าวบันเทิงใจกล้ามาก เพื่อแย่งข่าวเด่นประเด็นร้อนไม่ว่าคำถามอะไรก็กล้าถามออกไปเสียหมด โดยที่ไม่สนใจว่าผู้ถูกสัมภาษณ์จะอับอายหรือกระอักกระอ่วนเพราะเรื่องนี้แค่ไหน กระทั่งจงใจขยี้ลงไป

ดังนั้นศิลปินดาราที่มีประสบการณ์จึงรู้วิธีตอบหรือหลีกเลี่ยงคำถามเหล่านี้

ลู่เฉินเดบิวต์มาสามสี่ปีแล้ว ถูกนักข่าวนับไม่ถ้วนฝึกฝนจนชำนาญมาตั้งนานแล้ว เขาหัวเราะพลางเอ่ยว่า “‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ จะเป็นคู่แข่งของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไปได้อย่างไร กำหนดการฉายของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ คือวันชาติจีน ยังเหลือเวลาอีกตั้งสามเดือนเลยนะ!”

คำตอบของเขาทำให้นักข่าวหลายคนหงายเงิบ ฟังดูเหมือนกับว่า ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ไม่ใช่คู่แข่งของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มาตั้งแต่แรก แต่คำอธิบายหลังจากนั้นกลับสมเหตุสมผลและไร้ที่ติ

ยังเป็นการถือโอกาสตีแสกหน้านักข่าวคนที่ถามออกไปอีกด้วย กำหนดการฉายต่างกันจะเป็นคู่แข่งกันได้อย่างไร คำถามช่างโง่เขลา!

พวกนักข่าวอดที่จะมองหน้ากันไม่ได้

ยังมีคนถามขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะเข้าฉายช่วงวันชาติจีนจริงๆ ใช่ไหม”

ลู่เฉินพยักหน้า “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา…”

เขาเหลือบมองไปยังหลู่เซิ่งต๋าที่ใบหน้าฉายแววงอง้ำคล้ำลงเล็กน้อยอยู่ด้านข้าง พลางยิ้มเอ่ยว่า “ทุกคนครับ รบกวนอย่าถามถึงเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อีกเลยนะครับ วันนี้ที่พวกเรามาก็เพื่อชม ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นเอกของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวจะสามารถเปิดตลาดภาพยนตร์กำลังภายใน และเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ของภาพยนตร์ในประเทศของเราได้!”

นักข่าวคนเมื่อครู่อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาก็ได้รับเอาซองแดงของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวมาเช่นกัน กลับกลายเป็นว่าหัวข้อหลักของงานนี้ถูกเลี่ยงข้ามไปยังไม่พอ ยังช่วยประชาสัมพันธ์แทนลู่เฉินอีกต่างหาก

ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นลู่เฉินที่ดึงหัวข้อกลับมา หนำซ้ำเขายังยกย่อง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ อย่างแน่วแน่อีกด้วย

อย่างนั้นใครยังจะบอกว่าเขาพูดอะไรผิดไปอีกล่ะ

หลังจากจัดการกับคำถามไปสองสามข้อแล้ว ลู่เฉินก็พาเฉินเฟยเอ๋อร์เข้าไปในโรงฉายภาพยนตร์

พิธีฉายรอบปฐมทัศน์จัดขึ้นในโรงฉายภาพยนตร์ใหญ่หมายเลขหนึ่ง สามารถรองรับผู้ชมได้ 1,200 คน โรงภาพยนตร์แห่งนี้ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นของใหม่ล่าสุดทั้งหมด โดยเฉพาะจอยักษ์ที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของเอเชียนั้นค่อนข้างทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง

ในโรงฉายภาพยนตร์มีคนนั่งอยู่แล้วจำนวนมาก การจัดวางพื้นที่ภายในพิถีพิถันมาก ที่นั่งของพวกลู่เฉินทั้งสามคนถูกจัดไว้ตรงกลางแถวที่สาม สมกับเป็นการปฏิบัติตัวกับแขกวีไอพีที่แท้จริง

หลังจากนั่งลงแล้วลู่ซีถามขึ้นเสียงเบา “เมื่อกี้แกยกย่องพวกเขาไว้ซะสูงขนาดนี้ ไม่กลัวที่หล่นทับเท้าตัวเองเหรอ”

ก่อนหน้านี้ลู่เฉินยกย่องทั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวและ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ไปหนึ่งที

สิ่งที่เขาพูดออกไปทั้งหมดจะปรากฏบนสื่อออนไลน์ด้วยความเร็วสูงสุดอย่างแน่นอน เท่ากับเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ให้บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวไปฟรีๆ

ลู่เฉินยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ถ้า ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ โดดเด่นและยอดเยี่ยมจริงๆ เขาจะยกย่องหรือไม่นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบเท่าไรนัก แต่หากผลลัพธ์ตรงกันข้ามละก็ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ยกย่องไปสูงเท่าไร ในอนาคตก็จะตกลงมาแรงแค่นั้น!

ลู่เฉินไม่ชอบคิดบัญชีกับคนอื่น เขาชินกับการบดขยี้คู่ต่อสู้อย่างมีศักดิ์ศรีและตรงไปตรงมา

แต่นี่ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ตอบโต้ด้วยวิธีการเอาหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง

เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งไฟในโรงฉายภาพยนตร์ดับลง และฉากเริ่มต้นของภาพยนตร์ก็ปรากฏขึ้นบนจอยักษ์

รอบปฐมทัศน์ของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Status: Ongoing
ชีวิตของลู่เฉินดั่งมรสุมรุมเร้า ทว่าสวรรค์ยังคงเมตตาคนสู้ชีวิต ความทรงจำและความสามารถจากในความฝัน จะช่วยปูทางให้เขากลายเป็น Perfect Superstar เอง!ลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปีจำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาลวันหนึ่งเขาฝัน…เป็นความฝันที่ยาวนานมากโลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกันนักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระเขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝันเมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมาเป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท