狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน – ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้นหมีโลลิแทนคุณครั้งแรก

狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

04 จุดเริ่มต้นความกตัญญูครั้งแรก

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

 

ขณะที่ฉันกำลังมองดูโลกภายนอกที่สว่างไสวขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในห้อง

 

เธอคือผู้หญิงที่เข้ามาดูอาการฉันกลางดึก……ดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นสาวใช้ กะแล้วว่าต้องเป็นคนรับใช้

 

――หืม? ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่ง

 

ไม่มีช่องว่างในการเคลื่อนไหวและการวางเท้า ลำตัวแน่น รูปร่างปานกลาง ไม่ถึงกลับสร้างมัดกล้าม อาจเป็นเพราะมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

แต่ถ้าถามฉัน ก็คงผอมเกินไป อยากจะบอกให้กินเนื้อให้เยอะ ๆ เลยล่ะ

 

ยังไงก็ตาม น้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อสามารถชดเชยด้วยอาวุธได้เป็นส่วนใหญ่ สาวใช้คนนี้ ฉันเดาว่าเธอเป็นประเภทที่สามารถใช้อาวุธได้สบาย ๆ

อันที่จริง ดูเหมือนเธอจะซ่อนอาวุธไว้ใต้กระโปรง

 

ม๊า แต่ก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ในระดับที่ยังสามารถเอาชนะได้แม้จะนอนอยู่ก็ตาม ไม่พอเป็นตัวเลือกด้วยซ้ำ

 

“คุณหนูคะ รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?”

 

คุณหนู

ฉัน

ว่าแล้ว เนีย รู้สึกเหมือนจะเป็นลูกสาวของตระกูลร่ำรวยสินะ

 

ฉันคนนี้ เป็นคุณหนู……

 

ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันนิดหน่อย แต่ ม๊า ถ้าต้องมีชีวิตอยู่ในฐานะของเนียแล้ว ฉันเดาว่ายังไงก็ต้องรีบชินเข้าไว้

 

“………”

 

ถึงยังงั้นก็เถอะ ฉันควรจะตอบยังไงดี

เนียเป็นเด็กผู้หญิงแบบไหน และเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกับสาวใช้คนนี้

 

ทว่า ――เธอไม่สนใจที่ฉันไม่ตอบคำถาม สาวใช้เข้ามาใช้แขนโอบหลังฉันแล้วยกร่างกายส่วนบนขึ้น

 

เมื่อดูจากสถานการณ์นี้ เนียอาจเป็นเด็กประเภทที่ไม่ค่อยพูดมากนัก

หรืออาจหมายถึง บางทีเธอจะเป็นซึมเศร้ามาตั้งแต่แรกแล้ว

 

――ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

 

เธออ่อนแอมากจนแทบเดินตามใจอยากไม่ได้

เป็นเรื่องที่ทำใจยาก แม้ไม่ใช่เด็กก็ตาม

 

“ได้เวลาทานอาหารแล้วค่ะ”

 

โอ้ อาหารเหรอ

 

พูดตามตรง ฉันไม่มีความอยากอาหารเลย และไม่คิดว่าจะอยากด้วย

แต่ มนษย์ไม่สามารถมีชีวิตได้หากไม่ทานอาหาร การที่ร่างกายนี้อ่อนแอ อาจเป็นเพราะเธอไม่ยอมกินอาหารในระดับขั้นต่ำสุดด้วยล่ะมั้ง

 

ถ้ามองไปที่มือของตัวเอง มันทั้งเล็กและผอมเกินไป เห็นกระดูกใต้ผิวหนังได้อย่างชัดเจน มันซีดจนทำให้ฉันรู้สึกกังวลใจว่ามีเลือดไหลเวียนอยู่จริง ๆ ไหม

ฉันยังไม่ได้เห็นร่างกายตัวเองแบบเต็ม ๆ แต่แค่มือที่เห็นอยู่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าร่างกายอ่อนแอรุนแรงแค่ไหน

 

แค่ได้เห็นแค่นี้ ถึงจะไม่ต้องการร่างกาย ก็ยังตัดสินใจได้ว่าต้องเติมเต็มสิ่งที่จำเป็นให้เต็มอีกครั้ง

 

การเยียวยาด้วย「คิ」เองก็มีขีดจำกัด

 

แหล่งพลังงานพื้นฐานซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ「คิ」ก็คืออาหารนั่นเอง ไม่สามารถขาดได้ 「คิ」สามารถรักษาความเจ็บป่วยได้ แต่「คิ」ไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า

 

ตอนนี้ยังไงก็ต้องกินอยู่แล้ว

 

เพื่อให้สร้าง「คิ」ได้

 

 

 

“อูฟู๊ว”

 

กินล่ะนะ

ข้าวต้มมีรสชาติกลมกล่อม ของต้มก็นิ่มมากจนเกือบเละ

 

ยังไงก็ตามก็เป็นอาหารที่ให้ความรู้สึกเหมือนอาหารคนป่วย แม้จะดีต่อระบบย่อยอาหารและรสชาติจืดก็ตาม มีแต่สิ่งที่ไม่น่าพอใจสำหรับฉัน แต่มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับร่างกายของเนียในตอนนี้

 

สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องได้กินเนื้อชุ่มเลือด…..ไม่ ไม่ไหว ตอนนี้แค่นึกถึงก็ทำให้อยากอ้วกแล้ว

 

“ม๊า มื้อนี้ทานได้จนหมด!?”

 

ฉันแค่ดันทุรังฝืนยัดเข้าจนหมดเท่านั้น แต่ดูเหมือนสาวใช้จะทั้งประหลาดใจและดีใจ ……แต่ฉันรู้สึกถึงสิ่งที่ฉันดันทุรังยัดเข้าปากและท้องกำลัง

 

“อุ๊บ”

 

ฉันพยายามปฏิเสธสิ่งที่กำลังไหลย้อนกลับมา พยายามดันกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า ได้แต่ปิดปากและอดทน ย่อย เร็วเข้า แต่ปฏิเสธไปเท่าไหร่ก็ยันจะอ้วกให้ได้อยู่ดี

 

“ยา……อา เป็นแบบนั้นสินะคะ”

 

ฉันส่ายหน้าขณะปิดปาก เป็นการส่งสัญญาณว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว และสาวใช้ก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

 

ดูจากท่าทางประหลาดใจของสาวใช้ที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ น่าจะมาจากที่ฉัน ที่เนียแสดงความอยากอาหารออกมาอย่างน่าตกใจ――แต่การฝืนยัดเข้าไปเพราะคิดว่าจำเป็น ฉันไม่อยากจะเรียกว่าเป็นความอยากอาหารเลย

 

ดูเหมือนว่าชีวิตแบบนี้จะดำเนินต่อไปสักพัก

 

 

 

ชีวิตการต่อสู้แบบนี้ดำเนินไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ล่ะมั้งนะ

 

บางทีอาจเป็นเพราะฉันฝืนตัวเองให้กินหมดทุกมื้อ ทำให้ปริมาณอาหารค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อย ฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวและฝืนบังคับตัวเองต่อไป

 

หลังจากได้รับยากล่อมประสาท ยาสมุนไพรวิเศษที่ออกฤทธิ์ต่อปอด และยานอนหลับเล็กน้อย รวมทั้งผลของการหมุนเวียน「คิ」อย่างต่อเนื่องในสภาวะหลับใหลเสมอ

 

ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะออกมาในเร็ว ๆ นี้

 

ทีละเล็กทีละน้อย ฉันเริ่มตั้งตารอเวลาทานอาหาร และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็เริ่มมีผลไม้และของหวานเล็ก ๆ น้อย ๆ มากับมื้ออาหาร

ฉันดีใจที่มีการเปลี่ยนแปลงในรสชาติของอาหารที่ไม่น่าพอใจแต่ดีต่อการย่อยอาหารตามปกติ ช่วยไม่ได้ แต่ฉันมีความสุขมากเหลือเกิน

 

จำนวนครั้งอาการไอที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจะตายในแต่ละครั้งเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าร่างกายจะยังอ่อนแอเหมือนเดิม แต่ก็มีพลังเหลือพอจนอยากขยับร่างกายแล้ว

 

หมายความว่าฉันเริ่มแสวงหาชีวิต

ร่างกายนี้ที่มักกรีดร้องทั้งตัวลงไปจนถึงอวัยวะภายใน และอ่อนล้าอยู่เสมอ

 

หลังจากทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในที่สุดฉันก็หาทางพัฒนา「คิ」ในร่างกายของเนียให้ดีขึ้นได้แล้ว

 

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่นานฉันก็น่าจะสามารถตัดหัวสัตว์อสูรขนาดเล็กด้วยดาบมือได้แล้ว หากมีกำลังกายมากพอ ก็น่าจะสามารถเดินผ่านดันเจี้ยนง่าย ๆ ได้เช่นกัน สามารถอยู่ได้แม้แต่ในพื้นที่อันตรายระดับสี่ ถ้ามีพละกำลังล่ะนะ

 

“คิดว่ายังไงค่ะ คุณหนู อยากออกไปข้างนอกสักหน่อยไหมคะ?”

 

ขณะรับประทานอาหารเช้าที่ครั้งนี้ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นเคยอยู่ ริโนกิสซึ่งเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเนียก็พูดขึ้นแบบนั้น

 

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้พยายามดึงข้อมูลรอบ ๆ ตัวเนียออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

 

สาวใช้คนนี้คือ ริโนกิส อายุสิบหกปี 

หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แผนกการผจญภัย โรงเรียนอาร์ตัวร์ เธอก็ได้รับการว่าจ้างให้มาอาศัยอยู่กับตระกูลลิสตันเมื่อครึ่งปีที่แล้ว

 

แม้ว่าเนียจะเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่อ่อนแอ แต่เธอก็พึ่งอาการทรุดหนักลงเมื่อครึ่งปีที่แล้ว

เธอเป็นคนรับใช้ใหม่ที่พึ่งได้รับการว่าจ้างให้มาเป็นผู้ดูแลโดยเฉพาะ และดูเหมือนว่าจะได้รับการคาดหวังจากทักษะพิเศษต่าง ๆ ที่มีอีกด้วย

 

แต่จากมุมมองของเธอคงเป็นงานที่ยากลำบากแน่นอน

งานที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมด การดูแลเด็กที่อ่อนแอลงทุกวัน……นั้นเป็นงานที่ไร้ความปรานีที่ต้องตัดเรื่องหยุมหยิมออกไป และความวิตกกังวลอีกนับไม่ถ้วน

 

“ข้างนอก……”

 

หลังจากพูดแบบนั้น ฉันก็มองไปที่หน้าต่างบานใหญ่

 

ตอนนี้ม่านเปิดออกทำให้มองเห็นท้องฟ้าสีคราม ที่นี่ดูเหมือนจะอยู่บนชั้นสอง ดังนั้นฉันจึงไม่เห็นสิ่งอื่นใด

 

ข้างนอกเหรอ

ข้างนอกสินะ

 

“ทันเวลาที่จะไปส่งท่านพ่อท่านแม่ไหม?”

 

ความรักอันหนักหนา หรืออ่านบรรยากาศไม่ออก หรือทั้งสองอย่าง จะออกไปที่ไหนสักแห่งเพื่อทำงานทุกวัน

และกลับมาเจอหน้าในตอนเย็น และเจอหน้าก่อนนอน

 

ตามคำบอกเล่าของริโนกิสดูเหมือนพวกเขาจะยุ่งทุกวัน

 

แล้วก็ดูเหมือนจะเคยมาหาในตอนเช้าด้วยเหมือนกัน แต่ก็โดนห้ามไป

 

พวกเขามาในวันหลังจากที่ฉันกลายเป็นเนีย และในเช้าวันที่สอง แต่ริโนกิสได้พูดห้ามเอาไว้ไม่ให้มาในตอนเช้า

ตอนเช้าไม่สมควรอย่างยิ่ง และฉันเองก็ยุ่งมากกับการต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย

 

ยังไงอีกไม่นานพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมของฉันก็ต้องออกไปไกลกว่าห้องนี้อยู่แล้ว

ถ้าทั้งสองคนเป็นกังวลเรื่องฉันทุกวันแบบนี้ การไปแสดงให้เห็นว่าค่อย ๆ ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อยให้สบายใจ ก็คงพูดได้ว่าเป็นการแสดงความกตัญญูในรูปแบบหนึ่ง

 

“ไม่ค่ะ……นายท่านและนายหญิงต่างออกไปแล้วค่ะ”

 

อย่างงั้นเหรอ

หรือก็คือ หมายความว่าแบบนั้นสินะ

 

“อย่างที่เดาไว้ การให้หยุดมาเยี่ยมในตอนเช้าดูจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว ไม่อย่างงั้นคงรบกวนมากเกินไป”

 

เวลาอาหารของฉันไม่เปลี่ยนแปลง

และเวลาที่พ่อแม่จะมาหาฉันตอนเช้าได้ก็ต้องเป็นเวลาอาหาร

 

หลังจากการขอให้หยุดมาหาฉันในตอนเช้า ผลที่ปรากฎให้เห็นคือ พวกเขาไปทำงานเร็วกว่าเวลาอาหารของฉัน แสดงให้เห็นว่าการมาหาฉันในตอนเช้านั้นเป็นภาระจริง ๆ หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ก็ยังอุตสาพยายามใช้เวลาให้กับฉันอย่างเต็มที่

 

“น่าเศร้าใจจริง ๆ นะคะ…..ที่ทั้งสองท่านเห็นงานสำคัญกว่าคุณหนู”

 

ความรักอันหนักหนา บางทีก็ต้องเป็นเช่นนั้นเช่นกัน

 

“แต่ที่ฉันสามารถอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ก็เพราะท่านพ่อท่านแม่ทำงานหาเงินมาให้ แค่อาการป่วยก็สร้างปัญหาให้มากพอแล้ว เพราะอย่างงั้นฉันไม่อยากสร้างภาระเพิ่มมากกว่านี้แล้ว”

 

ถ้าฉันเป็นลูกแท้ ๆ ของพวกเขา ไม่แน่ฉันอาจจะไม่คิดแบบนี้กับพ่อแม่ของตัวเอง

บางทีฉันอาจยอมรับความรักโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่แน่อาจจะทำเพียงแค่ยิ้ม

 

แต่ในกรณีของฉันสิ่งต่าง ๆ ต่างออกไปเล็กน้อย

แม้ว่าฉันจะกลายเป็นเนียแล้ว แต่ฉันก็ไม่ใช่เนีย จึงไม่สามารถรับความรักนี้เอาไว้ได้

เช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยฉันก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่สร้างความเดือดร้อนเกินจำเป็น

 

ด้วยเหตุผลนั้น ฉันจึงต้องรักษาอาการป่วยโดยเร็ว

 

“พรุ่งนี้จะออกจากห้อง เวลาอาหารเช้าเร็วขึ้น แล้วไปพบกับท่านพ่อท่านแม่”

 

“……รับทราบแล้วค่ะ”

 

ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดยังไง แต่ริโนกิสขมวดคิ้วเล็กน้อยและยิ้ม

 

“……ยังไงดี ดิฉันรู้สึกว่าคุณหนูมีความเอาใจใส่มากกว่าที่ดิฉันมีให้ค่ะ”

 

หืม?

 

“ไม่ปกติเหรอ?”

 

แม้แต่เด็กก็ยังมีความห่วงใยพ่อแม่ในแบบของตัวเองเท่าที่จะทำได้

 

“ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ด้วยสถานะของดิฉัน…….”

 

อ้า งั้นเหรอ ริโนกิสได้รับความเอาใจใส่ไม่เพียงพอสินะ

 

“ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่ดูแลตัวเองไม่ได้จะไม่เป็นที่นิยม”

 

“……บอกไว้ก่อนนะคะว่าเด็กผู้หญิงที่อายุเลขหลักเดียวก็ไม่เป็นที่นิยมเหมือนกันค่ะ……”

 

 

 

หนึ่งวันที่เหมือนไม่วันสิ้นสุดได้จบลง และเริ่มวันถัดไป

 

หลังกินอาหารเช้าที่มาเร็วขึ้นตามที่สั่งไว้ ฉันก็ถูกจับวางลงในรถเข็น

ล่าสุด ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่ความรู้สึกปฎิเสธอาหารหายไปแล้ว จึงไม่รู้สึกอยากอ้วกอีกแล้ว

 

แต่ต้องทรมานในแง่ของปริมาณแทน

ปรืมาณกำลังเพิ่มขึ้นอย่างประณีตทุกมื้อ ทีละเล็กทีละน้อย ครั้งละหนึ่งช้อนขยายท้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อออกจากห้องและเคลื่อนไปตามทางเดินปูพรม――ก็เจอพ่อบ้านชรายืนอยู่ ตรงนั้นคือห้องโถงหน้าประตูทางเข้าที่มีบันไดทอดลงไปที่ชั้นหนึ่ง

 

เขาเป็นพ่อบ้านที่รับใช้บ้านหลังนี้มาเป็นเวลานาน

เขามีรูปร่างสูงและผอมเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว แต่ฉันไม่สามารถมองข้ามกล้ามเนื้อคุณภาพสูงที่ห่อหุ้มรอบกระดูกภายใต้ชุดของเขาได้

 

ตอนนี้ยังแข็งแกร่งอยู่

แม้ตอนนี้จะดูแก่และอ่อนแอลงมาก แต่เขาต้องแข็งแกร่งกว่าตอนนี้หลายเท่าในยุครุ่งเรือง

 

――ม๊า ไม่ว่าในยุครุ่งเรืองจะเป็นยังไง แต่พ่อบ้านในตอนนี้ ฉันสามารถเอาชนะได้ด้วยนิ้วก้อยเพียงนิ้วเดียวแม้ว่าจะนั่งรถเข็นอยู่ก็ตาม ส่วนในยุครุ่งเรือง แค่แขนซ้ายเพียงข้างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันในตอนนี้

 

พ่อบ้านชรามองมาที่พวกเราที่ออกมาจากห้องและพยักหน้าให้ ก่อนเดินลงไปข้างล่าง ฉันเดาว่าทางนั้นน่าจะกำลังเตรียมตัวขั้นสุดท้ายกันแล้วแน่นอน

 

เมื่อพวกเรามาถึงจุดที่มองเห็นโถงทางเข้าได้ ฉันก็เห็นพ่อกับแม่สวมชุดสูทแต่งตัวหรูหรากำลังมุ่งหน้าไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

 

“――ท่านพ่อ ท่านแม่”

 

ฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสียงออกไป

เป็นเสียงดังแค่เล็กน้อยสำหรับคนธรรมดา แต่บางทีนั่นก็เพียงพอแล้ว

 

ยังไงก็ตามเสียงของฉันก็ส่งไปถึงพ่อแม่ที่วันนี้ก็ดูงานยุ่งอีกเช่นเคย

 

“”เนีย!””

 

เมื่อพวกเขาหันกลับมา และเห็นฉันนั่งรถเข็นออกมาส่ง พวกเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ

 

――อาจเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็สามารถทำสิ่งหนึ่งเพื่อแสดงความกตัญญูในฐานะเนียได้แล้วล่ะมั้ง

狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

Status: Ongoing
คุณหนูโลลิคลั่ง เนีย・ลิสตัน นามของวีรสตรีคนใหม่ล่าสุดที่จะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์นับจากนี้ ผู้สังหารสัตว์ประหลาดด้วยมือเปล่า ผู้เหยียบย่ำฝนโลหิต 《เรด เรน 》 ฮีลเลอร์ขาว ผู้เยี่ยวยาช่วยเหลือเหล่าผู้บาดเจ็บ ทุกข์ทรมาน ผู้สังหารอัศวิน แม้แต่ชุดเกราะที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไร้ความหมาย ผู้ปรารถนาความตาย ที่แสวงหาการต่อสู้ที่มีเพียงความตาย นอกจากนี้ยังมี คุณหนูจอมอาละวาด、 นางฟ้าคำราม、 เจ้าหญิงทรราช、 การแต่งรำแห่งการทำลายล้าง、 ฯลฯ เธอผู้ถูกเรียกด้วยฉายาต่าง ๆ แต่ที่โด่งดังที่สุดคือ ชื่อ 「คุณหนูคลั่ง」 ชื่อของเธอจะถูกจารึกไว้ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป บันทึกการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของคุณหนูคลั่ง ผู้คู่ควรกับนามแห่งวีรสตรี และวิถีแห่งวีรสตรี ที่ถึงแม้จะไม่ต้องการ แต่ก็จะยังขอก้าวเดินต่อไป โดยไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ คุณหนูคลั่ง เนีย・ลิสตัน เรื่องราวของเธอเริ่มต้นในคืนหนึ่ง . . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท