23 บอกลาพี่ชายที่รีบไปก่อนเวลาปิดประตู、ไปพบคุณนายไลม์
เมื่อมาถึงท่าเทียบเรือเหาะจุดหมาย พวกเราก็ถือว่าเหยียบแผ่นดินของเมืองหลวงอาร์ตัวร์ได้อย่างปลอดภัย
ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นท่าเทียบเรือเหาะสำหรับนักเรียนของสถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์เท่านั้น และสามารถปล่อยให้ลูกเรือทำงานส่วนที่เหลือที่ท่าเรือเหาะได้เอง
“――นีลซามะ ใกล้ได้เวลาแล้วค่ะ”
ทันทีที่ลงจากเรือเหาะ ลินเนตต์สาวใช้ส่วนตัวของพี่ชายก็บอกเช่นนั้น พี่ชายตอบสนองด้วยการพยักหน้า 「อา เข้าใจแล้ว」
“เนีย พี่ขอโทษ แต่ใกล้ได้เวลาแล้ว”
“เวลาปิดประตูนะคะ กรุณาไปก่อนได้เลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เดิมทีกำหนดการเดินทางควรจะมีเวลาเหลือพอสมควร แต่ตารางเวลาทั้งหมดก็ค่อย ๆ เลื่อนออกไปทีละนิด นับตั้งแต่ขึ้นเรือเหาะ ผลลัพธ์คือมาถึงทันเวลาอย่างฉิดเฉียด
การหลีกเลี่ยงเมฆคิวมูโลนิมบัส*ขนาดใหญ่ทำให้เสียเวลาไปมาก
(*เมฆก้อนที่ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง)
ฉันฟังมาระหว่างทางมาที่นี่
เวลาปิดประตูหอพักของสถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์ แผนกประถมค่อนข้างเร็ว ถ้าไม่กลับหอพักภายในเวลานั้น ประตูจะถูกปิดทันที
ถ้ามาสายเกินเวลาปิดประตู ก็จะไม่สามารถเข้าหอพักได้จนกว่าจะถึงเช้าวันถัดไป แปลว่าจะต้องไปค้างคืนที่อื่น
วันหยุดฤดูใบไม้ผลิยังมีต่ออีกสองถึงสามวัน ดังนั้นการอยู่ข้างนอกจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ดูเหมือนว่าพี่ชายคิดที่จะกลับไปที่หอพักให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เนื่องจากตระกูลลิสตันประสบปัญหาทางการเงิน เลยต้องการหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
“ขอโทษนะ แล้วเจอกัน”
หลังจากบอกลาไม่กี่คำ พี่ชายกับลินเนตต์ก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปยังเมืองหลวงที่ย้อมไปด้วยแสงอาทิตย์อัสดง
ต่อไปก็
“พวกก็ไปกันเลยไหม”
“ค่ะ”
ถึงจะล่าช้าไปสักหน่อย ในที่สุดฉันกับสาวใช้ส่วนตัวริโนกิสก็เริ่มออกเดินเช่นกัน
เมืองหลวงอาร์ตัวร์
ตามชื่อ เป็นเมืองศูนย์กลางของอาณาจักรอาร์ตัวร์อันเจริญรุ่งเรือง มีทั้งปราสาท และเชื้อพระวงศ์อาศัยอยู่ สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวง
เมืองเพียงแห่งเดียวที่อยู่บนแผ่นดินที่หยั่งรากลงในทะเล ในอดีตพวกเขาออกค้นหาทรัพยากรในดินแดนอันกว้างใหญ่ ล่าสัตว์อสูรที่อันตราย และขยายอาณาเขตของมนุษย์
ในปัจจุบันพาหนะในการเดินที่เรียกว่าเรือเหาะ และหลังจากนั้นระบบโลจิสติกส์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อทุกสิ่งมารวมกันก็กลายเป็นเมืองใหญ่
เมื่อสิ่งต่าง ๆ มารวมกัน ผู้คนก็รวมกันด้วย
เกาะหลักของดินแดนลิสตันก็เจริญรุ่งเรืองในแบบของตัวเองเช่นกัน แต่เทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย
เป็นเมืองใหญ่อย่างแท้จริง
เมืองที่ทอดยาวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากมุมด้านใต้ที่หันหน้าเข้าหาทะเลนั้นกว้างใหญ่ถึงขนาดที่ว่าต่อให้เดินทั้งวันก็ไม่สามารถเดินจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้
――และถึงแม้ฉันจะได้ฟังคำอธิบายมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อได้เห็นจริง ๆ ก็ต้องรู้สึกว่าเป็นผลงานชิ้นเอกเลยจริง ๆ
ยังไงก็ตามมีผู้คนมากมาย มีชีวิตชีวา และล้นไปด้วยสิ่งของ
พูดตามตรง สำหรับฉันที่สูงแค่เอวถึงหน้าอกของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ฝูงชนจึงกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญที่ทำให้ระยะการมองเห็นของฉันแคบลง
“คุณหนูค่ะ โปรดตามดิฉันมาอย่าให้คลาดสายตาเลยนะคะ”
“ได้”
ริโนกิสจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเธอรู้เรื่องเมืองหลวงดีในระดับหนึ่ง
คุณนายไลม์กำลังรออยู่ ดังนั้นจะสายไม่ได้
จะเที่ยวเตร่เปล่าประโยชน์ไม่ได้ จึงต้องปล่อยให้เธอนำทางไป
“ถ้าต้องการจะจับมือดิฉันไว้ก็ได้นะคะ”
“มือเธอถือสัมภาระอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“อะ นั่นสินะคะ จ๊า งั้นจับแขนเสื้อไว้แทนก็แล้วกันไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ รีบไปกันเถอะ”
ฉันไม่ได้อยู่ในวัยที่จะหลงทางในฝูงชน เนียอาจจะอายุแค่ห้าขวบ แต่ฉันแน่ใจว่าตัวเองทั้งแก่ทั้งเป็นผู้ใหญ่มากพอ
“……ไม่คิดว่าดิฉันขาดแคลนสกินชิพกับคุณหนู ตั้งแต่ที่คุณหนูเลิกนั่งรถเข็นเหรอคะ”
ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอพูดสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ
“ยังไงก็เถอะจะไม่รีบไปแล้วรึไง?”
“เด็ก ๆ ช่างโตเร็วเหลือเกิน……ดิฉันเหงาเหลือเกิน”
ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าสิ่งที่เธอพูดหมายความว่ายังไง …..คือยังไง? ถึงจุดที่ความเป็นแม่ของริโนกิสเกิดตื่นขึ้นมางั้นเหรอ
ม๊า เราควรไปกันได้แล้ว คุณนายไลม์กำลังรออยู่
ฉันเร่งริโนกิสซึ่งอิดออดในขณะที่บ่นเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เข้าใจให้รีบเข้าไปในฝูงชน
“บริเวณนี้เป็นย่านการค้าค่ะ มีคนไม่มากเท่าเขตอื่น ๆ ค่ะ”
อย่างที่ริโนกิสพูด ย่านการค้า……หลังจากผ่านพื้นที่ที่มีแผงลอยและร้านค้าเรียงราย จำนวนคนก็ลดลงมาก
“นี่คือเมนสตรีทสิค่ะ โฮร่า”
ริโนกิสที่มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยสัมภาระหันไปยังอีกฝั่งของเมนสตรีท
ฉันเองก็หันไปด้วยเช่นกัน และ――อะ
“เห็นใช่ไหมคะ 『ทิวทัศน์อันงดงาม』”
『ทิวทัศน์อันงดงาม』ที่เผยแพร่จากช่องของเมืองหลวง เป็นรายการที่แสดงให้เห็นมุมมองที่ดีที่สุดของโลก
เป็นหนึ่งในไม่กี่รายการที่ฉันได้รับอนุญาตให้ดู
――นั่นคือภาพที่กำลังเห็นอยู่
ร้านค้าหรูหรามีสไตล์ตั้งเรียงรายอยู่บนเมนสตรีทที่กว้างขวาง และปราสาทอันงดงามอยู่อยู่เป็นฉากหลัง
เป็นภาพสะท้อนที่ถ่ายทำออกมาชักจูงได้เล็กน้อยล่ะมั้ง
เนื่องจากมีการออกอากาศซ้ำหลายครั้ง ดังนั้นฉันจึงเห็นฉากนี้หลายครั้งเช่นกัน
ไม่เหมือนกับในแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ การได้เห็นในชีวิตจริงช่างน่าประทับใจ เพราะหากมองผ่านแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ขนาดสิ่งต่าง ๆ ย่อมดูเล็ก
หลังจากชมปราสาทหลวงซึ่งถูกย้อมด้วยสีแดงแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่ที่เราตามหา ――นั่นคือร้านอาหาร 「คุโรยูริ โนะ คาโอริ*」
(*กลิ่นหอมของลิลลี่ดำ)
――ยินดีต้อนรับครับ ลิสตันซามะ กระผมจะนำทางไปยังที่นั่งให้นะครับ”
ดูจากลักษณะแล้ว เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์
ฉันบอกให้ริโนกิสนำกระเป๋าไปที่โรงแรมที่จองเอาไว้แล้วค่อยตามสมทบ ส่วนฉันตัดสินใจที่จะเข้าไปในร้านก่อน
ทันทีที่ฉันเข้ามาในร้าน ฉันก็ได้รับการต้อนรับจากบริกรวัยกลางคนที่ดูสง่า ……เลือกลูกค้าที่ตามพอใจ สมกับเป็นร้านชั้นสูงอย่างที่คิด บางทีหากไม่ได้รับการแนะนำ ลูกค้าที่มาเป็นครั้งแรกก็คงถูกปฏิเสธในทันทีเลยล่ะมั้ง
“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณนานไลม์?”
“ท่านมาถึงพร้อมกับแขกท่านอื่นแล้วครับ เช่นนั้น เชิญทางนี้ครับ”
บริกรนำทางไปยังโต๊ะภายในร้าน……ไม่สิ ไปยังทางเดินแคบด้านข้าง
“ห้องส่วนตัวเหรอคะ?”
“ครับ อยู่ทางนี้ครับ”
หลังจากเคาะและได้รับคำตอบจากข้างใน เขาก็เปิดประตูโดยไม่มีเสียง
และจากนั้นฉันก็ยืดหลังตรงและก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัว
“――ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คุณนายไลม์”
หญิงที่เป็ยขุนนางระดับขั้นที่สาม และปัจจุบันทำหน้าที่เป็นครูสอนพิเศษด้านมารยาทให้กับขุนนาง――เฮเลน่า・ไลม์จ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยนแต่ไร้ช่องว่าง
“ไม่พบกันนานเลยนะจ๊ะ เนียซัง”