บทที่ 710 พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ!
ฉางหนิงอัปยศอดสูเป็นที่สุด อยากจะตบตัวเองฉาดใหญ่ให้เข็ดหลาบ ไยต้องตอบรับมั่วซั่วด้วย
นอกจากนี้ นางยังสะท้อนใจอย่างมากอีกด้วย นี่มันขวดโหลอะไรกัน เหตุใดถึงมีอานุภาพน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้
นางต่อกรด้วยกำลังทั้งหมดที่มียังไม่ไหว ห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
สถานที่แห่งนี้มิได้มีค่ายกลใหญ่เพียงแห่งเดียว ภายในยังมีค่ายกลใหญ่อีกแห่ง ช่วยเพิ่มพูนพลังในตัวนางได้มหาศาล ประกอบกับนางตั้งตัวอยู่ในเขตแดนบรรพจารย์เซียน ถึงกำลังรบยังไม่เทียบเท่าเมื่อครั้งแข็งแกร่งที่สุด กระนั้นก็เข้าใกล้กำลังรบระดับบรรพจารย์เซียนอย่างมากแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่ไหว ยังคงห่างชั้นกันจนวัดมิได้ นางกลัวจากใจจริง น่ากลัวว่าต่อให้เป็นนางเมื่อครั้งแข็งแกร่งที่สุดก็ใช่ว่าจะต่อกรด้วยไหว!
คนเหล่านี้คือยอดฝีมือจากแดนบรรพโกลาหลหรือไร?
นางคิดอย่างอดไม่ได้ พลังที่เหนือกว่าบรรพจารย์เซียน มีแต่ผู้ที่ออกมาจากแดนบรรพโกลาหลเท่านั้น นางช่างโชคร้ายจริง ๆ เดิมคิดว่ากำลัง ‘ตกปลา’ หารู้ไม่ นางกำลังรนหาที่ตาย ‘ปลา’ นั้นตกขึ้นมาได้ หากแต่เป็นปลาฉลามกินคนที่ตกได้!
หลี่จิ่วเต้ามิได้แยแสฉางหนิง
ฉางหนิงเพียงแต่โหวกเหวกอย่างไร้ประโยชน์เท่านั้น
ปล่อยฉางหนิงออกมาจริง ๆ แล้วอย่างไร
ฉางหนิงคิดว่าตนถูกสะกดเพราะขานรับ ทว่าเขานั้นรู้ดี ไม่ว่าฉางหนิงขานรับหรือไม่ก็ต้องถูกสะกด
“เจ้าไฟน้อยอยู่ที่ใด”
เขาส่งเสียงเรียกกิเลนไฟ
โฮกกกก!
กิเลนไฟคำราม วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าคุณชาย “คุณชาย ข้าอยู่นี่”
หลี่จิ่วเต้ากระโจนตัวขึ้นขี่กิเลนไฟ ปล่อยฉางหนิงออกมา มองพวกลั่วสุ่ยพลางกล่าว “พวกเจ้าจัดการนางแล้วกัน”
เขาอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ และนี่ก็เป็นเรื่องราวระหว่างผู้ฝึกตน เขาไม่ต้องการแทรกแซง
ในยามนี้ เขาต้องการเพียงขี่กิเลนไฟออกไปรับลม
ส่วนพวกลั่วสุ่ยจัดการฉางหนิงได้หรือไม่นั้น เขาไม่กังวลใจแม้แต่น้อย
เขายังกำราบฉางหนิงได้สบาย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพวกลั่วสุ่ย
จากนั้น เขาขี่กิเลนไฟไปจากที่นี่ หายไปในหมู่เมฆ
ไปแล้วรึ?
ซ้ำยังปล่อยนางออกมาอีกด้วย?
ฉางหนิงมึนงงเหลือคณา นึกในใจว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะไม่ให้ความสำคัญต่อนางเกินไปแล้ว!
นางมิได้ลังเล หมุนกายหมายจะไปจากที่นี่ กลัวว่าหลี่จิ่วเต้าจะกลับมาสังหารนางมิให้ตั้งตัว
พลังของพวกลั่วสุ่ยนั้นไม่เท่าไหร่ ก่อนหน้านี้นางยังมิได้ใช้ค่ายกลในที่แห่งนี้ แตะไม่ถึงขั้นบรรพจารย์เซียนยังพันธนาการพวกลั่วสุ่ยไว้ได้ พวกลั่วสุ่ยคงสกัดนางไว้มิได้
ทว่าไม่นาน สีหน้านางก็เปลี่ยนไปอย่างมหันต์
กฎระเบียบเกินจินตนาการโลดแล่นอยู่บนนภา ฉับพลันนั้น พลังบางอย่างถล่มลงมา เขตแดนบรรพจารย์เซียนที่นางตั้งขึ้นนั้นทลายในพริบตา ตัวนางกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปากกระอักเลือดไม่หยุด!
ลั่วสุ่ยมีท่าทีเรียบเฉย ไม่กังวลสักนิดว่าฉางหนิงอาจหนีไปที่อื่น
คุณชายลั่นวาจาแล้วว่า ให้พวกเขาจัดการฉางหนิง ฉางหนิงไฉนเลยจะหนีไปได้
เป็นไปไม่ได้เลย!
วาจาที่คุณชายได้กล่าวถือเป็นประกาศิต!
“พวกเราตกลงกันได้ ขอเพียงพวกเจ้าปล่อยข้าไป ข้ายอมรับปากพวกเจ้าทุกอย่าง!” ฉางหนิงรีบบอก
นางรู้ตัวว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว แม้ตัวหลี่จิ่วเต้าไม่อยู่ กระนั้นเขาได้ทิ้งพลังเอาไว้ มันเป็นพลังที่นางทลายมิได้ ไม่มีหวังจะหนีไปจากที่นี่ได้เลย
“เลิกคิดเถิด เจ้าไม่มีทางรอดไปได้!”
ลั่วสุ่ยมีสีหน้าเย็นชา ไม่คิดจะปล่อยฉางหนิงไป
ฉางหนิง ‘ตกปลา’ ที่นี่ ใช้สิ่งมีชีวิตเป็นโอสถสำคัญ จิตใจชั่วช้ายิ่งนัก หากไว้ชีวิตของฉางหนิง ย่อมต้องกลายเป็นภัยร้ายแน่นอน!
“ถูกต้อง!”
เซี่ยเหยียนยกมือเรียกคันศรใหญ่ออกมา ยิงใส่ฉางหนิง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากข้าต้องตาย ก็ขอลากพวกเจ้าไปตายด้วย!”
ฉางหนิงหักใจ รู้ดีว่าพวกลั่วสุ่ยไม่มีทางปล่อยนาง จึงกระโจนตัวขึ้นจากพื้น ตบศรอาบแสงที่เซี่ยเหยียนยิงมาจนแหลกลาญด้วยหนึ่งฝ่ามือ
จิตสังหารเดือดพล่านปะทุออกจากตัวนาง คิดไปว่าก่อนตายอย่างไรก็จะต้องลากใครสักคนไปรองหลัง ค่ายกลที่นี่ปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง พลังสยดสยองไร้เทียมทานบุกสังหารออกไปพร้อมนาง
“เจ้าทำได้หรือ”
ลั่วสุ่ยยิ้มบาง ไม่ยี่หระกับการบุกสังหารของฉางหนิง
วาจาคุณชายคือประกาศิต!
คุณชายกล่าวว่าให้พวกเขาจัดการฉางหนิง เช่นนั้น ฉางหนิงก็จะถูกพวกเขาจัดการ!
นี่คือความจริงที่มิอาจเปลี่ยนแปลง!
อย่างที่คิด ขณะที่ฉางหนิงเพิ่งเริ่มบุกมาหาพวกเขา ก็มีกฎระเบียบสูงส่งปรากฏออกมาบนนภาอีกครั้ง จากนั้น พลังไร้เทียมทานถล่มลงมา!
ชั่วขณะนั้น การเตรียมการของฉางหนิงในเขาเฟิ่งหวา ค่ายกลทั้งหมดของนาง ล้วนถูกทำลายในตอนนี้!
ขณะเดียวกัน ยังมีพลังถล่มใส่ตัวฉางหนิง นางกระแทกพื้นอีกครั้ง บาดเจ็บสาหัสจนจินตนาการไม่ออก กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่งราวกับเลือดนั้นหาใช่สิ่งสำคัญ
“อ๊ากกกก!”
ฉางหนิงคำรามลั่น อัปยศเป็นที่สุด นางเป็นถึงบรรพจารย์เซียนตนหนึ่งเชียวนะ ขอบเขตที่สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนทั้งหลายยากจะบรรลุถึง สุดท้ายแล้ว แม้ว่าตอนนี้หลี่จิ่วเต้าไปแล้วนางก็ยังสู้ไม่ได้ ถูกพลังที่หลี่จิ่วเต้าทิ้งไว้กำราบจนกระดิกตัวมิได้!
“จบสิ้นเสียที”
เซี่ยเหยียนดึงคันศรยิงใส่ฉางหนิงอีกครั้ง
คราวนี้ ฉางหนิงไม่เหลือกำลังจะขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ศรอาบแสงยิงเข้ามาหานาง ทว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงบรรพจารย์เซียนตนหนึ่ง พลังกายเนื้อนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ศรที่เซี่ยเหยียนยิงเข้ามามิได้สร้างความเสียหายต่อนาง ไม่อาจทลายพลังป้องกันจากกายเนื้อของนางได้
“ข้าเป็นถึงบรรพจารย์เซียนตนหนึ่ง ขอบเขตที่ผู้ฝึกตนทั้งหลายยากจะบรรลุถึง พวกเจ้าไม่มีทางปลิดชีพข้าได้! อย่างน้อยก็ทำไม่ได้ในเวลาอันสั้น!”
ฉางหนิงตะโกนบอก “ขอโอกาสข้าสักครา ปล่อยข้าไป วันหน้าพวกเจ้าจักไม่เสียประโยชน์!”
ขั้นบรรพจารย์เซียนมิใช่ระดับที่บรรลุได้ด้วยการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวจริง ๆ นางคือบรรพจารย์เซียนแต่กำเนิด ไม่มีทางจบชีวิตลงง่าย ๆ ต่อให้หลี่จิ่วเต้ากลับมา ก็ไม่มีทางฆ่านางได้ง่าย ๆ
แม้ว่าพลังของหลี่จิ่วเต้านั้นเหนือกว่านางมาก
แต่นางคือบรรพจารย์เซียนที่เกิดจากพลังโกลาหลโดยตรง มีกฎระเบียบบางอย่างคอยคุ้มครอง ไม่มีทางตายไปง่าย ๆ
แม้แต่ความพิศวงลางร้ายอันน่าสยดสยองในครานั้น ก็ไม่อาจสังหารบรรพจารย์เซียนอย่างพวกเขาได้ง่ายดาย นางไม่เชื่อว่าหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าความพิศวงลางร้าย
“ปลิดชีพเจ้ามิได้หรือ?”
ลั่วสุ่ยทอดมองฉางหนิง “สายตาของเจ้าคับแคบเกินไป ไม่รู้ว่าคุณชายเป็นผู้ใด อย่าว่าแต่เจ้าเป็นบรรพจารย์เซียนเลย ต่อให้เจ้าเป็นบรรพจารย์โกลาหล คุณชายก็เอาชีวิตเจ้าได้ในวาจาเดียว!”
โม้อะไรอยู่?!
การพ่นวาจานั้นไม่คิดเงิน ถึงได้พ่นอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ!
ฉางหนิงเอ่ย “หยุดอวดดีเสียที! คิดจริงหรือว่าข้าโตมากับคำขู่!?”
ตู้ม!
เวลานั้นเอง กฎระเบียบสูงสุดแห่งนภาโลดแล่นออกมาอีกครั้ง แสงลำหนึ่งกระแทกบนตัวฉางหนิง
“อะ…ไรกัน! นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?!”
ฉางหนิงร้องเสียงหลง เชื่อไม่ลงเลยสักนิด หลังจากแสงลำนั้นกระแทกตัวนาง นางพลันรู้สึกว่าพลังในตัวนางถูกพรากออกไป แม้แต่พลังกายเนื้อก็ด้วย!
กฎระเบียบที่คอยคุ้มครองนางอยู่ก็พังครืน มลายไปอย่างสิ้นเชิง!
นางในเวลานี้ กลายเป็นปุถุชนอย่างสมบูรณ์!
นางสิ้นหวังในทันใด สายตาไม่เหลือความหวังสักนิด หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นใครกันแน่ และอยู่ในขอบเขตใด เหตุใดถึงน่าพรั่นพรึงถึงปานนี้!?
“ข้าบอกแล้ว ความแข็งแกร่งของคุณชาย มิใช่สิ่งที่เจ้าจะจินตนาการออก”
ลั่วสุ่ยเอ่ยเสียงเบา ฟาดฝ่ามือออกไปโดยมิได้ใช้พลังใด ๆ ฉางหนิงถูกสังหารลงทันที หายไปจากใต้หล้านี้ จบชีวิตอย่างสิ้นเชิง
“พวกเจ้าจงจำไว้ ห้ามกระทำความชั่ว มิฉะนั้น จุดจบของนางก็คือจุดจบในอนาคตของพวกเจ้า!”
ลั่วสุ่ยบอกกับอวิ๋นเยียนและสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่ติดตามฉางหนิง มิได้ไล่ต้อนฆ่าเสียหมด
ขอบเขตของนางสูงเกินไป ตั้งจิตเพียงครั้งเดียวก็รับรู้อดีตของพวกอวิ๋นเยียน พวกอวิ๋นเยียนเป็นเพียง ‘เบ็ดล่อ’ ที่ฉางหนิงสร้างขึ้นเพื่อสร้างชื่อเสียงเท่านั้น มิเคยทำความชั่วใด ๆ
“ส่วนพวกเจ้าก็ไปได้แล้ว”
ลั่วสุ่ยมาอยู่ด้านสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรโกลาหลและภพเซียน สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนมิได้ตาย หลอมร่างขึ้นมาได้ใหม่ ฉางหนิงตั้งใจเก็บเขาไว้เป็น ‘สุดยอดโอสถ’
“ดินแดนที่พวกเจ้าจากมาเหนือชั้นกว่าอาณาจักรแห่งนี้มาก กระนั้นพวกเจ้าก็ต้องจำเอาไว้ ห้ามทำความชั่วใด ๆ เด็ดขาด มิฉะนั้น พวกเจ้าก็ใกล้ตายเต็มทีแล้ว…”
นางเอ่ยเสียงเรียบ
“เข้าใจ…เข้าใจ!”
“วางใจได้ ข้าจะไม่ทำเรื่องเลวร้ายแน่นอน!”
พวกเขารีบตอบกลับ ครั้งนี้ถึงคราวกลัวแล้วจริง ๆ ไฉนเลยจะกล้าทำเรื่องไม่ดีอีก?
ไม่กล้าเลยแม้แต่น้อย!
จากนั้น พวกเขาก็ไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
“พวกเรารอคุณชายกลับมาอยู่ที่นี่กันเถิด…”
ลั่วสุ่ยบอก รอคุณชายขี่กิเลนไฟกลับมากับพวกเซี่ยเหยียนอยู่ที่นี่
…
ภายในระบบดาราอันไพศาลแห่งหนึ่ง บนดวงดาวที่เต็มไปด้วยขนยาวพิศวง มองจากที่ไกล ๆ ชวนผวาอย่างยิ่งยวด!
ที่นี่คือมหานครพิศวงที่จ้าวแห่งรัตติการสร้างขึ้น
ระดับความน่ากลัวของมัน มิได้ด้อยไปกว่าภพเซียนเท่าใด
“คงไม่มีปัญหากระมัง”
จ้าวแห่งรัตติกาลพึมพำเสียงเบา นับวันก็ยิ่งไม่สบายใจ สิ่งสำคัญคือเจ้าหลวงนั้นเป็น ‘ตัวซวย’ เกินไป ความสามารถข่มดวงผู้อื่นนั้นแกร่งกล้าสุด ๆ เริ่มจากสหายคนสนิท จากนั้นเป็นพี่ใหญ่ ต่างตายตกไปตาม ๆ กันเพราะเจ้าหลวง
และบัดนี้ มันกลายมาเป็นบิดาบุญธรรมของเจ้าหลวง!
มันรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก!
“ผู้ที่กลายมาเป็นบุตรบุญธรรมของข้ายังตายไปหมดแล้วเลย! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะข่มดวงเขามิได้!”
มันบ่นพึมพำ
แต่มันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ
มันติดต่อฝูถูและขุนพลใหญ่ผู้หนึ่งที่ได้ส่งไป
“ถึงที่นั่นหรือยัง” มันถามฝูถู
“ใกล้จะถึงแล้ว ท่านจ้าวของข้า!” ฝูถูตอบ
“ดี หากเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลให้ติดต่อหาข้าทันที!”
จ้าวแห่งรัตติกาลจบการสื่อสาร ระหว่างมันกับฝูถูมีศาสตราสื่อสารอยู่ สามารถติดต่อหากันได้ทุกเมื่อ
ขณะเดียวกัน เจ้าหลวงเพิ่งฝึกฝนเสร็จสิ้น
จ้าวแห่งรัตติกาลนั้นรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับเขาจริง ๆ รับปากว่าจะอบรมสั่งสอนเขาเต็มกำลัง ก็อบรมสั่งสอนเขาเต็มกำลังจริง ๆ เขาบำเพ็ญตนได้ไม่นานก็ยกระดับพลังขึ้นอีกมาก
เดิมเขาตั้งใจจะฝึกต่อ ทว่าเขาไม่มีสมาธิจริง ๆ เขานึกไปถึงเหล่าของวิเศษอีกแล้ว จนยากจะสงบใจไว้ได้
“พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ!”
เขาเอ่ยเสียงรำ่ไห้ รู้สึกอยู่เนือง ๆ ว่าหนนี้ต้องเกิดเรื่องอีกแน่ ช่วยไม่ได้ เหล่าของวิเศษสร้างบาดแผลให้ใจเขาอย่างหนัก เขารู้สึกว่าแม้แต่จ้าวแห่งรัตติกาลก็มิอาจต่อกรกับเหล่าของวิเศษได้
“เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นผู้ร้ายต้องชดใช้กรรม พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย หนนี้พวกท่านโทษข้าไม่ได้ ท่านพ่อบุญธรรมรั้นจะไปแก้แค้นแทนข้าให้ได้! หากพวกท่านเคียดแค้น ก็จงเคียดแค้นท่านพ่อบุญธรรม อย่าได้เคียดแค้นข้าเลย!”
เขากล่าวต่อ “เอ่อ พี่ชายพี่สาวทั้งหลายก็อย่าเคียดแค้นท่านพ่อบุญธรรมของข้าเลย ข้าอุตส่าห์ได้เจอท่านพ่อบุญธรรมที่ดีต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าเพียงแต่อยากใช้ชีวิตกับท่านพ่อบุญธรรมของข้าต่อไปอย่างสงบเท่านั้น!”
จ้าวแห่งรัตติกาลดีกับเขามากจริง ๆ เขาเห็นจ้าวแห่งรัตติกาลเสมือนบิดาบังเกิดเกล้า ไม่อยากให้เกิดอันใดขึ้นกับจ้าวแห่งรัตติกาล!
อีกด้าน ฝูถูไปถึง!
มันนำทัพสิ่งมีชีวิตพิศวงมาที่อาณาจักรอวี้ซวี!