ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 14 จี้เจี้ยนอวิ๋นกำลังจะกลับมา!

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

บทที่ 14 จี้เจี้ยนอวิ๋นกำลังจะกลับมา!

“ฉันลากลับได้ใช่ไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวด้วยความงุนงง

“ใช่ แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน นายต้องรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด” ถงต้าเหอพยักหน้าขณะกินเนื้อแดดเดียว

จากนั้นเขาก็กล่าวชมว่า “ฝีมือการทำอาหารของน้องสะใภ้ดีมากเลย ถึงฉันจะได้กลิ่นเครื่องยาจีนในเนื้อนี่ แต่รสชาติของมันกลับดีมาก!”

“หล่อนใส่วัตถุดิบเครื่องยาจีนบางอย่างลงในเนื้อเพื่อบำรุงร่างกายน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับขณะที่กำลังรีบเขียนคำร้องขอกลับบ้าน ก่อนยัดห่อเนื้อแดดเดียวให้กับผู้เป็นสหาย “เนื้อนี่ภรรยาของฉันทำไว้เยอะ นายเอาไปแบ่งกินกับคนอื่น ๆ ได้นะ”

“เหๆ ให้มาเยอะจริง เกรงว่าจะหนัก 5 หรือ 6 ชั่งนะเนี่ย ขอบคุณน้องชายกับน้องสาวมากนะ!” ถงต้าเหอกล่าว

เนื้อวัวไม่ได้มีราคาถูก แถมกรรมวิธีการทำแบบนี้ก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่กุญแจสำคัญอยู่ที่รสชาติ ซึ่งมันอร่อยมาก!

ทันทีที่ถงต้าเหอจากไป จี้เจี้ยนอวิ๋นก็แกะห่อเนื้อวัวแดดเดียวของตนเองออก ภายในนั้นมีเนื้อแดดเดียวอยู่เกือบ 10 ชั่ง มันส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานเสียจนจี้เจี้ยนอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมากิน จากนั้นรสชาติกลมกล่อมของมันก็อวลไปทั่วทั้งปาก

ทำไมเขาไม่ยักรู้เลยว่าภรรยาของเขาทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้?

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่อาจรู้เลยว่าเธอเคี่ยวเนื้อแดดเดียวด้วยน้ำจากน้ำพุวิเศษ จากนั้นก็ซื้อเครื่องยาจีนปริมาณมหาศาลมาคลุกเคล้ากับเนื้อตามสูตรลับของเธอ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเหนื่อยล้า มันยังช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย เป็นเพราะซูตานหงกลัวว่าเขาจะต้องเผชิญกับลมและฝน เธอจึงช่วยเหลือเขาด้วยวิธีนี้

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่รู้ว่าภรรยาตนมีดวงวิญญาณเปลี่ยนไปเป็นของอีกคนหนึ่ง เขาแบ่งเนื้อแดดเดียวออกมา 2-3 ชั่ง ส่วนที่เหลือเก็บไว้ในตู้ จากนั้นจึงนำเนื้อแดดเดียวมามอบให้กับหัวหน้า

ต่อจากนั้นเขาก็เอ่ยขอลากิจในช่วงตรุษจีน

“คุณเพิ่งกลับมาจากวันหยุดพักผ่อนไม่ใช่เหรอ?” หัวหน้าพูดขณะกินเนื้อวัว

“ท่านครับ กระผมอายุจะสามสิบแล้วและยังไม่มีลูก ถ้ามีเหตุฉุกเฉินกระผมจะกลับมาทันทีครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

“เมื่อก่อนคุณมีแต่จะให้วันหยุดของคุณกับคนอื่น แต่ทำไมคราวนี้คุณถึงอยากกลับบ้านล่ะ?” หัวหน้าพูดอย่างอารมณ์เสีย

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและตอบกลับ “กระผมเพิ่งจะแต่งงานน่ะครับ”

“ได้ ผมจะให้คุณลาพัก 7 วัน แต่ถ้ามีภารกิจเร่งด่วนผมจะเรียกคุณกลับมา” หัวหน้ากล่าว

“ครับหัวหน้า” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม และเอ่ยอย่างมีความสุข

“ทำไมคุณไม่เอาเนื้อวัวมากกว่านี้มาให้ผม” หัวหน้ากล่าว

“ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับท่าน!” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบในทันที จากนั้นก็เดินออกไป

เขาส่งเนื้อแดดเดียวมาให้หัวหน้ามากกว่า 2 ชั่ง เมื่อหัวหน้าเห็นว่าเด็กคนนี้ยังมีเหลืออีกมาก เขาก็หัวเราะพลางด่าอย่างขบขันและไม่พูดอะไรมาก

เนื้อแดดเดียวนี่อร่อยจริง ๆ แค่กินไปไม่กี่คำเขาก็รู้สึกตัวอุ่นสบายขึ้นมา

จี้เจี้ยนอวิ๋นยกปากกาและเขียนจดหมายส่งกลับไปหาซูตานหง เขาเขียนบอกไปว่าตนเองจะกลับบ้านในช่วงตรุษจีน

ซูตานหงเพิ่งได้รับจดหมายในตอนที่เธอนำผ้าลายมังกรคู่คาบแก้วที่ปักเสร็จแล้วไปให้หงเจี่ยและรับเงินมา 500 หยวน และได้มาที่ที่ทำการไปรษณีย์เพื่อสอบถามว่ามีจดหมายมาถึงเธอหรือไม่

ที่ทำการไปรษณีย์จะส่งจดหมายไปยังแต่ละหมู่บ้าน แต่ผู้รับก็สามารถมารับจดหมายหรือพัสดุจากที่ทำการไปรษณีย์โดยตรงได้เช่นกัน

เห็นได้ว่าจดหมายของจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นเพิ่งมาถึง และยังไม่ได้ถูกส่งไปยังหมู่บ้านในทันที

เมื่อกลับมาถึงบ้านและอ่านเนื้อความในจดหมายแล้ว ซูตานหงก็รู้สึกดีใจมาก

เวลาผ่านไปจนเข้าสู่เดือนสิบสอง เมื่อวานนี้มีหิมะตกหนักมาก ผักกาดกวางตุ้งที่อยู่ในสวนหลังบ้านถูกเก็บเข้ามาก่อนที่หิมะจะตก มันโตเร็วมากจนคุณแม่จี้ต้องพูดกับคุณพ่อจี้ ส่วนคุณพ่อจี้เองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เรื่องนี้จึงถูกพับประเด็นไป

วันนั้นซูตานหงรับจดหมายและซื้อเนื้อมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเนื้อแกะและเนื้อวัว แต่เธอซื้อเนื้อหมูไม่มากนัก เพราะในอีกไม่กี่วันจะมีการเชือดหมูในหมู่บ้าน มันไม่สายเกินไปที่จะซื้อในภายหลัง

เมื่อซูตานหงกำลังถือของเหล่านี้กลับมาในหมู่บ้าน เธอก็เจอกับคน ๆ หนึ่งเข้าพอดี เห็นได้ชัดว่าหล่อนเพิ่งกลับมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบหนึ่ง

เด็กสาวคนนี้มีอายุราว 18 หรือ 19 ปี หล่อนเห็นซูตานหงแล้วก็เหลือบมองอีกหลายครั้ง หมู่บ้านซินเต้ามีลูกสะใภ้ใบหน้ารูปไข่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ซูตานหงมองหล่อนเช่นกัน แต่ไม่ได้มองหล่อนด้วยสายตาแปลกพิกลเหมือนที่หล่อนมองมา เธอจำได้เลือนรางว่าอีกฝ่ายคือจี้อวิ๋นอวิ๋นน้องสาวของจี้เจี้ยนอวิ๋น

“อวิ๋นอวิ๋น เธอกลับมาแล้วเหรอ” ซูตานหงกล่าวทักทาย

อันที่จริงซูตานหงไม่อยากทักทายจี้อวิ๋นอวิ๋น เพราะเจ้าของร่างเดิมและจี้อวิ๋นอวิ๋นเข้ากันไม่ได้ราวกับไฟและน้ำ ฝ่ายพี่สะใภ้ก็ทำตัวไม่เหมือนพี่สะใภ้ ส่วนน้องสามีก็ทำตัวไม่เหมือนน้องสามี ต่างฝ่ายต่างผิดด้วยกันทั้งคู่

จี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมปลายและกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าของร่างเดิมล่ะได้เรียนชั้นประถมศึกษาเพียงกี่ปี? แถมจี้อวิ๋นอวิ๋นยังอ่อนอายุกว่าซูตานหงในชาติก่อนเพียง 2-3 ปีเท่านั้น ไม่ใช่เด็กเล็กอีกต่อไป จึงไม่อาจถือว่าหล่อนเป็นคนไม่รู้ความ

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ซูตานหงทักทายหล่อนด้วยน้ำเสียงฟังดูใจดี

“คุณคือ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่คิดว่าหญิงสาวสวยผู้ไม่รู้ว่ามาจากตระกูลไหนจะรู้จักหล่อนด้วย จึงถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ

“ฉันคือซูตานหง ภรรยาพี่ชายสามของเธอจ้ะ” ซูตานหงตอบ

“ซูตานหง?” จี้อวิ๋นอวิ๋นผงะไปและมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้เป็นซูตานหงจริง ๆ เรื่องนี้ทำให้หล่อนตกใจมา “เธอกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”

นับจากครั้งสุดท้ายที่จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมาที่บ้านเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ช่วงนั้นเองซูตานหงได้ใช้น้ำจากน้ำพุวิเศษในการดื่มและอาบ

ไม่เพียงแต่น้ำนี่จะช่วยทำให้พืชผักเจริญเติบโต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพของเธออีกด้วย

การได้ดื่มน้ำพุวิเศษตลอดทั้งปีทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายและกระดูกของตนเองแข็งแรงขึ้น ในครั้งแรกที่ดื่มเข้าไป เธอมักจะเห็นคราบดำทั้งเหม็นและมันย่องปรากฏบนร่างกายของเธอ แต่หลังจากนั้นมันก็เหมือนกับการชำระล้างกล้ามเนื้อและกระดูกตามวิถีของผู้ฝึกเซียนที่เธอเคยเห็นในหนังสือภาพเมื่อชาติที่แล้ว

เป็นแบบนี้อยู่ครึ่งเดือน ต่อมาเธอก็พบว่ามีบางครั้งเท่านั้นที่ตนเองจะมีเหงื่อไหลไคลย้อยมันย่อง ขณะที่เวลาส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้น

เนื่องจากเธอล้างหน้าด้วยน้ำพุวิเศษบ่อย ๆ และใช้มันทั้งดื่มและอาบ สองเดือนต่อมา ซูตานหงก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

เธอมีรูปร่างผอมบางมากกว่าแต่ก่อน แม้จะยังดูเจ้าเนื้อ แต่ก็ไม่ถึงขั้นอ้วน แค่อวบอิ่มมีน้ำมีนวลเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้นใบเธอยังดูงดงามขึ้น ขนคิ้วอ่อนละเอียดดกดำ แถวผิวก็ดูขาวขึ้น

แต่ซูตานหงจินตนาการถึงรูปลักษณ์แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นในตอนที่ปักมังกรคู่คาบแก้ว เธอจึงออกมาเดินรอบ ๆ หมู่บ้านทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เนื่องเพราะเธอกังวลว่ารูปลักษณ์ของตนจะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจนทำให้ทุกคนปรับตัวไม่ทัน

โชคดีที่การกระทำของเธอได้ผล ในตอนที่เธอได้เลื่อนขั้นเป็นช่างปักผ้าแต่ไม่รับบรรดาลูกศิษย์และเหล่าผู้หญิงที่ถอดใจกับการปักผ้าไปครึ่งหนึ่ง ทุกคนก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างช้า ๆ

แตกต่างจากจี้อวิ๋นอวิ๋นที่เพิ่งกลับมาที่นี่

เมื่อมองซูตานหงที่แตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง จี้อวิ๋นอวิ๋นก็เบิกตากว้าง

“น้องสามี เธอกลับไปก่อนเถอะ พี่ขอเอาเนื้อไปเก็บก่อนนะ” ซูตานหงบอก

เนื้อเหล่านี้จะถูกแช่แข็งไว้เพื่อรอจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา

ฝ่ายจี้อวิ๋นอวิ๋นที่กลับถึงบ้านยังคงตกใจอยู่บ้าง แต่เมื่อพบหน้าคุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้แล้วหล่อนจึงหายตกใจในที่สุด

“พ่อ แม่ หนูกลับมาแล้วค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย

“แกกลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับมาเองไม่รอให้พ่อไปรับ” คุณแม่จี้พูดอย่างมีความสุข นางรีบเข้าไปช่วยขนกระเป๋าให้หล่อน “เหนื่อยหรือเปล่าลูก มาพักผ่อนก่อน”

“แม่ ตอนที่หนูมา หนูเห็นซูตานหงด้วยล่ะค่ะ นั่นคือหล่อนจริง ๆ เหรอ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยรัวเร็วพร้อมกับทำหน้าตื่นตกใจ

……………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท