ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 19 จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 19 จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว

กาลเวลาผ่านไป วันปีใหม่ก็ได้มาถึง

ในวันนี้มีการล้มหมูกันในหมู่บ้าน ซึ่งชาติที่แล้วซูตานหงไม่เคยเห็นการล้มหมูด้วยตาของตัวเองมาก่อน เธอจึงติดตามคุณป้าหยางมาดูบรรยากาศการช่วยเหลือกันอย่างครึกครื้นมีชีวิตชีวาในครั้งนี้ด้วย

ในตอนแรกนั้นเธอคิดว่าตัวเองจะรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อได้เห็นฉากล้มหมูเข้าจริง ๆ เธอจึงพบว่าเป็นตัวเองที่คิดมากเกินไป

เธอมีความสามารถในการปรับตัวที่ดีเยี่ยม ซูตานหงไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อเห็นฉากนี้ ในความคิดเธอมีเพียงแต่ว่าจะได้เนื้อหมูมาทั้งตัวหรือครึ่งตัวดี

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะรับเนื้อหมูครึ่งตัว

ครั้งนี้ทางหมู่บ้านล้มหมูทั้งหมด 6 ตัว แต่ซูตานหงต้องการเนื้อหมูถึงครึ่งตัว เรื่องนี้จึงเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านทั้งหลาย

คุณแม่จี้ขอหัวหมู ท้องหมู และไส้หมูสองชุด ซึ่งถือว่าเป็นของที่ต้องการเช่นกัน แต่ในเมื่อซูตานหงขอเนื้อหมูไปครึ่งตัวแล้ว เธอจึงยังได้รับของเหล่านี้อยู่

เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานก็เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน ดวงตาของพวกหล่อนทั้งสองเป็นประกายพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาทันที่

“ตานหง เธอซื้อเนื้อมาเยอะขนาดนี้เพื่อกินในเทศกาลปีใหม่นี้เหรอ ให้พวกเราสัก 2-3 ชั่งได้หรือเปล่า ตอนนี้โหวหวาจืออยากกินเนื้อมากน่ะจ้ะ” เฝิงฟางฟางเอ่ย

“ใช่ ตานหง เธอแบ่งเนื้อหมูให้พวกเราหน่อยสิ เธอกับเจี้ยนอวิ๋นกินกันสองคนไม่หมดหรอก” จี้มู่ตานกล่าว

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง ตรงนั้นยังมีเนื้อหมูอีกเยอะนะคะ ถ้าพวกพี่อยากได้ก็สามารถซื้อได้ที่นั่นเลย ส่วนของฉันกะจะแบ่งให้คุณพ่อคุณแม่แล้วก็ครอบครัวทางบ้านแม่ของฉันน่ะค่ะ ฉันเลยเหลือไม่มากเท่าไหร่” ซูตานหงตอบอย่างไม่ยอมแพ้

คิดว่าเธอไม่รู้หรือว่าพวกหล่อนสองคนหมายความว่าอย่างไร? ในวันปกติครั้งแล้วครั้งเล่าเธอไม่เห็นบ้านรองจะเข้ามาขอผลประโยชน์แบบนี้ แต่ตอนนี้กลับหวังพึ่งพาทุกอย่างกับเธอ

เธอจะหัวอ่อนไม่ได้ เธอไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอก!

เมื่อเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานได้รับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแล้ว พวกหล่อนจึงต้องไปซื้อเนื้อมา 2 ชั่งด้วยตัวเอง และทนไม่ได้ที่ต้องควักเงินตัวเองซื้อไป

ซูตานหงขอให้คนขายหมูสับซี่โครงและเนื้อให้กับเธอ ก่อนจะนำเนื้อทั้งหมดใส่รถเข็นและลากรถจากไป

รถเข็นคันนี้คุณพ่อจี้เป็นคนทำให้เธอในไม่กี่วันที่ผ่านมา

เมื่อซูตานหงกลับมาถึงบ้าน เธอก็หั่นเนื้อหมู 1 ชั่งแบ่งให้พ่อแม่สามีทันที จากนั้นก็แยกเนื้ออีก 10 ชั่งไว้ให้ครอบครัวทางฝั่งแม่ ระหว่างนั้นเธอก็แวะนำเนื้อส่วนที่เหลือสำหรับครอบครัวตัวเองไปเก็บไว้ที่บ้าน

หลังจากที่ส่งเนื้อให้ทั้งสองครอบครัวแล้ว เธอก็กลับมาลงมือทำอาหาร

หญิงสาวทำลูกชิ้นหมูกับลูกชิ้นเนื้อ ซึ่งมันส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลทั่วลานบ้านตลอดทั้งวัน

คุณลุงหยางและคุณป้าหยางที่อยู่ข้างบ้านก็ได้กลิ่น คุณป้าหยางถึงกับมาเคาะประตูบ้าน เมื่อรู้ว่าเธอกำลังทำลูกชิ้น นางก็เข้ามาช่วยเป็นลูกมือด้วย

การมีคุณป้าหยางมาช่วยทำให้ซูตานหงทำงานเสร็จเร็วขึ้นมาก หลังจากนั้นสองวันเธอก็ทำลูกชิ้นเนื้อกับลูกชิ้นหมูได้สองหม้อใหญ่ ๆ นอกจากนี้เธอยังเตรียมหม้อน้ำซุปไว้ตักลูกชิ้นใส่อีกหม้อหนึ่งด้วย จนในหม้อนั้นมีทั้งลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นเนื้อ

หญิงสาวส่งลูกชิ้นเนื้อและลูกชิ้นหมูจำนวนเล็กน้อยให้คุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ลองชิมดูแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นเธอเก็บไว้กินเอง

นอกจากลูกชิ้นแล้วยังมีซี่โครงหมูทอด เกี๊ยว และอาหารอื่น ๆ ด้วย ที่ต้องเตรียมของพวกนี้ไว้ก็เพราะว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว ซึ่งตอนนี้อากาศกำลังหนาวจัด เธอจึงไม่กลัวว่าพวกมันจะบูดเสีย

เพราะซูตานหงยุ่งมาก เวลาจึงผ่านไปค่อนข้างเร็ว และทั้งห้องครัวก็มีแต่กลิ่นของอาหารอบอวลไปทั่ว

สิ่งของทุกอย่างภายในบ้านถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ เสี่ยวเฮยตระเวนไปรอบ ๆ ในสนามหน้าบ้าน เมื่อเร็ว ๆ นี้ซูตานหงไม่ได้ล่ามมันเอาไว้ เพราะมันไม่ชอบออกไปข้างนอกบ้านต่อให้จะไม่ได้ล่ามมันเอาไว้ก็ตาม ส่วนใหญ่มันจะยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูและมองไปรอบ ๆ เพื่อปกป้องบ้านหลังนี้

ทุกครั้งที่คนเข้ามาใกล้บ้าน พวกเขาจะหยุดอยู่ข้างนอกและไม่กล้าคิดที่จะเข้ามา

คุณป้าหยางมาที่นี่หลายครั้งและยังเจอกับการปฏิบัติแบบนี้ มีหลายครั้งทีเดียวที่นางบ่นให้ซูตานหงฟังแต่ก็ไร้ประโยชน์ ซึ่งไม่ว่านางจะมากี่ครั้งกี่หนเสี่ยวเฮยก็ยังทำเช่นนี้ มันปฏิบัติกับคนอื่นในแบบของมันต่อไปและไม่ยินยอมให้ใครเข้าบ้านเช่นเคย

หิมะตกหนักมากในคืนที่ล้มหมู นี่เป็นหิมะครั้งที่สามของปีนี้แล้ว

หิมะยังคงตกหนักต่อไปจนถึงคืนก่อนวันส่งท้ายปีเก่า เรื่องนี้ทำให้ซูตานหงเป็นกังวลเล็กน้อยว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ และยังกังวลว่าเขาจะกลับมาได้ทันเวลาหรือเปล่า

กลางดึกคืนนั้นเองเสี่ยวเฮยก็เห่ากรรโชกออกมา เห็นได้ชัดว่ามันตั้งท่าจะต่อสู้กับใครบางคน ซูตานหงสะดุ้งตื่นแล้วรีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้ามิดชิดในทันทีพร้อมกับถือไม้ท่อนหนึ่งออกมาด้วย

“แกกล้าเข้าบ้านฉันเหรอเจ้าหัวขโมย วอนตายเสียแล้ว!” ซูตานหงเปิดประตูแล้วตะโกนเสียงดังลั่น

คุณป้าหยางกับเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งก็สะดุ้งเช่นกัน พวกเขาก็เปิดประตูแล้วรีบวิ่งมาหาทันทีที่ได้ยินความเคลื่อนไหว

“ตานหง นี่ผมเอง” เสียงของจี้เจี้ยนอวิ๋นดังออกมาจากความมืด

“เจี้ยนอวิ๋น?” ซูตานหงชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

“โฮ่ง! โฮ่ง!” เสี่ยวเฮยยังคงเห่าเสียงขรม

“เสี่ยวเฮย คนนี้คือนายท่านของแก หยุดเห่าได้แล้ว” ซูตานหงเดินออกมาแล้วพูดเสียงดุ ๆ

จากนั้นเธอจึงเห็นว่าสามีผู้ห้าวหาญกำลังกดเสี่ยวเฮยเอาไว้ข้างใต้ แม้เสี่ยวเฮยจะดุร้ายมาก แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนอวิ๋น

เจ้าสุนัขดำยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้และแยกเขี้ยวขู่

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของซูตานหง มันก็ดูเหมือนจะเข้าใจจะส่งเสียงครางต่ำ ๆ ออกมา

จี้เจี้ยนอวิ๋นปล่อยมือออกจากเสี่ยวเฮย เจ้าสุนัขดำเองก็ไม่อยากต่อสู้อีก มันสะบัดหิมะบนตัวออกแล้วเดินไปหาซูตานหงก่อนเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างประจบ

“สุนัขดี!” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดขณะปัดหิมะออกจากตัวของเขาและอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า

“แน่สิคะว่าต้องดี เพราะฉันเลี้ยงมันมากับมือ” ซูตานหงยิ้มและเอ่ยต่อ “รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ ทำไมคุณถึงกลับมาเวลานี้ล่ะคะ”

จีเจี้ยนหยุนเงยหน้าขึ้นหลังจากปัดหิมะบนตัวของเขาออกหมดแล้ว เมื่อเห็นซูตานหงได้ถนัดตาเขาก็ตะลึงไป “คุณคือ…ตานหง?”

ซูตานหงมองผู้เป็นสามีอย่างขุ่นเคือง ขณะที่จะพูดอะไรออกไปนั้นก็มีเสียงของคุณลุงหยางกับคุณป้าหยางดังขึ้นพอดี “ตานหง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ทำไมเสี่ยวเฮยถึงเห่าเสียงดังมากเลยละ”

“คุณลุงหยาง คุณป้าหยาง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีเจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้วเสี่ยวเฮยไม่รู้จักเขาน่ะค่ะ” ซูตานหงรีบตอบกลับพลางผลักจี้เจี้ยนอวิ๋นเข้าบ้าน

ตาทึ่มนี่ ทำไมกลับมาแล้วถึงไม่บอกกล่าวให้คนอื่นรู้สึกสบายใจบ้าง?

“คุณลุงหยาง คุณป้าหยาง นี่ผมเองครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบหลังมีสติกลับมา ตอนนั้นเขาเหลือบเห็นซูตานหงแล้ว เขาจึงเดินมาเปิดประตู แต่พอก้าวผ่านกำแพงเข้ามาถึงลานบ้านได้ เขาก็ต้องล้มลงเมื่อเสี่ยวเฮยกระโจนเข้าใส่ ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจไม่น้อย

“เป็นเจี้ยนอวิ๋นนี่เอง” พอคุณลุงหยางกับคุณป้าหยางเห็นว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ

“มันดึกมากแล้ว คุณลุุงหยางกับคุณป้าหยางกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมจะไปเยี่ยมใหม่ในวันพรุ่งนี้” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

ทั้งสองอุตส่าห์รีบรุดมาเร็วขนาดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเอาใจใส่ภรรยาของเขาอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกขอบคุณ

คุณลุงหยางกับคุณป้าหยางตอบกลับ จากนั้นจึงค่อยกลับบ้านไป

หลังจากปิดประตูแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงได้รู้ว่าซูตานหงเข้าไปในครัว

เมื่อเดินตามเข้ามา เขาก็เห็นว่าภรรยาของเขากำลังทำเกี๊ยวให้เขาอยู่ ทันทีที่เกี๊ยวชามใหญ่ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาจากครัว ซูตานหงก็ยื่นมันให้เขา “คุณได้กลับมารถเที่ยวสุดท้ายเหรอคะ ท่าทางคงจะหิวแย่ รีบกินเถอะค่ะ ในเกี๊ยวนี่มีทั้งหมูกับผักกาดเขียวด้วยนะคะ”

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่จะนั่งลง

ซูตานหงไม่ทิ้งน้ำที่เหลืออยู่ในหม้อไปเปล่า ๆ เธอหยิบฟืนใส่เข้าไปในเตา และเอ่ยขึ้น “หลังคุณกินเสร็จแล้วก็แช่เท้าในน้ำอุ่นไล่ความหนาวสักหน่อยนะคะ”

เมื่อเธอหันกลับไปมองสามีของตนก็พบว่าเขายังคงนั่งนิ่งมองเกี๊ยวสลับกับใบหน้าของเธอด้วยอาการเหม่อลอย ซูตานหงจึงเอ่ยขึ้นมาในทันที “คุณมองอะไรน่ะคะ? ไม่ได้เห็นฉันนานจนจำไม่ได้เลยเหรอ?”

……………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท