187 โรงเรียนทหารจักรกล เหตุการณ์ในวันที่สอง
ในตอนกลางคืนมีอันธพาลหกคนที่ดูเหมือนนักผจญภัยที่ล้มเหลวแอบเข้ามา แต่เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็ถูกจัดการและจับกุมไว้ได้
ริโนกิสกับพวกเด็ก ๆ มารวมตัวกันที่ทางเข้าเพื่อยืนส่งไปโรงเรียน หลังจากที่เตรียมตัวและทานอาหารเช้าแล้ว
“วันนี้ หลังจากที่ฉันกลับมาแล้ว ก็จะจ่ายค่าตอบแทนที่ทำงานจนถึงตอนนี้ หลังจากนั้นก็จะคุยกันถึงเรื่องในอนาคตกัน”
ฉันบอกพวกเขาแบบนั้น
“…….เอ๊ะ โดน ไล่ออก…….?”
น่าประหลาดใจมากที่ซิกเข้าใจความหมายของคำพูดของฉัน และอีกสามคนก็น่าประหลาดใจเช่นกันเมื่อพวกเขาเข้าใจความหมายของคำเหล่านั้นเช่นกัน
“ม๊ายเอา! เค้าไม่อยากแยกจากโอโจ้!”
คาลัวเข้ามากอดฉัน โอ้ๆๆ เด็กดีๆๆ คาลัวน่ารักจังน๊า ถึงจะทำเพื่อตัวเองก็ตาม เธอน่ารักมากจนฉันอยากให้เงินค่าขนมเธอถึงแม้จะเป็นการทำเพื่อตัวเองก็ตาม
“ฉันไม่ได้ถามมาจนถึงตอนนี้ แต่คิดว่าน่าจะใกล้ได้เวลาที่ต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ มาคุยกันแล้วตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป”
ฉันจะไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ตลอดไป
สำหรับตอนนี้ แผนการของฉันคือการกลับไปที่อาร์ตัวร์ในอีกสอง หรือสามปี
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่านอกจากฉันกับริโนกิสแล้ว พวกเด็ก ๆ จะต้องคิดด้วยตัวเองแล้วว่าพวกเขาอยากจะทำอะไรในอนาคต
นอกเหนือจากนี้ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการเรื่องต่าง ๆ อยู่หลายเรื่องเลย
ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องพูดคุยกับพวกเด็ก ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์นั้น
ตัวอย่างเช่น ตอนนี้มีสถานการณ์คุมขังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องใต้ดินของคฤหาสน์แห่งนี้
มีความเป็นไปได้ที่ฉันอาจจะต้องต่อสู้กับมาเวเลียหลังจากนี้
ถ้ายังอยู่ด้วยกันก็มีโอกาสเกิดปัญหาได้เสมอ
――ส่วนจะทำให้พวกเขาเป็นลูกศิษย์หรือไม่จะถูกตัดสินตามผลการพูดคุย
ที่อาร์ตัวร์ จะเป็นระบบโรงเรียนประจำ ยกเว้นว่าจะอาศัยอยู่ภายในเมืองหลวง
ยังไงก็ตาม เนื่องจากจำนวนหอพักที่มีจำกัดของโรงเรียนทหารจักรกลของมาเวเลีย ทำให้ดูเหมือนว่าจะมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่เดินมาจากภายในเมือง
เนื่องจากทวีปแห่งนนี้มีขนาดใหญ่ เมืองอื่น ๆ อีกหลายแห่งจึงตั้งอยู่บนเกาะเดียวกัน มีเด็กเพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ห่างไกลอย่างเกาะลอยฟ้า นั่นคงเป็นปัจจัยสำคัญล่ะนะ
ยิ่งเข้าใกล้บริเวณโรงเรียนมากเท่าไหร่ เด็ก ๆ ที่สวมชุดเครื่องแบบเดียวกันก็มากขึ้นเท่านั้น และทั้งก็กำลังมุ่งหน้าไปที่เดียวกัน
ในขณะเดียวกัน ผู้คนรอบตัวฉันกำลังพูดถึงการประกาศสงครามเมื่อวานนี้ ไม่ว่าจะแบบคุยเงียบ ๆ หรือคุยให้ได้ยินก็ตาม
ช่วงนี้ดูเหมือนมีข่าวลือมากมาย
ไปได้สวย
ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานต้องมีคนเลือกการต่อสู้ปรากฎตัวขึ้นมากแน่ ๆ
“――รออยู่เลย เจ้านักเรียนต่างชาติ!”
เกิดขึ้นทันที หมายถึงมันเกิดขึ้นในทันทีตรงตามตัวอักษร
ฉันคิดแบบนั้นเมื่อมีผู้คนมากมายอยู่หน้าประตูโรงเรียน นั่นคือลูกค้าของฉัน
อุมุ
นี่แค่วันที่สองในโรงเรียนทหารจักรกลเอง ถ้ายังเป็นระดับนี้ต่อไป ฉันคิดว่าชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้จะสนุกไม่น้อย
“อ้า ทหารจักรกลสินะ”
นักเรียกแยกออกซ้ายขวา สร้างเส้นทาง
ราวกับจะนำทาง หรือ ทำเพื่อไม่ให้หนีไปได้ ฉันเดินไปกลางถนนสายนั้น ――และเผชิญหน้ากับทหารจักรกลที่รออยู่ที่ปลายทาง
ทหารจักรกล
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้เห็น ในช่วงที่ยังต้องดูแลคฤหาสน์อยู่นั้น ฉันได้ลองค้นคว้าเกี่ยวกับทหารจักรกล และโรงเรียนทหารจักรกลโดยสังเขปมาแล้ว
ชุดเกราะเต็มตัวที่พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของมาเวเลีย รวมถึงกลไกภายในที่ซับซ้อน ท่อเวทมนตร์ สายไฟ และข้อต่อ
หากพูดให้ตรงที่สุดก็น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า「เกราะเสริมกำลัง」จะถูกต้องกว่า
มันมีขนาดใหญ่เหมือนกับครึ่งยักษ์ มีแขนที่สามารถบรรทุกอาวุธที่หนักเกินกว่าที่มนุษย์จะถือได้ และมีขาที่หนามากเพื่อรองรับร่างกายที่ดูหนัก
ม๊า รูปร่างโค้งงุ้มดูเหมือนกับคนแก่ขาสั้น และพุงเบียร์
ยังไงก็ตาม ขาที่สั้นนั้นก็มีจุดประสงค์เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วง และเพิ่มความมั่นคง รูปร่างนี้น่าจะเหมาะสมแล้วสำหรับเกราะเสริมกำลัง หากว่ามีโครงร่างกายที่สูงเกินไป แค่ล้มลงไปก็จะสร้างความเสียหายได้มากมายแล้ว
ไม่มีตราสัญลักษณ์ใด ๆ บนเกราะเหล็กสีหม่น
ทหารจักรกลจะได้รับตราสัญลักษณ์ของหน่วยสังกัด เพื่อให้สามารถบ่งบอกถึงสังกัดได้ทันที――เป็นข้อบังคับให้มีไว้เพื่อการทำงาน การขนส่ง นักบินประจำ และการรักษาความปลอดภัย
การที่ไม่มีแบบนี้ นั่นหมายถถึงเจ้านี่น่าจะเป็นทหารจักรกลสำหรับการฝึกล่ะมั้ง
ที่โรงเรียนทหารจักรกลแห่งนี้ หากคุณสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทหารจักรกลที่เป็นเอลีทได้ และผ่านการสอบวัดคุณสมบัติ แต่ละคนจะสามารถทำการยืมทหารจักรกลสำหรับการฝึกได้
นี่คือสื่อการสอนให้เข้าใจโครงสร้าง ฝึกฝนการขับเคลื่อน และการบำรุงรักษาด้วยตัวเอง
“――รออยู่เลย นักเรียนต่างชาติ!”
และ ถัดจากทหารจักรกลสำหรับการฝึก ก็มีนักเรียนที่ดูมีอายุมากกว่าชัดเจนอยู่หลายคน พวกเขาทั้งหมดมีใบหน้าอวดดี และหื่นกระหายชัยชนะ ทั้งหมดน่าจะมาจากภาควิชาทหารจักรกล
หนึ่งในนั้น เด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าทหารจักรกลพยายามเปล่งความเป็นชนชั้นสูงออกมาอย่างหยิ่งผยองนิดหน่อย ตะโกนใส่ฉัน
“แกไม่รู้จักทหารจักรกลด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้หรอกน่ะว่าแกมาจากชนบทที่ไหน! แต่การล้อเลียนทหารจักรกลก็เหมือนกับการล้อเลียนมาเวเลีย!
ม๊า เกี่ยวกับเรื่องนั้นก็ไม่ได้ผิดหรอกน่ะ ก็กำลังล้อเลียนอยู่จริง ๆ แต่เป็นประเทศนี้เองที่เยาะเย้ยฉันก่อนแต่แรก
“ก็ถ้าถามฉัน ทหารจักรกลก็เป็นของเล่นที่ดูไม่เท่และอ่อนแอยังกับคนแก่พุงเบียร์ไงล่ะ ฉันกล้าอวดเลยว่าสามารถเอาชนะพวกมันได้ด้วยนิ้วเดียว! ถ้างั้นแล้วทำไมไม่มาลองดูหน่อยล่ะ!”
พอพูดไปอย่างจริงใจแล้ว……โอยะ มีครีบหางติดมานิดหน่อยด้วย
หลังจากทำให้เรื่องที่แย่อยู่แล้วแย่ลงไปใหญ่ และพูดว่า「จะเอาชนะด้วยการเตะ」
แม้ว่ามาเวเลียจะมีเจตนาร้าย แต่ฉันก็ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อทหารจักรกลเลย ดังนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติ ฉันจึงตั้งใจจะพูดอย่างมีน้ำใจ
งั้นเหรอ งั้นเหรอ
สามารถเอาชนะได้ด้วยนิ้วเดียวงั้นเหรอ ต้องการย้ำว่าทหารจักรกลอ่อนแองั้นเหรอ งั้นเหรองั้นเหรอ
“ก็ลองดูสิ! ซ้า! ถ้าทำไม่ได้ก็จงขอโทษมาซะ! ถ้าทำตามที่บอกไม่ได้ แกก็ไม่มีทางผ่านที่นี่ไปได้!”
คิดแล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
ฉันเข้าใจดี ฉันคิดว่าเขาเป็นเด็กน้อยอายุเกือบสิบขวบที่ล้อเล่นเกินเลย เพราะได้ในมากไปหน่อย
นักเรียนของมาเวเลียต่างจับตาดูฉันอยู่ โดยคิดว่า「ไม่มีทางที่ฉันจะทำได้」 และอยากจะทำให้ฉันอับอายในฐานะที่เป็นชาวต่างชาติ ม๊า เข้าใจแล้ว
ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจความรู้สึกของการพยายามพูดล้อเล่นเกินเลยอย่างจริงจัง และเชิดจมูกขนาดนั้น
――ปัญหาคือ ฉันสามารถทำได้จริง ๆ นี่สิ
“เอาระดันไหนดีคะ?”
พวกเอลีทที่อยู่ข้างหน้า แม้แต่เจ้าเด็กหน้าด้านที่พูดกับฉัน พวกที่อยู่รอบ ๆ ต่างหัวเราะขณะที่กำลังมองมาที่ฉัน พวกเขากำลังรอฟังปฏิกิริยาของฉัน
ฉันถามพวกเขา ไม่สิ ถามเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้าฉัน
“อะไร?”
ฉันพูดอะไรบางอย่าง และเสียงหัวเราะรอบตัวก็หยุดลงทันที เป็นการแสดงออกที่ใช้ได้ เดาว่าพวกเขาคงไม่อยากจะพลาดแม้แต่คำเดียว จะไม่มีการออกอากาศซ้ำเนื่องจากไม่ใช่การถ่ายทำ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่สงสัยว่าควรจะลงมือระดับไหนดี ฉันควรจะเอาชนะคุณโดยไม่ทำลายดีไหม? หรือจะทำลายให้สิ้นซากดี? คุณสามารถเลือกได้เลยค่ะ”
คราวนี้มีเสียงหัวเราะดังขึ้น
ราวกับว่าไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป พวกเขาก็หัวเราะออกมาทีละคน
ฉันก็หัวเราะเหมือนกัน
ด้วยความคาดหวังมากมายจากคนรอบข้าง ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ทำ ถอยกลับไม่ได้แล้ว เท่านี้ก็จะถอยกลับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวอีกแล้ว
“ทะ ทำตามที่ชอบได้เลย! ถ้าสามารถทำได้น่ะ! ที่ทำให้ฉันหัวเราะได้ขนาดนี้ก็ใช้ได้เพียงพอแล้ว!”
เด็กที่อยู่ตรงหน้าฉันหัวเราะออกมาดัง ๆ และยกโทษให้ฉัน
ฉันไม่จำเป็นต้องได้รับการให้อภัยจากเขา
เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือทำ
“――อรุณสวัสดิ์”
ตอนที่ฉันมาถึงห้องเรียนของหลักสูตรทั่วไป เพื่อนร่วมชั้นทั้งสี่ก็มากันถึงแล้ว
พวกเขามองมาที่ฉันครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็หันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว ……ฉันเดาว่าเขาคงไม่มีความรู้สึกที่ดีให้กัน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้รับคำตอบ
บางทีพวกเขาอาจจะพยายามหลีกเลี่ยงฉัน เพราะการประกาศสงคราม และในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาจากต่างประเทศ
ม๊า ในชั้นเรียนมีกันแค่ห้าคนเท่านั้น ฉันแน่ใจว่าจะชินได้ในที่สุด
ประมาณเที่ยง พวกเขาแสดงความรู้สึกหวาดกลัวอย่างโจ่งแจ้ง อาจเป็นเพราะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้แล้ว