“ใช่ๆ เดี๋ยวๆ มันต้องเป็น [ฉันต้องเข้าโรงเรียนให้ได้ไม่ใช่เร๊อะ!] นั่นเป็นสิ่งที่ต้องพูดเซ่”
“อ๋าาา มึนหัวแล้วนะคะ”
คุณแม่ได้ลุกขึ้นด้วยความตกใจและจับที่ไหล่ของฉัน แล้วเขย่าไปมา
ฉันพยายามที่จะหลุดออกจากการจับของเธอ
“หนูรู้อยู่แล้วว่าคุณแม่คิดถึงเรื่องของหนูตลอด แต่ส่วนนั้นก็เป็นส่วนของตรงนั้น
“งั้นสิ่งที่อยากจะได้อะไรจากการไปโรงเรียนสอนพิเศษล่ะ?”
“สิ่งที่อยากได้..? ใช้เวลาว่างไปกับการดูวีทูบเบอร์ หัวเราะ และ โดเนท!”
“ยัยบ้า!”
ถูกเคาะหัวจนได้
แย่จังเลย ฉันก็แค่ตอบตามที่คุณแม่ถามเองก็เท่านั้น
หา? ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณแม่มีเป้าหมายเอาไว้อยู่แล้วในใจ
ยัยบ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดหรอ ก็แน่อยู่แล้ว
แต่ยังไงสิ่งที่้ปลี่ยนแปลงไม่ได้มันก็ไม่มีวันเปลี่ยน
และก็สำหรับสิ่งที่สอง ฉันเองก็อยากที่จะทำบางอย่างเป็นโบนัสให้ในสตรีมของฉันมันสนุกขึ้นด้วย
“ฉันอยากที่จะถามคำถามกับคุณแม่ซักคำถามหนึ่ง จริงๆแล้วคุณแม่อยากที่ให้ฉันเรียนพิเศษ หรือจริงๆแล้วอยากให้ฉันได้สอบเข้าโรงเรียนมัธยมต้น?”
“แน่นอนอยู่แล้วว่าแม่อยากให้ลูกสอบเข้า นั่นเลยเป็นสาเหตุที่แม่ให้ลูกไปเรียนพิเศษไง”
“อ๋อ.. งั้นหนูก็จะไม่เข้าไปโรงเรียนแบบนั้นแล้วล่ะ”
“ไม่นะ..”
“แต่หนูยังสามารถสอบเข้าได้อยู่นะ”
ฉันได้เพิ่ม “เพราะยังไงมันก็ต้องมีเงื่อนไขยังไงล่ะคะ!”
“เอ๊ นี่ลูกคิดจะสอบด้วยหรอ แม้คิดว่าลูกไม่อยากที่จะสอบเข้าแท้ๆ?”
“หนูไม่เคยบอกว่าหนูจะไม่อยากสอบนะคะ ก็แค่ไม่อยากเอาเวลาเรียนมาตัดเวลาที่ใช้ในการดูสตรีมก็แค่นั้นเอง”
“เห๊ นี่ลูกหมายความว่างี้หรอ!”
“หนูจริงจังนะ!”
“เฮ้อ.. ลูกนี่มันโง่จริงๆ”
เอื๊อก นี่คุณแม่พูดว่าฉันโง่อีกแล้วอ่ะ
ทั้งๆที่เมื่อกี้บอกว่า [ลูกไม่ได้โง่หรอกนะ]
เอาเถอะ
คุณแม่ดูสงสัยกับคำพูดของฉัน
ทำไมทิศทางถึงเปลี่ยนไปแบบนี้หรอ ? เพราะว่าฉันได้ตั้งไว้สองเป้าหมาย
สอบเข้าโรงเรียนมัธยมต้นให้ได้มันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันเข้าใกล้เป้าหมายได้
มันก็เป็นในกรณีนั้น แล้วถ้าถามว่าทำไมฉันถึงไม่บอกตั้งแต่แรก? ก็เพราะบางทีมันอาจจะมีความเสี่ยงและผลลัพท์ที่ได้กลับมามันไม่คุ้มค่า
เพราะถ้าฉันสอบเข้าโรงเรียนมัธยมต้นที่ยากๆได้ก็จริง ฉันก็ต้องเรียนเพิ่มจากโรงเรียนที่ยากขึ้นอยู่ดี
มันจะตัดเวลาของฉันไปเยอะสุดๆเลยล่ะ ทั้งเสียเวลาไปเต็มๆ
แล้วถ้าฉันผ่านเข้าไปได้แบบเฉียดชิวล่ะ
มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
สำหรับฉันมันก็เป็นอีกเส้นทางหนึงนั่นแหละ
ในครั้งแรกที่ฉันได้เรียนในคอร์สสอนพิเศษช่วงฤดูร้อน เอาจริงๆแล้วมันก็เป็นการตัดสินใจที่ดีนะ
ถึงอย่างไรก็ตาม ฉันก็มักจะลังเลเสมอในตอนที่ต้องตัดสินใจเส้นทางอะไรแบบนี้
เพราะว่ามันไม่แฟร์ และฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้จริงๆแล้วฉันก็อยากเรียนเส้นทางที่มันเสถียรอย่างโรงเรียนมัธยมต้นแบบปกติดีกว่า
“นี่แม่อยากให้ฉันสอบเข้าขนาดนั้นเลยหรอ..?”
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ”
“นี่แม่คิดว่าฉันจะทำได้จริงๆหรอ?”
“แน่นอน”
“นี่แม่ชัวร์หรอ? ชัวร์จริงๆนะ”
“หืม..? นี่ลูกกลัวหรอ? ลูกบอกว่ามันโอเคตั้งแต่แรกใช่ไหมล่ะ?”
“หืม โอเคได้ ถึงจะมีเงื่อนไขก็เถอะ”
เพราะฉันได้ตัดสินใจไปแล้วฉันเลยเปิดมือถือขึ้นและโชว์ไปที่คุณแม่
มันเป็นเว็บไซต์ของโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง
“นี่เป็นโรงเรียนเดียวที่หนูจะไปสอบนะ ถ้าหนูสอบไม่ผ่านหนูก็จะไม่เล็งไปที่โรงเรียนอื่นหนูจะเรียนจนกว่าจะสอบเข้าโรงเรียนนี้ให้ได้!”
“มันไร้ความหมายนะถ้าสอบให้เปลืองเงินแบบนั้นนะ”
“เข้าใจอยู่แล้วล่ะค่ะ เพราะงั้นฉันจะทำให้ได้ดีที่สุดในตอนสอบ และเดียวฉันจะจ่ายค่าสอบด้วยตัวเองเพราะงั้นอย่าทำงานหนักแบบนี้อีกนะคะ คุณแม่”
“นี่ลูกพูดอะไรหน่ะ? ไม่มีทางที่ลูกจะหาเงินส่วนนั้นมาด้วยตัวเองได้หรอกนะ แล้วลูกก็ยังไม่ได้บอกเหตุผลแม่เลยว่าทำไมลูกถึงต้องสอบเข้าโรงเรียนนั้นด้วย!”
“ไม่นะคะ เดียวนะ นี่แม่ยังไม่เห็นอีกหรอคะ?”
“เห็นอะไรหรอ?”
“อ่าาา หนูว่าล่ะทำไมบทสนาของเราถึงได้มาถึงขนาดนี้”
ฉันได้เปิดไปหน้าของเงินที่ฉันได้จากโฆษณา
มันมีตัวเลขโชว์อยู่
“ถ้าเป็นข้อมูลของเงินที่หนูทำได้เมื่อเดือนที่แล้ว แล้วก็อีกไม่กี่วันเงินมันจะโอนมาที่บัญชีของหนูแล้ว และนี่เงินที่หนูทำได้ในเดือนนี้”
“หืม? เอออออ๊? หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน..? นี่ลูกทำเงินได้ขนาดนี้เลยหรอ?”
“หึๆ อยู่แล้วล่ะค่ะ!”
คุณแม่ของฉันได้ล้มไปบนเตียงอีกครั้ง
“ห่าๆ.. ” ฉันได้ยินเสียงขำแห้งๆออกมา
“นี่ลูกทำเงินได้มากกว่าแม่อีกนะเนี่ย แล้วนี่แม่จะทำงานหนักเพื่ออะไรกัน..?”
“ไม่ๆๆๆๆๆ แม่ก็ลูกนี่ว่าสุดท้ายหนูได้เงินมาก็เอาไปซุบเปอร์แชทอยู่ดี!”
“แหม ก็แน่อยู่แล้ว ซุปเปอร์แชท เพราะแม่รู้ว่าลูกเองก็หาเงินได้แต่แม่ก็คิดว่าคงได้แค่ไม่เท่าไหร่ เพราะงั้นแม่เลยต้องทำงานจนดึกดื่นโดยที่แม่แทบไม่ได้แตะพวกสื่อด้วยซ้ำ และแม่เองก็ไม่ได้รู้เลยว่าลูกของแม่หาเงินได้ขนาดนี้โดยที่แม่ไม่รู้ตัวเลย”
นี่ฉันตกใจจริงๆนะเนี่ย
คุณแม่ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“แล้วที่แม่ทำไปขนาดนี้เพื่ออะไรกันล่ะ..?”
เธอทำอย่างกับตัวของเธอเองได้แก่ลงไป และฉันรู้สึกไม่ดีเลย
ฉันส่ายหัวของตัวเอง และตัดสินใจปฎิเสธคำพูดของคุณแม่
“มันก็เป็นแค่ตอนนี้แหละค่ะ ที่ตอนนี่หนูดังได้ก็เพราะว่า หนูเป็นเด็กประถมจริงๆต่างหาก ปีหน้าฉายานี้ก็คงหายไปแล้วล่ะค่ะ แล้วก็คงทำเงินมากขนาดนี้ไม่ได้แล้ว และก็ปีต่อจากนั้นไปอีกเงินที่ทำได้ก็จะน้อยลง ในทีแรกหนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูจะสตรีมไปได้อีกนานแค่ไหนกันแน่”
“เป็นอย่างงั้นเองหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะค่ะ เพราะถ้าแม่หยุดทำงานไปจริงๆและก็พวกเราต้องจบลงที่เป็นคนไร้บ้านแน่ๆ แต่ในตอนนี้เดียวค่าสอบหนูเป็นคนจ่ายด้วยเงินที่หนูหามาเองนะคะ แล้วก็เงินที่หนูหามาได้หนูจะเอาไปแค่ส่วนนึงที่หนูต้องการ แล้วก็เงินที่เหลือก็จะเข้าบ้าน”
“อย่าทำแบบนั้นเลย มันเป็นเงินที่ลูกหามาเองนะเพราะงั้นใช้ด้วยตัวเองเถอะ”
“แต่ว่า”
“แล้วก็ ลูกสามารถตัดสินใจเองได้เลยว่าลูกจะสอบเข้าหรือไม่สอบเข้า
“อ่ะ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยคะ..?”
“แม่แค่พึ่งรู้ว่าลูกดูโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่แม่คิดเอาไว้อีก แม่คิดเอาไว้ว่าแม่ต้องปูทางไว้ให้ลูกเดินเพื่อไม่ให้ลูกผิดพลาด แม่คิดว่านั่นเป็นงานของผู้ใหญ่ที่ต้องทำแก่ลูกของตัวเอง”
ฉันได้เงินหน้าขึ้นและมองออกไป
“แต่ลูกได้เดินบนทางของลูกมาตั้งนานแล้ว เพราะงั้นทางที่แม่เคยจะวางไว้ให้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป แม่ขอโทษนะที่มาตัดสินลูกแบบนี้ และทำตัวน่ารำคาญกับลูกแบบนี้”
ฉันรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวในเสียงของคุณแม่
ฉันกำมือของคุณแม่ให้แน่นๆ
“ไม่ล่ะค่ะ หนูยังมีอะไรที่ต้องให้ทำอีกเยอะเพราะงั้นหนูจะอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะงั้นคุณแม่เองก็ต้องช่วยส่วนนั้นด้วยนะคะ!”
“หืม.. แน่นอน แน่นอนอยู่แล้วล่ะ เพราะแม่เป็นแม่ของลูกนี่หน่า!”
ฉันรู้สึกว่าหัวใจของเราทั้งสองได้เชื่อมต่อกัน และฉันเหมือนเห็นน้ำตาที่อยู่ในดวงตาของเธอด้วย
เธอได้ใช้นิ้วของเธอปัดน้ำตาออกไปและถามออกมา “พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว” แม่ก็ได้พูดขึ้น “ลูกคิดยังไงกับมันหรอ?”
“มันเป็นโรงเรียนแบบไหนหรอที่ลูกโชว์ให้แม่ดู แม่รู้แค่ว่ามันใกล้บ้านและคะแนนของโรงเรียนเองก็ดี”
“มันเป็นโรงเรียนขั้นสูงอ่ะค่ะ กฎของโรงเรียนหลวมมาก! และที่หนูรู้คือมันก็มีหลายๆโรงเรียนที่ระบบการศึกษาสูงแต่กฎของโรงเรียนค่อนข้างน้อย แต่โรงเรียนนี้น้อยสุดๆเลยล่ะค่ะ ขอแค่ทำได้เกรดดีมากๆ พวกเขาก็จะไม่โกรธถึงแม้ฉันจะดูสตรีมตอนที่สอนอยู่ก็ตาม”
ฉันปลดการป้องการออก และพูดออกไปโดยที่ไม่คิด
ฉันพูดออกมา
“แล้วก็หนูจำได้ด้วยว่าหนูต้องมีเรื่องที่ต้องทำ เพราะงั้นหนูกลับบ้านก่อนแล้วนะ เพราะงั้นปล่อยมือเถอะค่าาาาาา”
“อิ โร ฮะ จ๊ะ”
“เอ่อ..”
“แม่ขอรายละเอียดมากกว่านี้หน่อยสิจ๊ะ!”
“ม่ายยยยย”
หลังจากนั้นพวกเราก็โดนดุไปตามระเบียบ
“ที่นี่คือโรงพยาบาลนะคะ โปรดเงียบกันด้วยเถอะค่ะ!!”
ขอโทษค่ะ
* * *
และแล้ววันหยุดฤดูร้อนก็ได้จบลง
เทอมใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น และ วันนี้เองก็เป็นวันแรกของการเปิดเทอม
แต่แล้วนี่มันอะไรล่ะ เสียงโหวกเหวกน่ารำคาญสุดๆ
มันไม่ใช่เพราะว่าวันหยุดยาวได้จบลง
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองและเห็นคุณครูโฮมรูมที่เข้ามาสาย และเธอเองได้ได้เคลียร์คอของเธอแล้วพูดขึ้น
ในตอนที่เธอได้พูดออกมาทั้งห้องได้เงียบลง เธอได้พูดออกมาว่า
“วันนี้เป็นวันแรกของเทอมใหม่แล้วก็มีคนที่มาใหม่ด้วย เข้ามาแนะนำตัวได้เลย”
ชิ่งงงง
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วคุณครูก็พูดออกมา “อ่ะ จริงด้วย” แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง
มันเป็นนักเรียนหญิงที่ฉันไม่รู้จัก เธอได้เดินเข้ามาตามที่คุณครูบอก
“ทุกคน เธอเป็นเด็กที่ย้ายมาเรียนกับเราในวันนี้ แนะนำตัวเองหน่อยได้ไหม?”
นักเรียนคนนั้นได้พยักหน้าและก้าวมาด้านหน้า
เธอได้พูดชื่อของตัวเองด้วยภาษาญี่ปุ่นแบบตะกุกตะกัก และประโยคสุดท้ายนั้น
“ฉันมาจากยูเครนค่ะ” (btw ประโยคนี้น้องพูดไม่ชัด)
สายลมที่มาจากทางหน้าต่างได้ทำให้ผมสีเงินของเธอปลิวไสว
และแล้ว เทอมที่ 2 ของ ประถมศึกษาที่ 6 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เปิดตัวฮาเร็มคนใหม่ของอิโรฮะ! ????