ตอนที่ 831 ส่งโชว์
ความกังวลของเฉินกั๋วจื้อที่มีต่อ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ในด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อการตลาด แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว
อย่างแรกเลยเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของยอดจำหน่ายตั๋วไม่อาจทำให้ตำแหน่งของเขาในวงการสั่นคลอนได้ แต่ใครเล่าอยากจะเห็นภาพยนตร์ที่ตัวเองกำกับได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาในตลาดบ้างล่ะ
อย่างที่สองคือการชื่นชมลู่เฉิน หลังจากผ่านการร่วมมือมามากกว่าครึ่งปี เฉินกั๋วจื้อได้รู้จักลู่เฉินอย่างลึกซึ้งมากขึ้น เขาชื่นชมบุคลิก ความสามารถ และความทุ่มเทในการทำงานของลู่เฉินเป็นอย่างมาก
เขาไม่อยากให้ลู่เฉินพลาดท่าแม้แต่น้อยเมื่อช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดมาถึง
ทุกวันนี้ยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ การพึ่งพาอาศัยการประชาสัมพันธ์และการตลาดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีการลงทุนที่น่าตกตะลึง มักจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของงบประมาณทั้งหมด
เมื่อสองเดือนก่อน ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม และ ‘จอมเสเพลแห่งยุทธภพ’ ได้เปิดสงครามประชาสัมพันธ์ใหญ่โต และเงินลงทุนก็ไม่ใช่จำนวนตัวเลขน้อยๆ นอกเหนือจากผลลัพธ์สุดท้ายที่น่าเศร้าแล้ว ผลกระทบจากความคิดเห็นสาธารณะที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็แรงกล้าอย่างไม่ต้องสงสัย ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
ตอนนี้ภาพยนตร์กำลังภายในทั้งสามเรื่องถูกทรายฝังกลบ และแม้แต่คำพูดปากต่อปากที่มีต่อหัวข้อกำลังภายในทั้งหมดก็ถูกลากลงน้ำไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วน จำเป็นต้องได้รับการแก้ข่าวผ่านการประชาสัมพันธ์อย่างไม่ต้องสงสัย
และการสร้างความเชื่อมั่นของผู้ชมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้นเฉินกั๋วจื้อจึงเป็นกังวลอย่างมาก ‘เหลือเวลาอีก 20 วัน จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ทันอยู่ไหม’
สำหรับข้อสงสัยของเฉินกั๋วจื้อ ลู่เฉินยิ้มและเอ่ยว่า “ผู้กำกับเฉินวางใจได้ครับ ในส่วนงานประชาสัมพันธ์เราได้เริ่มทำขึ้นแล้ว เชื่อว่าจะต้องเห็นผลในไม่ช้านี้!”
ถ้าจะให้พูดอย่างจริงจังละก็ อันที่จริงแล้วการประชาสัมพันธ์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ทุ่มเงินจำนวนมากในการประชาสัมพันธ์ลงบนสื่อก็เท่านั้นเอง
เดิมทีระยะเวลาการประชาสัมพันธ์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อย่างเป็นทางการที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม แต่ตอนนั้นกลับถูกคนเหมารวมผสมเข้าไป จึงทำได้เพียงเลื่อนออกไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้
แต่ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของเฉินเฟยมีเดียไม่ใช่เครื่องประดับ การเตรียมการที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นลงแล้ว กำลังรอจังหวะที่จะระเบิดออกมา จะใช้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ช่วยสร้างชื่อเสียงของภาพยนตร์กำลังภายในขึ้นอีกครั้ง!
หากเป็นหนุ่มสาวคนอื่นมาพูดกับเขาแบบนี้ละก็ เฉินกั๋วจื้อคงจะคิดว่าอีกฝ่ายคุยโวโอ้อวด แต่สำหรับลู่เฉิน ความไว้วางใจจากการร่วมมือกันที่สะสมมาเป็นเวลากว่าครึ่งปี ทำให้เขาเลือกที่จะเชื่อใจลู่เฉิน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี…”
เมื่อนึกขึ้นได้เฉินกั๋วจื้อก็พูดกับลู่เฉินว่า “ผมรู้จักสื่อไม่น้อยเลย ถ้าคุณต้องการละก็อย่างน้อยก็สามารถช่วยอะไรได้ อีกอย่างคุณจะไม่ไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่ในเดือนหน้าเหรอ”
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่?
ลู่เฉินตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยคิดที่จะส่ง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไปที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่เลย
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่เป็น 1 ใน 3 เทศกาลภาพยนตร์ที่สำคัญของจีน แถมยังเป็นเทศกาลที่เก่าแก่ที่สุด จัดขึ้นในช่วงต้นยุค 90 และจัดขึ้นปีละครั้ง นอกจากนี้ยังเป็น 1 ใน 15 เทศกาลภาพยนตร์ประเภท A ระดับนานาชาติแห่งแรกในประเทศจีนที่ได้รับอนุญาตและได้รับการยอมรับจากสมาคมผู้ผลิตภาพยนตร์นานาชาติ
เมื่อเทียบกับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปักกิ่งที่เป็น 1 ใน 3 เทศกาลภาพยนตร์หลักแล้ว เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดการค้า และส่งเสริมการสร้างสรรค์งานศิลปะที่หลากหลาย จึงดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์จำนวนมากทั้งในและต่างประเทศให้เข้าร่วม
เฉินกั๋วจื้อกล่าวอย่างจริงจัง “อันที่จริง ผมอยากให้คุณจัดงานรอบปฐมทัศน์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่ แต่มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมหลังวันชาติจีน หาก ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่ แสดงว่าจะต้องพลาดช่วงวันชาติจีนไป
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลู่เฉินและเฉินเฟยมีเดียจะยอมรับได้
เทียบกับยอดจำหน่ายตั๋วแล้ว การเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์หรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย วัตถุประสงค์ของการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์คือการขยายอิทธิพลของภาพยนตร์ ในท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อยอดจำหน่ายตั๋ว ไม่ใช่เป็นเพราะอย่างอื่น
ลู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ใช่ครับ เวลาช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย…”
ถ้างานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่จัดก่อนล่วงหน้าครึ่งเดือนละก็ เขาจะพยายามส่ง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไปแน่นอน เพราะมันเป็นจุดประชาสัมพันธ์ที่ดีเลยทีเดียว
แต่มีการลือกันว่าเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่มีแผนที่จะเปลี่ยนเวลาจัดเป็นเดือนมิถุนายน นั่นคือก่อนเริ่มฤดูร้อน นั่นจะทำให้ภาพยนตร์ในประเทศจำนวนมากสามารถฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลนี้ได้
แน่นอนว่าภาคแรกของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ตามกระแสคลื่นนี้ไม่ทันแล้ว แต่ภาพยนตร์ภาคต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะเป็นจริงได้
เฉินกั๋วจื้อพูดขึ้น “เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ไม่ทันก็ไม่เป็นไร เราส่งไปโชว์ก็ได้!”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “เราไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในรางวัล เพราะมันไร้ความหมาย จุดประสงค์ในการส่งโชว์คือเพื่อผลักดันส่งเสริม ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มุ่งเป้าไปที่ผู้จัดจำหน่ายและตลาดต่างประเทศ!”
ลู่เฉินกระจ่างในทันที
ที่จริงแล้ว ลู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจเทศกาลภาพยนตร์ในประเทศมากนัก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปักกิ่งหรือเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่ น้ำในนั้นค่อนข้างลึกพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงการตัดสินรางวัลเต็มไปด้วยลูกเล่นกลเม็ดต่างๆ มักจะมาพร้อมกับข่าวที่ทำให้อ้าปากค้าง และชื่อเสียงในกลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยดีนัก
แต่หากปัดรางวัลทิ้งไปเพียงแค่ส่งไปโชว์เพื่อดึงดูดผู้จัดจำหน่ายจากประเทศอื่นๆ นั่นคงจะไม่เลวเลยทีเดียว
โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ น่าจะมีตลาดอยู่ในระดับหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮู่ไห่จะช่วยประหยัดแรงได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ลู่เฉินก็พยักหน้าทันทีและพูดว่า “งั้นผมจะขอให้บริษัทติดต่อผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์ ไม่แน่ใจว่ายังลงทะเบียนทันอยู่ไหม”
เฉินกั๋วจื้อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมลงทะเบียนแทนคุณไปแล้ว คุณแค่ให้คนจากบริษัทคุณติดต่อไปก็พอ”
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้ลงทะเบียนส่ง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ไปโชว์ควรจะเป็นเฉินเฟยมีเดีย บุคคลธรรมดาทั่วไปไม่มีคุณสมบัติ แต่บังเอิญว่าเฉินกั๋วจื้อในฐานะผู้กำกับที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ การกล่าวทักทายผู้จัดเทศกาลล่วงหน้านั้นเป็นเรื่องง่ายมาก เพียงแค่เฉินเฟยมีเดียดำเนินขั้นตอนที่เหลือให้เรียบร้อยก็พอ
ลู่เฉินรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก “ขอบคุณครับผู้กำกับเฉิน!”
“ขอบคุณอะไรกันล่ะ…”
เฉินกั๋วจื้อส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย นั่นคือทั้งหมดที่ผมสามารถช่วยคุณได้ ผมหวังว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะบุกเบิกภาพยนตร์รูปแบบใหม่ในประเทศ และส่งออกไปนอกประเทศ รวมไปถึงไปทั่วโลกด้วยเช่นกัน”
เขาพูดพลางถอนหายใจ “ภาพยนตร์ในประเทศในปัจจุบันได้มาถึงจุดที่จะต้องได้รับการปฏิรูปและสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ ผมคิดว่าหนังกำลังภายในมีศักยภาพนี้ และ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็มีความสามารถนี้เช่นกัน!
เขาไม่ได้พูดถึงภาพยนตร์กำลังภายในหลายเรื่องที่ออกฉายแล้ว เช่น ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ เพราะหลังจากดูเดโมของ ‘กระบี่เย้ยยุทธภพ’ แล้ว ผู้กำกับใหญ่คนนี้คิดว่าภาพยนตร์หล่านั้นเป็นเพียงผู้ตามกระแสที่น่าสงสาร แม้แต่การลอกเลียนแบบยังไม่ถึงครึ่งแก่นแท้ของภาพยนตร์กำลังภายในเลย
กระทั่งไม่สามารถนับว่าเป็นภาพยนตร์กำลังภายในที่แท้จริงด้วยซ้ำ
เฉินกั๋วจื้อตั้งตารอคอยวันที่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ!
………………………………………………………………………