ตอนที่ 828 แม้ความฝันจะดี แต่ความจริงนั้นโหดร้าย
ยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะขายดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย นอกจากคุณภาพของตัวมันเองแล้ว ความชื่นชอบของผู้ชม หรือแม้กระทั่งเวลาในการเข้าฉายต่างก็สำคัญมาก การประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันวัดได้
ภาพยนตร์บางเรื่องใช้เงินเพียงไม่กี่ล้าน ในตอนท้ายกลับทำรายได้มากกว่าร้อยล้าน หรือบางเรื่องลงทุนไปหลายร้อยล้าน ผลลัพธ์ที่ได้คือการขาดทุนย่อยยับ ผลของยอดจำหน่ายตั๋วจึงใช้รูปแบบที่ตายตัวกำหนดไม่ได้
ดังนั้นเหตุการณ์ที่ยอดจำหน่ายตั๋วดิ่งลงฮวบมักจะเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวในตลาดภาพยนตร์ ไม่ถึงขั้นต้องเป็นกระต่ายตื่นตูม
แต่ปัญหาของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ อยู่ที่การประชาสัมพันธ์อย่างยิ่งใหญ่อลังการก่อนหน้านี้ หว่านเงินไปเกือบจะเท่ากับต้นทุนการผลิตภาพยนตร์ ได้รับคำวิจารณ์ภาพยนตร์เชิงบวกหลังรอบปฐมทัศน์ มียอดจำหน่ายตั๋วเกิน 100 ล้านในวันแรก และสองวันรวมเป็น 230 ล้าน เห็นได้ชัดว่ามันควรจะเป็นภาพยนตร์สุดฮิตเรื่องหนึ่ง แต่ทำไมถูกประหารออกเป็นสองท่อนภายในชั่วข้ามคืนได้
อันที่จริงความจริงนั้นหาง่ายมาก นั่นคือคำสรรเสริญจากผู้ชม!
ในปัจจุบันนี้เป็นยุคสมัยของอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตหลายร้อยล้านคนได้รับข้อมูลข่าวสารกันอย่างอย่างรวดเร็ว และกลุ่มผู้ชมหลักในตลาดภาพยนตร์ก็มีความทับซ้อนกับชาวเน็ตสูงมาก ดังนั้นจึงได้รับอิทธิพลจากความคิดเห็นของ สาธารณชนทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ตระหนักดีถึงบทบาทของความคิดเห็นสาธารณะทางออนไลน์ งบประมาณการประชาสัมพันธ์จึงมุ่งเป้าไปที่สื่อออนไลน์อย่างน้อย 50% เพื่อจับกระแสความคิดเห็นของสาธารณชนบนช่องทางออนไลน์อย่างมั่นคง
แต่ทว่าชาวเน็ตส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกจูงจมูกได้ง่ายๆ อีกต่อไป หลังจากการระเบิดขึ้นของข้อมูลข่าวสารประเภทต่างๆ นานกว่าสิบปี พวกเขามีช่องทางในการได้มาซึ่งข้อมูลออนไลน์ที่เชื่อถือได้เป็นของตัวเองแล้ว ทั้งยังมีความสามารถในการแยกแยะ ‘หน้าม้า’ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคือเชื่อในการตัดสินของตัวเอง มากกว่าที่จะเชื่อความคิดเห็นของคนอื่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา
หากต้องการควบคุมความคิดของชาวเน็ตหลายร้อยล้านคน นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เข้าฉายมาสองวัน บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องและประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ปรากฏในบล็อก ฟอรัม และในกลุ่มเฟยซวิ่นจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อผู้ชมที่แฝงอยู่เหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง
ชื่อเสีย(ง)ของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนช่องทางออนไลน์ สถานการณ์บนบล็อกยังถือว่าไม่ได้แย่เท่าไร แต่ในหลายฟอรัมอย่างห้องภาพยนตร์และโทรทัศน์ของชุมชนออนไลน์เจียงไห่ รวมไปถึงในกลุ่มเฟยซวิ่นอีกมากมาย ภาพยนตร์กำลังภายในเรื่องนี้ถูกวิจารณ์ยับเยิน
หลายคนที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้โห่ร้อง ต่างคิดว่าเสียเงินไปดูภาพยนตร์แย่ๆ เข้าเสียแล้ว หลายๆ คนรู้สึกโกรธจัดที่ตัวเองถูกการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์หลอกเข้าเต็มเปา เหมือนนัดเจอแฟนที่คบกันออนไลน์มาหลายปี แต่เมื่อได้เห็นหน้าสดของฝ่ายตรงข้ามกลับ…
คำตำหนิเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ยิ่งท่วมท้น ทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไอคิวของตัวเองถูกดูหมิ่นเข้าให้แล้ว
อุตสาหกรรมภาพยนตร์มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ มีการเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่จำนวนมากทุกปี ผู้ชมในประเทศได้เห็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์มากขึ้นทุกที จึงมีความต้องการและมาตรฐานการรับชมที่สูงขึ้นสำหรับการชมภาพยนตร์
เมื่อสิบปีก่อนภาพยนตร์ฮอลลีวูดง่ายๆ เพียงเรื่องเดียวก็สามารถกวาดตลาดในประเทศได้ แต่ในวันนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ยอดจำหน่ายของภาพยนตร์ที่คล้ายๆ กันนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ มีเพียงผลงานน้ำดีที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะเอาชนะความชอบและไล่ตามความต้องการของผู้คนได้
ในฐานะที่บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวเป็นน้องใหม่ในวงการ ถึงแม้จะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งและมีความทะเยอทะยานสูง แต่ความสามารถในการอ่านตลาดภาพยนตร์ในประเทศของพวกเขาเห็นได้ชัดว่ายังล้าหลังและยังหยุดอยู่ที่หลายปีก่อนหน้า โดยคิดว่าแค่อาศัยต้นทุนสูง ดารานักแสดงดังมากมาย การผลิตสเปเชียลเอฟเฟกต์อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับการประชาสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งก็จะราบรื่นไปทุกอย่าง แต่ผลที่ได้กลายเป็นถูกความจริงตบหน้าอย่างรุนแรง
ตลาดมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ!
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ยอดจำหน่ายตั๋วของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ดิ่งลงเหลือเพียง 35 ล้าน นับได้ว่าเป็นการสร้างสถิติใหม่ แน่นอนว่าไม่ใช่สถิติที่น่ายกย่องโอ้อวดอย่างแน่นอน
หากอ้างอิงตามแนวโน้มนี้แล้วยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องละก็ เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวจะกู้ต้นทุนคืนได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ รวมกับการประชาสัมพันธ์นั้นผลาญเงินไปเกือบ 300 ล้าน เส้นคุ้มทุนของยอดจำหน่ายตั๋วอย่างน้อยก็ต้อง 600 ล้าน
ทำยอดจำหน่ายตั๋ว 320 ล้านในสี่วัน โดยปกติเกิน 600 ล้านก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ยอดกลับร่วงลงมาเช่นนี้ช่างน่าเวทนาเสียจริงๆ จนถึงขั้นทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังเลยทีเดียว
บางคนในวงการยังกล่าวอีกว่า หาก ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ต้องการกู้ต้นทุนคืนนั้น แม้มีแรงกดดันมหาศาลเกินไปในโรงภาพยนตร์ แต่สามารถกู้คืนหรือแม้กระทั่งทำกำไรได้ผ่านการขายลิขสิทธิ์ในภายหลัง
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน คนในวงการเหล่านี้ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่า ยอดจำหน่ายตั๋ว ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ จะให้เกินหนึ่งพันล้านก็ไม่น่ามีความกดดันอะไร และจะให้เกินสองพันล้านก็เป็นเรื่องที่พอเป็นไปได้!
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเนื่องจากยอดจำหน่ายตั๋ว ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ร่วงลงมาเร็วเกินไป เมื่อถึงวันที่ 9 ทางด้านโรงภาพยนตร์ถึงได้มีท่าทีขึ้นมา ทยอยลดอัตราการฉายภาพยนตร์ลงมา ทำให้บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวย่ำแย่ลงไปอีก
แน่นอนว่าบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวไม่ได้นิ่งนอนใจ ด้านหนึ่งก็ประชาสัมพันธ์ต่อไป อีกด้านหนึ่งก็ใช้ความสัมพันธ์ที่มีขอร้องโรงภาพยนตร์ โดยหวังว่าจะประคองอัตราการฉายภาพยนตร์ให้ยังคงสูงอยู่เหมือนเดิม
แต่ทว่าตลาดนั้นโหดร้ายและไร้ความปรานี ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เป็นขุมกำลังใหม่ในวงการ บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวมีคู่แข่งมากกว่าใคร ถ้ามีโอกาสซ้ำเติมได้ละก็ พวกเขาไม่ลังเลที่จะเหยียบให้มิดอย่างแน่นอน
อัตราการฉายภาพยนตร์ของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ลดลง ยอดจำหน่ายตั๋วก็ร่วงลงมาไม่ต่างกันกับวันที่ 6 และวันที่ 7 ไร้ซึ่งอำนาจโดยสิ้นเชิง แม้แต่จะดิ้นรนก่อนตายยังทำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
ไม่เพียงเท่านั้น ยอดจำหน่ายตั๋วที่น่าเวทนาบวกกับชื่อเสีย(ง)นั้น ยังทำให้สินค้าที่ระลึกของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ แทบจะขายไม่ออกเลยก็ว่าได้ การลงทุนของบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวในครั้งนี้ เป็นการเอาทรัพย์ไปละลายแม่น้ำชัดๆ!
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ทำยอดจำหน่ายตั๋วสะสมเจ็ดวันได้ทั้งหมด 367 ล้าน และอัตราการฉายภาพยนตร์ลดลงเหลือน้อยกว่า 10% มันถูกกำหนดให้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และยังได้สอนบทเรียนอย่างดีให้กับบริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาว ‘ทายาทเศรษฐี’ น้องใหม่คนนี้อีกด้วย
อันที่จริงไม่ใช่แค่บริษัทผลิตภาพยนตร์วั่นหาวเท่านั้น แต่ในวงการก็เกิดการสั่นสะเทือนมากเช่นกัน ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ทำให้หลายคนได้ตระหนักถึงความโหดร้ายของตลาด ในขณะเดียวกันยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์แนวกำลังภายในอีกด้วย
เดิมทีบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์บางแห่งวางแผนที่จะถ่ายทำแนวกำลังภายในตามกระแส แต่ทยอยยกเลิกโปรเจกต์ไป
ข้อเท็จจริงนี้พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจของพวกเขาถูกต้อง เมื่อวันที่ 12 ภาพยนตร์เรื่อง ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ เข้าฉายอย่างเป็นทางการวันแรก ในวันแรกนั้นมียอดจำหน่ายตั๋วเพียง 27 ล้าน ทำให้บริษัทภาพยนตร์ต้าตี้อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
ที่แย่ที่สุดเลยก็คือ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ที่เข้าฉายในวันที่ 15 ได้รับความเดือดร้อนจากตลาด ยอดจำหน่ายตั๋วในวันแรกกลับไม่ถึง 10 ล้านเสียด้วยซ้ำ ล้วนแล้วแต่เป็นจังหวะที่ขาดทุนย่อยยับอย่างสิ้นเชิง
ในชั่วขณะหนึ่ง ชื่อเสียงของภาพยนตร์แนวกำลังภายในถูกเล่ากันปากต่อปากว่าไม่ดี แม้แต่นิยายกำลังภายในที่คนติดตามก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกลดคุณค่าลง ลิขสิทธิ์นิยายที่ขายกันหลายล้านในอดีต ตอนนี้ลดแล้วลดอีกจนไม่มีใครสนใจอีกแล้ว
สถานการณ์พุ่งขึ้นดิ่งลง ไม่ได้มีแค่ในตลาดหุ้นเท่านั้น
เมื่อวันที่ 17 ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องในช่วงฤดูร้อน ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ‘นักบินในฝัน’ ที่ดิสนีย์เป็นผู้ผลิตได้เข้าฉาย อัตราการฉายวันแรกเกิน 50% และยังเป็นดาบสุดท้ายที่โจมตีภาพยนตร์กำลังภายในที่ผลิตในประเทศทั้งสามเรื่องด้วย
การเริ่มต้นอย่างรุ่งโรจน์และจุดจบอันน่าเวทนา ทำให้ผู้คนกังวลจนเกิดความสงสัยเกี่ยวกับ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่จะเข้าฉายในวันชาติจีน ผู้มาทีหลังจะสามารถประคองท้องฟ้าทั้งผืนของภาพยนตร์กำลังภายในได้อยู่หรือไม่
…………………………………………………………………………