เมื่อเดือนสิงหาคมมาถึง
กระแสภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนผ่านพ้นไปในที่สุด ขณะที่ออกฉายจากโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่แต่ละแห่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ทะลุ 450 ล้านไปแล้ว ทั้งยังเป็นเพียงผลงานซึ่งใช้ต้นทุนสร้างเพียงหนึ่งร้อยล้านหยวน ความสำเร็จของแมงมุมตัวน้อยนั้นเจิดจรัสอย่างไม่ต้องสงสัย
นับประสาอะไรกับ…
กระแสของสินค้า
ชุดสไปเดอร์แมนผู้หญิงเป็นที่เป็นประแสโด่งดังจนถึงขั้นที่ไปปรากฏในภาพยนตร์ผู้ใหญ่จากทางฉู่โจว ทว่าไม่นานก็ถูกบริษัทผลิตสินค้าและสตาร์ไลท์ฟ้องร้อง
การต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นทุกคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบ
ภาพยนตร์ขนาดเล็กไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย
และด้วยความอิจฉาในกระแสนิยมของสไปเดอร์แมน ตำนานมนุษย์มังกรพยายามเลียนแบบผลิตสินค้าบ้าง ผลสุดท้ายกลับจบลงอย่างน่าสลดใจ ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าของอย่างสินค้าเหล่านี้ยังอาศัยตัวละครที่ได้รับความนิยมมากพอ…
ในเดือนสิงหาคมนี้
วิดีโอเบื้องหลังรายการเพลงรูปแบบใหม่อย่าง ‘เพลงของเรา’ ดึงดูดความสนใจบนโลกออนไลน์ได้สำเร็จ ในที่สุดเมื่อเริ่มนับถอยหลังการออกอากาศ ผู้ชมซึ่งตั้งตารออยู่ตั้งแต่แรกก็ตรงไปเฝ้าหน้าจอในทันที
‘จะเริ่มแล้ว!’
‘ยกเก้าอี้มารอแล้ว!’
‘แถวหน้ามีเมล็ดแตงโมกับเครื่องดื่มขายคร้าบบ!’
‘รีบหน่อย รู้สึกเหมือนกลับย้อนกลับมาเมื่อหลายเดือนนั้นที่ดูราชาหน้ากากนักร้องอีกแล้ว ทุกวันหลังเลิกงานต้องมานั่งหน้าจอรีเฟรชรอรายการตอนใหม่’
‘…’
รายการวาไรตีเป็นอาหารทางจิตวิญญาณสำหรับใครหลายคน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะชอบดู นอกเสียจากว่ารายการนั้นดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากพอ และรายเพลงของเราก็คือรายการวาไรตีหนึ่งในนั้น
ขณะเดียวกัน
หลินเยวียนอยู่ในห้องโถงใหญ่ ห้องส่งของรายการเต็มไปด้วยผู้ชม ถึงแม้ผู้ชมในห้องส่งจะนับว่ามีเพียงหยิบมือเมื่อเทียบกับผู้ชมนอกห้องส่ง แต่บรรยากาศของห้องส่งจำเป็นต้องมีสีสันจากผู้ชม
ด้านหลังเวที
ภายใต้คำสั่งจากถงซูเหวิน การถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้น พิธีกรอันหงเดินขึ้นมาบนเวที และอ่านคำเปิดเวทีอย่างมีจังหวะจะโคน “ยินดีต้อนรับผู้ชมในห้องส่งและผู้ชมทางหน้าจอทุกท่านเข้าสู่เพลงของเรา ผมคืออันหง พิธีกรของรายการ…”
ด้านล่างเวที
ผู้ชมส่งเสียงเชียร์
คอมเมนต์ในหน้าจอแน่นขนัดขึ้นมา ผู้ชมทั่วไป พร้อมทั้งแฟนคลับของนักร้องและนักประพันธ์เพลงมารวมตัวกันคับคั่ง ทำให้รายการใหม่นี้คึกคักขึ้นมาทันทีที่เปิดตัว
ในเวทีแรก
หุ่นยนต์เหลียงจื่อหยวนที่อู่หลงเลือกนั้น เผชิญหน้ากับเจียงขุยซึ่งไมค์เป็นคนเลือก เหลียงจื่อหยวนเริ่มร้องก่อน ปรากฏว่าทันที่เหลียงจื่อหยวนขึ้นเวที เขาทำให้ผู้ชมทั้งห้องส่งหัวเราะครืน “ผมกลัวการร้องก่อนนี่แหละครับ ใครเริ่มก่อนแพ้”
ใครเริ่มก่อนแพ้
นี่คือมุกตลกซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากราชาหน้ากากนักร้องจบลง กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นของการแข่งขัน นักร้องซึ่งเริ่มร้องก่อนเป็นฝ่ายแพ้ ช่างเป็นเรื่องลึกลับเสียจริง ดังนั้นผู้ชมในห้องส่งจึงผุดยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
ทั้งสองฝั่งของเวที
มีเก้าอี้ขนาดใหญ่สองตัว
เก้าอี้หรูหราทั้งสองตัวนี้เตรียมไว้สำหรับนักประพันธ์เพลง นักร้องฝั่งซ้ายเริ่มก่อน เพราะฉะนั้นจึงเป็นตำแหน่งของอู่หลง ส่วนฝั่งขวาร้องเพลงทีหลัง ไมค์จึงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอู่หลง เมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นจะมองเห็นกันและกันพอดี
ในที่สุด…
เหลียงจื่อหยวนก็เริ่มต้นร้องเพลง!
เพลงที่เขาร้องมีชื่อว่า ‘ซุปมิโซะ’ เป็นเพลงภาษาฉีตามแบบฉบับ เนื่องจากชาวฉู่ชอบกินซุปมิโซะ ทว่าผู้คนจากทวีปอื่นส่วนมากไม่คุ้นเคย เนื้อหาหลักของเพลงบอกเล่าเกี่ยวกับความรู้สึกของชาวฉู่ซึ่งอยู่ห่างไกล แต่ใจยังคงคิดถึงบ้านเกิด
ไม่มีการอวดเทคนิคใดๆ
ในครั้งนี้เหลียงจื่อหยวนมาด้วยความเรียบง่าย ท่วงทำนองเพลงช้า เข้ากับภาษาฉู่ของเขา เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ทันทีที่ร้องจบ ทั้งห้องส่งต่างปรบมือให้อย่างอบอุ่น นี่คือเพลงใหม่ซึ่งน่าประทับใจยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นทำนองเพลงของอู่หลงหรือเสียงร้องของเหลียงจื่อหยวน ล้วนถ่ายทอดความรู้สึกของบทเพลงออกมาได้เป็นอย่างดี มาตรฐานของนักประพันธ์เพลงระดับแนวหน้าแสดงออกมาอย่างแจ่มชัดผ่านบทเพลงนี้ แม้แต่หลินเยวียนฟังแล้วยังพยักหน้าตาม เพลงนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ต่อมา
เจียงขุยก้าวออกมาจากแถว
เพลงที่ไมค์เตรียมไว้สำหรับเจียงขุยนั้นมีชื่อว่า ‘ติ๊งต่อง’ ฟังจากชื่อเพลงแล้วออกจะนามธรรมอยู่สักหน่อย อันที่จริงเนื้อเพลงก็เป็นนามธรรมเช่นกัน ทว่าทำนองเพลงนั้นน่าประทับใจ มีสไตล์ของเพลงอิเล็กทรอนิกส์ที่หนักหน่วง จังหวะมีความแปลกใหม่ กล้าหาญ และนำสมัยมาก
ผู้ชมพากันคึกครื้น!
ไม่มีการอวดทักษะและเสียงสูงเฉกเช่นในราชาหน้ากากนักร้อง และสไตล์ของทั้งสองเพลงนี้ก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เพลงแรกเป็นบัลลาดซึ่งคงความดั้งเดิม เพลงหลักล้ำสมัยและติดหู
ถ้าหากกล่าวว่าราชาหน้ากากนักร้องคือการแข่งขันระหว่างนักร้อง รายการนี้ก็มุ่งเน้นการประพันธ์เพลงมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
ท้ายที่สุด…
อู่หลงและหุ่นยนต์ได้คะแนนโหวตไป 35.21 ล้านโหวต!
ส่วนไมค์และเจียงขุยได้ 33.46 ล้าน!
ทำลายอาถรรพ์ที่ว่าใครเริ่มก่อนแพ้ได้เป็นครั้งแรก
กล้องตัดไปยังห้องของหลินเยวียน
หลินเยวียนฟังเพลงไปพลางกินปลาเล็กปลาน้อย
ทีมงานรายการเตรียมขนมและเครื่องดื่มในปลาเล็กปลาน้อยไว้ในห้องรับรองบนโต๊ะของหลินเยวียนมีขนมจำพวกปลาเล็กปลาน้อยวางไว้
คอมเมนต์กระสุนต่างคึกครื้นขึ้นมา
‘ฮ่าๆๆๆ ปลาเล็กปลาน้อย!’
‘ทีมงานรายการสร้างเรื่องมาก ให้พ่อเพลงอวี๋กินปลาเล็กปลาน้อย!’
‘ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ถูกต้องที่สุด’
‘กำลังบอกเป็นนัยว่านางเงือกกลายเป็นปลาเล็กปลาน้อยไปแล้ว?’
‘…’
คอมเมนต์ล้วนเต็มไปด้วยคำหยอกล้อ
หลินเยวียนกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องปลาเล็กปลาน้อย แต่กลับตกใจในกระแสของรายการ
ก็ดูความอลังการของคะแนนโหวตของคู่แรกสิ
ลำพังยอดรวมของคะแนนโหวตในคู่แรก ก็เกือบแตะ 70 ล้านแล้ว
เห็นได้ชัดว่าจำนวนผู้ชมที่รับชมรายการนี้พร้อมกันนั้นน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน!
แม้ว่านักร้องทั้งสองคนจะยังไม่ได้ระเบิดเวทีก็ตาม
เห็นได้ชัด
ว่าในเวลานี้นักประพันธ์เพลงค่อนข้างออมแรง
บทเพลงที่ระเบิดเวที คงจะยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา
ถึงอย่างไรในการแข่งขันรอบนี้ก็ไม่มีการคัดออก ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการแข่งขันกินเวลานาน ไม่มีนักประพันธ์เพลงชั้นนำคนไหนที่จะหยิบเพลงไม้ตายซึ่งเก็บซ่อนไว้ออกมาตั้งแต่ในช่วงแรกของรายการหรอก
ทว่า…
ต่อให้เป็นเช่นนั้น ด้วยความร่วมมือของนักประพันธ์เพลงชั้นนำและนักร้องชั้นนำ การแข่งขันจึงแปรเปลี่ยนเป็นการเฉลิมฉลองทางดนตรี!
ในเวลานี้
อันหงขึ้นเวที “ขอบคุณสำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยมของกลุ่มแรกครับ ลำดับต่อไปขอเชิญอาจารย์อิ่นตงและนักร้องซุนเหมิงเหมิง พบกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋และนักร้องเฉินจื้ออวี่ครับ!”
เฮๆๆ !
ห้องส่งคึกคักขึ้นมา
หลังจากเซี่ยนอวี๋ถอดหน้ากาก ความโด่งดังของเขาก็น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาก เพราะฉะนั้นจำนวนแอร์ไทม์ของเขาจะสูงกว่าเมื่อก่อน
‘ถึงคู่ของพ่อเพลงอวี๋กับอาจารย์อิ่นตงแล้ว!’
‘ต้องสนุกแน่ๆ !’
‘อิ่นตง: ล้างแค้น!’
‘ฮ่าๆๆ ล้างแค้นอะไรล่ะ คุณคิดว่าอาจารย์อิ่นตงคือผู้หญิงคนนั้นเหรอ’
‘รายนั้นเหน็บหนาวไปแล้วไหม ครั้งนี้ไม่ได้รับเชิญจากรายการเลย’
‘แต่อิ่นตงแพ้เซี่ยนอวี๋มาสองรอบแล้วนะ’
‘เวทีวันนี้อินตงจะพลิกสถานการณ์ได้ไหม?’
‘…’
…………………………………………….