101 ท้ายที่สุดฉันก็ตัดสินใจที่จะรับทั้งร่างกายและจิตใจทั้งหมดในทีเดียว
“เส้นทางได้รับการตัดสินใจแล้ว”
ใกล้จะได้เวลาอาหารกลางวันแล้วสินะ
พวกเรามาถึงเกาะแห่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เวลาพึ่งผ่านไปได้เพียงครึ่งวันเองเท่านั้น
ฉันกลับมาที่ห้องก่อน เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการพูดคุยกับพระราชาให้กับริโนกิสที่กลับมาอย่างหมดแรง
จากนั้น ค่อนพูดคุยเกี่ยวกับแผนการหาเงิน
“เส้นทางเหรอคะ?”
ริโนกิสรีบอาบน้ำเพื่อล้างเหงื่ออย่างรวดเร็ว และสวมชุดสาวใช้ตามปกติ
“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล่าสัตว์อสูรหรือบุกเบิกเกาะลอยฟ้าล่ะนะ”
ค่อนข้างไม่มีทางเลือกอื่น
“ม๊า ก็ตั้งพันล้านครัมแหละ”
ใช่
ฮิลเดโทร่าบอกว่าถึงแม้จะทำงานอย่างหนัก แต่ก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่มีทางไปถึง ในกรณีนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมุ่งแสวงโชคอย่างรวดเร็ว
“พูดตามตรง ดิฉันคิดว่าเป็นจำนวนเงินที่บ้ามากที่จะจ่ายด้วยตัวคนเดียวแบบนี้”
เป็นแบบนั้นเลยเหรอ
ยังไงก็ตาม ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าหนึ่งพันล้านครัมมีค่าแค่ไหนอยู่ดี
“เงินเดือนของริโนกิสเท่าไหร่เหรอ?”
“คุณหนู เป็นคำถามที่เสียมารยาทมากเลยนะค……อะ ค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันได้รับเงินเดือนจากตระกูลลิสตันราวสี่แสนครัมต่อเดือนค่ะ”
ริโนกิสรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว เธอน่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของฉันที่ไม่ได้ถามเพราะความอยากรู้อยากเห็น
“สี่แสนครัม เยอะไหม?”
“ในฐานะสาวใช้ของตระกูลลิสตันก็ถือว่าค่อนข้างสูงค่ะ เมื่อก่อนดิฉันทำงานเป็นพยาบาลให้กับคุณหนูด้วย ดังนั้น ชั่วโมงการทำงานของดิฉันจึงยาวนานค่ะ
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ดิฉันอยู่ดูแลคุณหนูที่สถาบันกาศึกษาตลอดเวลา จึงได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับงานดังกล่าวรวมอยู่ในเงินเดือนขั้นพื้นฐานด้วยค่ะ ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลัง”
ฟุมู๊ว……เดือนละสี่แสนคือเยอะแล้วสินะ
“แล้วเงินเดือนของคนทั่วไปล่ะ?”
“ซ้า……ดิฉันได้ยินมาว่าหากได้สามแสนก็ถือว่าสูงมากแล้วค่ะ แต่ยังไงก็ตามก็ขึ้นอยู่กับอาชีพด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนค่ะ”
…………
ฟุมุ
“ถ้าคำรวณด้วยรายได้ระดับนั้น พันล้านครัมก็เป็นจำนวนที่มากเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ห่างไกลจากคำว่ามากเลยค่ะ นั่นเป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยต่างหากค่ะ ดิฉันคิดว่าเป็นจำนวนเงินที่เกินสามัญสำนึกไปแล้วด้วยซ้ำ”
……งั้นเหรอ ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วทำไมฮิลเดโทร่าถึงดูตกใจนัก
“จะว่าไปแล้ว เบี้ยเลี้ยงรายเดือนของฉันอยู่ที่ห้าพันครัมใช่ไหม?”
“ตั้งแต่ที่เข้าสถาบันก็กลายเป็นหนึ่งหมื่อนครัมค่ะ”
เห๊ ขึ้นให้ด้วยสินะ แต่ก็ใช้ไม่ได้ ……กะแล้วว่ายังไงฉันก็ยังไม่เข้าใจว่ามาก สมเหตุสมผล หรือน้อยอยู่ดี
ดัง นั้น
“มีสัตว์อสูรที่มูลค่าพันล้านอยู่หรือเปล่า?”
ปัญหาตอนนี้ไม่เกี่ยวกับว่าฉันรู้สึกยังไงเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่จะทำยังไงให้สามารถสร้างรายได้หนึ่งพันล้านครัมในสองปี
ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะทำเงินเร็ว ๆ……
“ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่น่าจะมีสัตว์อสูรชั้นสูงที่มีราคาระดับหลายสิบล้านครัมอยู่”
“เข้าใจแล้ว นั่นคือเป้าหมาย”
“ดิฉันไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ……”
ย่อมมีเหตุผลว่าทำไมของที่แพงถึงได้แพง
จะไม่ง่ายอย่างแน่นอน แต่สถานการณ์ปัจจุบันคือเราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำ
พระราชาบอกว่าสองปีให้หลัง ไม่ใช่หนึ่งปีอย่างที่ฉันตั้งใจไว้
กล่าวอีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าระยะเวลาในการเตรียมเงินเพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างหลักประกัน หากฉันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ น่าจะสามารถหารายได้ประมาณหนึ่งพันล้านครัมได้อย่างแน่นอน
และหากลองคิดดูดี ๆ แล้วล่ะก็ เรียกได้ว่าเป็นข้อดีในอีกแง่มุมหนึ่งเลยทีเดียว
“เน๊ ริโนกิส เธอพร้อมมอบหัวใจและจิตวิญญาณให้กับฉันไหม?”
“……เอ๊ะ!? นะ แน่นอนอยู่แล้วสิคะ!?”
“จ๊า――อ้า ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าหรอก อย่าถอดสิ อย่าถอด ……ฉันบอกว่าไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าไง”
ฉันนึกว่าเธอจะทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่ถูกกระตุ้นให้พูดขวานผ่าซากด้วยความไม่ไว้วางใจเหมือนอย่างเคย
“นี่คือความจริงใจของดิฉันค่ะ”
เปลือยกายเนี่ยนะ? จริงใจแบบไหนกัน? ทำไมต้องถอดด้วย? เธอตั้งใจจะถอดเสื้อผ้าเพื่ออะไรกัน?
ม๊า ยังไงก็ได้
ฉันเหนื่อยที่จะจริงจังกับเธอแล้ว
“เธอต้องบรรณาการให้ฉัน ประมาณหนึ่งพันล้านครัมนั่น”
“……ขอประทานโทษด้วยค่ะ ดิฉันมีเงินเก็บอยู่แค่สิบล้านครัมเท่านั้น……เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะรีบเพิ่มด้วยการไปพนัน……”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิ”
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบรวบรวมเสื้อผ้าที่ริโนกิสถอดด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วโยนกลับไป
“――จงกลายเป็นนักผจญภัย หาเงิน และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ระหว่างที่ฉันกำลังอยู่ที่สถาบันซะ ถือว่าเป็นการฝึกสำหรับการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในอีกสองปีข้างหน้า และแน่นอนว่าเป็นแผนหาเงินด้วยเช่นกัน
จงกลายเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุด
ได้เวลาที่นักผจญภัยที่สามารถทำเงินได้หลายพันล้านครัมปรากฎตัวแล้ว
จงทำให้ทุกย่างก้าวของเธอกลายเป็นที่ได้รับการจับตามอง กลายเป็นเสียงเล่าลือตามสายลม กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่รู้จักไม่เพียงแค่อาณาจักรอาร์ตัวร์แต่ร่วมถึงต่างประเทศด้วย
เธอจะกลายเป็นโฆษณาที่มีชีวิต ทำให้การแข่งขันมีชีวิตชีวาขึ้นและคว้าชนะไป”
นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่เวลามาเปลือยกายในสถานที่แบบนี้ ลูกศิษย์เอ๋ย
“ปกติฉันก็อยากที่จะลงมือทำเอง แต่ตอนนี้ไม่มีทางที่จะทำได้ ดังนั้นฉันต้องขอฝากไว้ที่ลูกศิษย์อย่างเธอ ทำเพื่อฉันได้ไหม?”
“……จะทำก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่ว่าถ้าปล่ยอคุณหนูไว้คนเดียวแล้ว……ใครจะเป็นคนดูแลกันคะ……”
“ในสถาบันการศึกษา เธอไม่จำเป็นต้องดูแลฉันตลอดเวลาจริงไหม? ถ้าเป็นการทำความสะอาดห้องหรือซักผ้า ฉันจะขอให้ลินเนตต์ทำให้ในเวลาว่าง แถมยังมีคนรับใช้คนอื่นอยู่ในหอพักด้วยเหมือนกัน”
ลินเนตต์ สาวใช้ส่วนตัวของพี่ชาย แม้จะอยู่คนละหอพักแต่เรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในที่เดียวกันเลยทีเดียว
เธออาจจะมีเวลาว่างบ้างในตอนที่พี่ชายเข้าไปเรียนอยู่ที่สถาบัน ดังนั้นถ้าฉันขอ เธอก็น่าจะทำให้ ม๊า ต่อให้เธอไม่ทำให้ก็ไม่เป็นไร
“แล้วใครจะไปด้วยระหว่างการถ่ายทำล่ะคะ?”
“มีทีมงานถ่ายทำอยู่ด้วยกันตลอดจริงไหมล่ะ? ถ้าจำเป็นพวกเขาก็จะทำให้ ยังไงแต่แรกแล้วก็แทบไม่มีเวลาว่างระหว่างถ่ายทำอยู่แล้ว”
“ดิฉันกำลังทำงานสำคัญที่สุดคือการเฝ้าดูการทำงานอย่างหนักของคุณหนู!”
อืม งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นไม่เป็นไร
“เธอไม่จำเป็นต้องดูแลฉันแล้ว เพราะงั้นจงไปหาเงินเพื่อมาบรรณาการฉันเถอะ”
“……คุณหนู ดิฉัน……”
ริโนกิสรับเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า เธอดูเขินอายและขมวดคิ้วอย่างเศร้าสร้อย
“……คุณหนูที่ดึงดังเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ ชอบค่ะ……”
อ้า เหรอ
ฉันไม่คิดว่าเธอควรจะเขินอายตอนที่พูดทำนองนั้น
ฮิลเดโทร่ามาฉันตอนมื้อกลางวัน
ดูเหมือนว่าเธอคาดเดาว่าอาจจะเกิดการพูดคุยที่ซับซ้อนเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ดังนั้นเธอจึงเสนอให้นำอาหารมาที่ห้องของฉัน และพูดคุยกันระหว่างทานอาหารที่นี่ และฉันก็ตกลง
ดูเหมือนว่าเธอพยายามจะคุยกับเรเลียเรดมาก่อนแล้ว แต่ก็ต้องยอมแพ้ เพราะดูเหมือนจะยังคงเก็บตัวไม่เลิก
“เช่นนั้นแล้ว? คุณจะทำยังไงเพื่อเงินหนึ่งพันล้านครัมหรือคะ?”
“เรื่องนั่น ริโนกิสจะ――”
การสนทนาของเราดำเนินต่อไปอีกนานหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ
ขนมปังปิ้งโปะด้วยไข่ดาวเยิ้มๆ เมนูที่ง่ายเกินจนทำให้รู้สึกขี้เกียจล้างกะทะ(ข้ออ้างล้วนๆ) ฮา