“แล้วชุดแบบไหนล่ะที่อิโรฮะชอบ?”
“แล้วก็คนแบบไหนที่อิโรฮะจังชอบหรอ?”
“หญิงสาวเท่านั้นค่ะ! แบบพี่สาวตัวสูงๆหน่อย”
“มั่ย”
“เอ้า!”
จากนั้นพวกเราทั้งคู่ก็ได้พูดไอเดียที่คิดออก
นอกจากนั้นแล้ว ฉันเองก็เรียนรู้รู้ที่จะรีเควสงานที่ตัวเองต้องการ
เพราะจาก 2d โมเดลแรกของฉัน พี่อาเนะเป็นคนดูแลทุกอย่างตั้งแต่สั่งจนได้รับหรือแม้กระทั่งขั้นตอนจ่ายตัง
แถมพี่แกก็ยังพูดอีก “ด้วยในตอนนี้เป็นโอกาศที่ดี เพราะงั้นมาออกแบบกันเองเนอะ!”
เธอเองก็บอกว่าจะอยู่ตรงนี้ตลอด เพราะงั้นฉันเลยไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก
และในตอนที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น พี่อาเนะก็ได้เปิดปากและพูดออกมา
“พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว..”
“อิโรฮะจังกำลังจะคอแลปกับวีทูบเบอร์จากทั่วทั้งโลกใช่มะ!?”
“ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆหรือเปล่า หรือพวกเขาพูดเพื่อขอบคุณซุปเปอร์แชท”
“ไม่หรอกนะ พี่ไม่ได้โกรธจริงๆนะ พี่มีความสุขด้วยซ้ำที่ในที่สุดอิโรฮะจังก็เริ่มเข้าหาวีทูบเบอร์คนอื่นมั่งแล้ว”
“ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ในฐานะแฟนคลับแต่เป็นในฐานะวีทูบเบอร์คนหนึ่ง ฉันต้องเข้าใจความสนุกของการเป็นวีทูบเบอร์ด้วยตัวเอง ฉันคิดว่าในตอนนี้ฉันเริ่มที่จะเข้าใจแล้วล่ะว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ และแน่นอน ฉันขีดเส้นไว้แล้วค่ะ! ”
“แหมๆ เป็นอย่างนั้นเองสิน้าาาา~!”
จ้องงงง พี่เข้าจ้องมองฉันด้วยรอยยิ้ม
ฉันผลักเธออกไปจากหน้าของฉันแล้วพูดออกมา “น่ารำคาญสุดๆเลยค่ะ”
ฉันรีบลุกขึ้นยีนและวางมือที่กลอนประตูเพื่อที่จะหนีออกไป
“จะไปที่ไหนหรอ?”
“จะไปถามไมเกี่ยวกับคำขอที่คุยกันครั้งก่อนค่าาาา”
ฉันรีบปิดประตูที่อยู่ด้านหลังของฉันอย่างรวดเร็ว
แย่สุดๆเลยล่ะ.. หน้าของผมตอนนี้มันร้อนไปหมด
* * * *
“และนั่นแหละนะคือกำหนดการทั้งหมดของฉัน!”
>ความรู้สึกของการที่มีคนจากหลายๆประเทศอยู่รวมกันนี่มันสุดยอดไปเลยน้า
>มันไม่มีวีทูบเบอร์คนไหนที่คอแลปกับวีทูบเบอร์จากหลายๆประเทศทีเดียวกันหรอกนะครับ (สหรัฐ)
>ฉันไม่แปลกใจเลยล่ะที่จะมีคนคอแลปกันเยอะขนาดนี้
ฉันเปิดเผยเกี่ยวกับสตรีมในอนาคตของฉัน
การบอกให้ช่องแชทรู้ก็ครึงหนึ่ง แต่อีกครึ่งคือให้ช่องแชทตรวจสอบเรื่องของการคอแลปด้วย เพราะฉันเองก็กังวลว่าอาจจะมีการรั่วไหลของข้อมูลในการคอแลป
หลังจากที่ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่จะไปเรื่องต่อไปแล้ว
ในตอนนั้นเอง ก็มีซุเปเปอร์แชทอันหนึ่งเด้งขึ้นมา
>¥1,680 ต้องทำยังไงผมถึงที่จะเรียนรู้ภาษาต่างๆได้เหมือนอิโรฮะจังหรอครับ? ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งในการเรียนภาษาเลยครับ และผมเองก็ยังจำภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ด้วย ผมมักจะได้กากบาทสีแดงตลอดเลยในตอนสอบที่โรงเรียน..
“อังกฤษ… ฉันจำภาษาอังกฤษยังไงหรอ..?”
>ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันนะคะ..
>ฉันเองก็ไม่เก่งภาษาต่างประเทศเหมือนกัน..
>ผมก็เหมือนกันเพราะว่าญี่ปุ่นมันเป็นประเทสเกาะล่ะมั้ง?
ในกรณีของฉันแล้ว เพราะฉันมีความสามารถสุดโกงนี้การเรียนรู้สำหรับฉันมันเลยเหมือนแค่การมองผ่านๆ
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันไม่เก่งในด้านการอธิบานว่าฉันเรียนรู้มันได้ยังไง
ฉันสามารถพูดเกี่ยวกับที่ตัวของภาษาได้ ตัวอักษรมันได้ หรือความแตกต่างของภาษา
ถึงยังไงก็ตาม และยิ่งในกรณีแบบนี้ฉันเองก็เริ่มเข้าใจความสามารถของฉันที่เหมือนจะดีขึ้นเพราะฉันป้อนข้อมูลมันเข้าไปซ้ำๆ
หรือจะให้พูดเข้าใจง่ายๆ
ความสามารถของฉันมันเป็นประเภท “เติบโต”
เวลาที่ฉันใช้ในการเรียนรู้แต่ละภาษามันเริ่มสั้นลงขึ้นเรื่อยๆ
และแน่นอนว่ามันก็ขึ้นอยู่กับภาษาที่เรียนด้วยนั่นแหละ
ฉันพึ่งมารู้ตัวก็ตอนเมื่อที่ฉันเรียนรู้ภาษายูเครนด้วยแค่เวลาสั้นๆ
และฉันก็ยังเรียนภาษาอังกฤษแบบบลิทิชในเวลาแปปเดียวอีก
“โอเคทุกคน.. งั้นที่ทุกๆคนสงสัยก็คือ “ทำไมคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถึงแย่ในภาษาอังกฤษ” มันน่าจะโอเคนะถ้าฉันจะอธิบายแบบนี้ ฉันจะลองพูดเกี่ยวกับมันนะ ถึงแม้มันจะดูนอกเรื่องไปนิดหน่อยจากคำถามแรกที่ว่า “ทำยังไงถึงจะจำภาษาอังกฤษได้” ”
>เย่ ผมรอเวลานี้มาตั้งนาน
>เย่
>ฉันดูสตรีมของเธอเพื่อที่จะรอฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยล่ะ
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ แค๊กๆ ฟังกันให้ดีนะ..”
ฉันเปิดปากของฉันออกมาอย่างช้าๆ ด้วยความกังวล
“ทำไมคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถึงแย่ในภาษาอังกฤษ..? ฉันคิดออกได้หลายเหตุผล”
ฉันพยายามคิดคำพูดที่มันอยู่ด้านในหัวของฉัน
และเพราะมันเป็นแค่ทฤษฎี ฉันเลยไม่สามารถการันตีได้ถึงความแม่นของมัน แต่ว่า..
“และเหตุผลแรกเลยที่ฉันคิดออกก็คือ “ความจำเป็น” จากการที่ฉันเห็นในคอมเม้นผ่านๆ ยิ่งพวกนายอยู่ในญี่ปุ่นกันนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่มีโอกาศให้พวกนายใช้อย่างอื่นนอกจากภาษาญี่ปุ่น ถ้าพวกนายไม่ใช้มันพวกนายก็ไม่มีโอกาศที่จะเรียนรู้มัน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีแค่ในญี่ปุ่นนะ”
>เป็นอย่างงั้นเองหรอเนี่ย..?
>ผมมีภาพในหัวตลอดเลยล่ะว่าชาวต่างชาติจะมีภาษาที่สองเสมอ
>ผมก็นึกว่าทุกๆคนสามารถพูดอังกฤษได้ซะอีก
“ใช่นั่นก็ถูกส่วนหนึ่ง เพราะมีหลายๆประเทศที่คนในประเทศสามารถพูดภาษาอังกฤษกันได้อย่างคล่องแคล่ว แต่พวกนายรู้ไหมล่ะในประเทศที่คนทั้งประเทศพูดภาษาอังกฤษ ฉันยกตัวอย่างเป็นสหรัฐเองก็แล้วกัน คนในประเทศนั้นปฏิเสธที่จะเรียนรู้ภาษาที่ 2 คล้ายกับญี่ปุ่นสุดๆเลยล่ะจากเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ในตอนแรก คือ มันไม่จำเป็น”
และฉันก็เพิ่มเข้าไป “และแน่นอน นั่นไม่ใช่เรื่องทั้งหมดที่ฉันจะพูด”
คนอเมริกัาหลายคนเชื่อว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาครอบจักรวาล และความจริงก็ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่พวกเขาคิดมันไม่ผิด
“ในทางตรงกันข้ามแล้ว มีหลายๆประเทศที่คนในประเทศเองก็เรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยที่ไม่จำเป็น เช่น เรื่องราวของอินเดียที่เกิดขึ้นจริง”
ด้วยจำนวนประชากรราวๆ 1.4 พันล้านซึ่งเทียบได้พอๆกับจีน
ถ้าให้เทียบจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงจากประชากรบนโลกละก็ ทางทิศเหนือก็คงเป็นประเทศอินเดีย
“และในอินเดียนั้นเองก็มีจำนวนภาษาที่คนในประเทศนั้นชื่นชอบกันค่อนข้างเยอะ ถ้าให้บอกเป็นจำนวนก็คงมากกว่า 20 ภาษา และในหมู่คนอินเดียด้วยกันมันกลายเป็นเรื่องปกติไปเลยที่จะคุยกันไม่รู้เรื่อง”
ดังนั้นในตอนที่พวกเขาจะต้องเข้าสู่ระบบการศึกษาของโรงเรียน ก็ได้เกิดปัญหา
เรื่องแรกเลยก็คือ พวกเขาไม่เข้าใจในตัวภาษา
และนั่นเป็นเรื่องราวก่อนที่จะเข้าระบบการศึกษาด้วยซ้ำ
“ก่อนที่จะเรียนภาษาอะไรภาษาหนึ่ง เราต้องหาภาษาที่เราต้องใช้เป็นอย่างแรกซะก่อน”
ถ้าให้เปรียบเทียบมันก็เหมือนกับว่าเราไม่มีเสื้อผ้าและไปที่ร้านขายเสื้อผ้านั่นแหละ
มันเหมือนที่จะเป็นมุขตลก แต่เอาจริงๆแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะอะไรอย่างงี้
มันก็มีเหมือนกันนะ