177 เรื่องราวในปลายฤดูหนาว เมื่อฉันระเบิดพระพิโรธใส่ราชา
เมื่อได้ยินคำขอจากฮิลเดโทร่าว่าอยากให้ไปก่อนที่จะถึงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ฉันจึงตัดสินใจที่จะไปที่ปราสาทก่อนที่ตารางงานจะเริ่มยุ่งวุ่นวาย
ถ้าให้เจาะจงเลยก็คือ วันหลังจากที่ได้ยินคำขอเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เพราะถ้าราชาเป็นคนเรียก ฉันก็ไม่สามารถเมินเฉยได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
แต่ยังไงก็ตาม
ถึงจะรู้ว่าเป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการ แต่การไปพบราชาของประเทศ ฉันควรจะแต่งตัวยังไงดี ฉันไม่มีชุดที่น่าจะสามารถใส่ไปที่ปราสาทหลวงได้
ตอนที่ฉันลองถามฮิลเดโทร่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู เธอก็บบอกว่าชุดเครื่องแบบนักเรียนก็ใช้ได้
ก็ตามนั้น
“ให้คิดซะว่าเหมือนกับกำลังจะไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนหลังเลิกเรียนดูสิค่ะ ท้ายที่สุดยังไงก็เป็นเรื่องของท่านพ่อ อาจจะไม่ใช่ธุระที่ทำให้ต้องอยู่นานก็ได้ค่ะ”
ฮิลเดโทร่าที่บอกให้ฉันไปที่ปราสาทด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องไปจริงจัง เหมือนกับกำลังบอกว่าอุปสรรคที่สูงใหญ่นั้นข้ามไปได้ง่าย ๆ
ม๊า เรื่องที่ให้ไปปราสาท ฉันก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว
หลังเลิกเรียนในวันถัดมาที่ได้ยินคำขอ ฉันตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังปราสาทหลวงพร้อมกับฮิลเดโทร่า แน่นอนว่าริโนกิสก็มาพร้อมกัน
พวกเราผ่านกำแพงปราสาทขณะนั่งรถม้า และคนขับก็หยุดให้พวกเราลงในจุดที่กำหนด
ฮิลเดโทร่าพูดว่า「ทางนี้ค่ะ」และมุ่งหน้าไปที่ประตูบานเล็ก ๆ เพื่อผ่านเข้าไปข้างใน แทนที่จะไปใช้ประตูคู่หรูหราที่อยู่ตรงหน้า
ม๊า ฉันเดาว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปิดประตูบานใหญ่ทีล่ะบานเพื่อให้เด็กแค่คนเดียวผ่านเข้าไป
“ยินดีต้อนรับกลับพะยะค่ะ ฮิลเดโทร่าซามะ”
“กลับมาแล้ว ――ซ้า เนีย เชิญเข้ามาด้านในได้เลยค่ะ”
ประตูบานเล็กที่น่าจะมีไว้ให้ข้ารับใช้ใช้งาน ถูกเปิดโดยทหารเฝ้าประตู เท่านี้พวกเราก็ก้าวเท้าเข้ามาในปราสาทเรียบร้อยแล้ว
ปราสาทหลวงแห่งแรกที่ได้เข้า……ม๊า ก็เหมือนกับที่เคยจินตนาการไว้ หรืออย่างน้อยก็เท่าที่มองจากภายนอกเป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหิน เงียบสงบและเย็นสบาย
“เราจะพาตรงไปที่ห้องทรงงานของท่านพ่อเลยนะคะ เพราะบอกมาว่าให้ไปเจอกันที่นั่นเลย”
“ได้ เข้าใจแล้ว”
ไม่ว่าจะพยายามทำให้รู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อนมากแค่ไหน ความจริงก็แตกต่างออกไปล่ะน๊า หากเผลอทำ หรือเห็น หรือได้ยิน ในสิ่งที่ไม่จำเป็น จะลำบากน่าดู
อย่าทำอะไรที่ไม่จำเป็น เชื่อฟังและทำตามคำแนะนำของฮิลเดโทร่า
ตามฮิลเดโทร่าที่อยู่ข้างหน้า ริโนกิสและฉันก็เคลื่อนไหวตามจังหวะ
ฉันสงสัยว่าทำไมบางครั้งข้าราชการและข้าราชบริวารที่เดินผ่านไปมามองฉันด้วยความประหลาดใจแบบนั้น ……..อ้า จริงสินะ ฉันเดาว่าคงเป็นเพราะเมจิกวิชั่น เป็นเพราะได้เห็นใบหน้าที่มักจะได้เห็นในสักรายการนั่นเอง
หลังจากนั้นไม่นาน ฮิลเดโทร่าก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง
หลังจากเคาะสองครั้ง เสียงผู้ชายที่คุ้นเคยก็ตอบว่า 「เข้ามา」
“ขออภัยด้วยเพคะ โอโต้ซามะ ลูกพาเนียมาแล้ว”
นี่คือห้องทำงานของราชาสินะ
ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นหน้าราชาก็คือในงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ แต่ถ้าเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกันแบบซึ่งหน้า ก็เป็นตั้งแต่ฤดูร้อนของปีที่แล้ว
พวกเราได้เผชิญหน้ากันอย่างไม่คาดคิดบนเกาะลอยฟ้า พูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ๊กต์ที่แปลกประหลาด แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป
ฉันก็คิดว่าตัวเองลำบากนิดหน่อย แต่ในที่สุดฉันก็สามารถหาเงินพันล้านครัมได้ด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ เดาว่าในแง่ของผลลัพธ์แล้วก็ถือว่าออกมาดี
ซ้า
ฉันสงสัยแล้วสิว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงได้เรียกหาฉันกัน
ภายในห้องนั้นว่างเปล่า
เดาว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ
และขนาดก็ไม่ได้ใหญ่โตเลย ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องสำหรับทำงานเอกสารจริง ๆ
ราชากำลังจัดการกับเอกสารกองหนึ่งอย่างรวดเร็วโดยนั่งหน้าแทบจะติดกับโต๊ะซึ่งมีการตกแต่งน้อยชิ้นแต่ก็แข็งแรงและมีสีสันสวยงาม
นอกจากนี้ยังมีโต๊ะเตี้ยและโซฟาสองที่นั่งอีกคู่หนึ่ง ฉันสงสัยว่าบางทีชั้นนหนังสือคงเต็มไปด้วยเอกสารแล้วหรือเปล่า
เป็นห้องที่เหมาะกับราชา ผู้ที่ให้ความสำคัญกับงานของตัวเองในฐานะราชาเป็นอันดับแรก
“เจ้ามาสายกว่าแผนที่กำหนดไว้นิดหน่อย”
“กรุณาบอกเรื่องนั้นกับม้าหรือท้องฟ้าเถอะเพคะ อากาศที่ดีเหมาะแก่การเดินเล่น ม้าจึงเดินช้า ๆ “
“ฮึ่ม เป็นม้าเจ้ากี้เจ้าการ และท้องฟ้าที่ทำลายเวลาและตารางงานอันมีค่าของข้าสินะ”
อุมุ ยังคงดูเป็นราชาเหมือนอย่างเคย
“――นั่งลง และรอ เดี๋ยวข้าจะไปทันที ฮิลเด้ ช่วยสั่งชาให้ด้วย”
ขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและรออยู่กับฮิลเดโทร่า ก็เพลิดเพลินกับชาและขนมหวานที่เตรียมไว้ให้สำหรับฉัน ราชาก็เข้ามาหาโดยจับไหล่ของเขาไว้
เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเอกสารบนโต๊ะแล้ว ไหล่ของเขาก็คงจะตึงมาก เพราะมีมากกว่าการบ้านวันหยุดฤดูร้อนของฉันซะอีก ดังนั้นถ้าเป็นฉันคงจะโยนทิ้งไปแล้ว
ราชานั่งลงตรงหน้าฉัน นั่งไขว่ห้างอย่างไม่สนภาพลักษณ์ และจิบชาอุ่น ๆ ลงไปแก้วใหญ่
ผมสีบลอนด์ของเขาตั้งแข็งม้วนงอไปด้านนอก และดวงตาสีเขียวมีจุดสีแดง
เช่นเดียวกับปีก่อน ใบหน้า ร่างกาย และบรรยากาศของเขาไร้ที่ติ ตอนที่อยู่บนเกาะลอยฟ้า เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ แต่ตอนนี้ที่สวมชุดทางการและจัดทรงผม ความรู้สึกข่มขู่ที่ฉันรู้สึกนั้นยิ่งใหญ่กว่าครั้งนั้นเสียอีก
ราชาฮูเรนซ์・อาร์ตัวร์ซึ่งมีอายุเกือบห้าสิบปี ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง และไม่แสดงความอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
“เนีย・ลิสตัน งานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ นั้นน่างดงามมาก”
“ฮา”
ฉันทำแค่ส่วนหาเงินมาให้ ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับราชา และบริษัทเซโดนี แม้ว่าเขาจะบอกว่าน่างดงามมาก แต่ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“อะไร เจ้าควรจะตอบสนองให้มากกว่านี้สิ ข้าไม่เคยยกย่องเด็กคนไหนมาก่อนเลยน่ะ”
“หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดนอกจากการหาเงินเองนะเพคะ แล้วก็เอาเข้าจริงก็เหมือนกับการยินดีให้ตัวเองจริงไหมเพคะ? ก็เหมือนกับราชาที่ยกย่องราชกิจของราชาเอง?”
“งั้นรึ? ……ม๊า ก็จริงอยู่ที่งงานของข้าออกมาสมบูรณ์แบบ แต่”
อะ อย่างงั้นเหรอ
ม๊า ในความเป็นจริง งานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ก็เป็นงานที่มีชีวิตชีวาตั้งแต่ช่วงเตรียมตัวจนถึงช่วงการประลองหลัก และผลกระทบทางเศรษฐกิจได้รับการกล่าวขานว่ามีความสำคัญมาก ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่เรื่องผิดอะไรสำหรับการแสดงความยินดีกับตัวเองเล็กน้อย ฉันแน่ใจว่าทำถูกต้องแล้ว
“เช่นนั้นแล้ว โอโต้ซามะ ต้องการอะไรจากเนียเพคะ?”
ฮิลเดโทร่าซึ่งมีกำหนดถ่ายทำหลังจากนี้ รีบเร่งราชา
“อ้า จริง ๆ แล้ว”
และฉันแน่ใจว่าราชาเองก็มีกำหนดการหลังจากนี้เช่นกัน เขาจึงตอบสนอง และเข้าประเด็นทันที พูดคุยได้เร็วสมกับเป็นพ่อลูก
“――อันตาการเข้าถึงแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ในเมืองหลวงมีเกินสามส่วนสิบแล้ว”
เอ๊ะ
สามส่วนสิบ?
มากถึงสามส่วนสิบ?
“น่าทึ่งเลยไม่ใช่เหรอ? สามส่วนสิบน่าทึ่งมากเลยไม่ใช่เหรอเพคะ?”
ถ้าบอกว่าสามในสิบครัวเรือนที่มี คำนวณแบบนี้จะถูกไหม? ยากที่จะเชื่อ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ นี่ก้จะเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“สุดยอดเลยค่ะ นี่สุดยอดมากเลย”
ฉันกับฮิลเดโทร่าจับมือกัน และยินดีไปด้วยกัน ไม่สิ สุดยอมมาก น่าทึ่งมาก ๆ จนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ทั้งที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนตัวเลขก็ไม่เคยเปลี่ยน แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงขยับจนเห็นได้ชัดขนาดนี้กัน
“อ้า สุดยอดมาก ข้าและพวกข้าราชการทำนายกันว่า ไม่ว่าจะขายได้เท่าไหร่ก็คงไม่เกินยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ทว่า กลับได้มากกว่าที่คาดไว้ นี่ถือเป็นตัวเลขที่น่าภาคภูมิใจ”
ดูเหมือนราชาก็จะทรงอารมณ์ดีเช่นกัน
“ยิ่งไปกว่านั้น เรายังได้ประชาสัมพันธ์ไปยังประเทศอื่น ๆ อีกมากมายอีกด้วย เราได้รับการสอบถามมาจากประเทศรอบข้างในทุกช่องทาง ในอนาคตอันใกล้นี้ เมจิกวิชั่นจะกลายเป็นโครงการสำคัญที่จะเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ผ่านภาพสะท้อน
หากโครงการนี้เป็นไปได้ด้วยดี ประเทศแห่งนี้อาจจะได้รับอำนาจสูงสุดของโลกผ่านเมจิกวิชั่น
หากสามารถควบคุมข้อมูล และกฎระเบียบ และคุณควบคุมการส่งสัญญาณไว้ได้ โลกก็จะ……ม๊า เรื่องนั้นช่างไปก่อน
หนทางยังอีกยาวไลกนัก แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่ ความน่าจะเป็นไม่ได้ต่ำนัก”
โห้ว อำนาจเหนือโลก
“มีความทะเยอทะยานเน๊ะ”
“เพื่อปกป้องประเทศชาติ เราจำต้องชิงรุก นอกจากนี้ยังเป็นการโจมตีที่ไม่ใช้กำลัง ไม่เกี่ยวข้องกับทหาร และไม่จำเป็นต้องเอามือไปเจิ่งนองกับการนองเลือด ข้าเห็นมากับตาแล้วการต่อสู้ที่เน้นตั้งรับ ก็มีแต่จะถูกบดขยี้ในไม่ช้าก็เร็ว”
………เข้าใจล่ะ แม้ประชาชนของอาร์ตัวร์จะอยู่ในสภาวะสงบสุข แต่ราชานั้นแตกต่างออกไป
เอาล่ะ เนีย・ลิสตัน ข้ามีเรื่องที่อยากจะขอร้องเจ้าเกี่ยวกับความทะเยอทะยานนี่ของข้า”
“พันล้านอีกแล้วเหรอเพคะ?”
“ไม่ ที่ข้าพูดนั่นเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะหามาได้จริง ๆ ที่จริงแล้วข้าก็ไม่ได้คาดหวังขนาดนั้นแต่แรก หากข้าเชื่อเรื่องไร้สาระของเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทุกครั้งที่คุยด้วย ข้าคงไม่สามารถพลิกชะตาประเทศได้”
………………………….
ม๊า ถ้าลองคิดอย่างใจเย็นแล้ว ก็ไม่ผิดที่จะไม่เชื่อว่าเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบจะสามารถเตรียมเงินระดับพันล้านครัมได้จริง
“ทว่า ข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า เพราะครั้งนี้ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะพร้อมแล้วจริง ๆ”
ฮ้า
“หม่อมฉันก็อยากจะบอกว่าจะทำให้ดีที่สุดเพคะ แต่ทั้งหมดที่สามารถพูดได้คือ ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของสิ่งที่ต้องการ”
ฉันอาจจะแข็งแกร่งกว่าใคร ๆ ในโลกนี้ แต่ฉันรู้ตัวดีว่ามีหลายอย่างที่ฉันทำไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีศัตรูธรรมชาติที่เรียกว่า การบ้าน ฉันไม่เคยสมบูรณ์แบบ
“อะไร ก็แค่เรื่องง่าย ๆ”
ราชาโน้มตัวมาข้างหน้า และมองตรงมาที่ฉันอย่างตั้งใจราวกับจะคว้าจับเอาไว้
“จงคิดแผนการที่จะเพิ่มความนิยมและความมั่นคงของเมจิกวิชั่นมาซะ คิดโปรเจ็กต์ที่ใคร ๆ ก็อยากเห็น ที่ทุกคนจะไม่อยากพลาด”
……………..
………………………….
ฉันครุ่นคิดเกี่ยวกับคำขอของราชาในหัวของฉัน
ฉันครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผลก็คือฉันหงุดหงิดมาก เลยลุกขึ้นยืนและตะโกนประกาศ
“――อย่ามาพูดอะไรง่าย ๆ สิย๊าาาาา! ถ้ามีความคิดดี ๆ แบบนั้นจริง ฉันคงทำที่ดินแดนลิสตันไปแล้วววววววววววววววววว!?”
นี่แหละไอ้พวกที่ไม่เคยต้องมาคิดแผนการเอง! ถามมาได้ตามอยากเลย! ถามมาโดยไม่คิดอะไรจริงจัง! คิดถึงความยากลำบากของฉันบ้างสิ ไอ้โง่เอ๊ย! ในที่สุดก็ได้เวลาซัดแกแล้ววววว!