ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 35 เลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าสวน

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 35 เลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าสวน

ซูตานหงรดน้ำต้นกล้าไม้ผลทั้งหมดบนภูเขาด้วยน้ำพุวิเศษ ซึ่งแต่ละต้นใช้น้ำนี้ไม่มากนัก แค่หนึ่งชามต่อต้นก็พอแล้ว

จนถึงตอนนี้ ต้นกล้าไม้ผลเหล่านี้ต่างก็เติบโตได้ดี อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาใหญ่

แน่นอนว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงสั้น ๆ ถ้าจะดูว่าปลูกได้ผลหรือไม่ยังคงต้องใช้เวลา

เมื่อเธอกลับมา เธอก็พบกับคุณแม่จี้ที่รอเธออยู่นอกประตูบ้าน

“ตานหง เธอขึ้นไปบนภูเขาเหรอ” คุณแม่จี้ถาม

“ค่ะ คุณแม่มาที่นี่ทำไมเหรอคะ?” ซูตานหงพยักหน้าและเปิดประตูให้นางเข้าไป

“ แม่แค่อยากจะแวะมาถามว่าเธออยากปลูกผักชนิดไหนบ้างในสวนนั้น เธอมีที่ดินที่บ้านอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปซื้อน่ะจ้ะ” คุณแม่จี้บอก

“ได้ทุกอย่างค่ะ คุณแม่จะปลูกอะไรก็ได้” ซูตานหงบอก เธอไม่ต้องการอะไรมากนัก เธอกินผักได้ทุกชนิด ผักชีเธอก็ชอบกินเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร งั้นแม่จะปลูกผักให้เธอดู” คุณแม่จี้ยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น และบอกเธอก่อนที่จะออกไป” ครั้งต่อไปที่เธอขึ้นไปบนภูเขาอย่าลืมพาเสี่ยวเฮยไปด้วยนะ”

“ค่ะแม่” ซูตานหงรู้ว่านางกำลังคิดถึงความปลอดภัยของเธอเองจึงพยักหน้ารับคำ

เวลาครึ่งเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป

ชีวิตในหมู่บ้านมักจะเงียบเหงาและน่าเบื่อแม้จะมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นก็ตาม อย่างเช่นหญิงม่ายคนหนึ่งตรงท้ายหมู่บ้านที่มีผู้ชายคนหนึ่งเข้าออกบ้านอย่างไม่ขาด และทุกคนก็รู้ว่าชายคนนั้นมาจากบ้านใด

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชนบท แต่มันก็ไม่ได้รบกวนช่วงเวลาดี ๆ ของซูตานหงได้

ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีใครไม่รู้บ้างว่าซูตานหงได้เลี้ยงสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่ทั้งปราดเปรียวและดุร้ายไว้ ซึ่งบางครั้งเธอจะปล่อยมันออกมาโดยไม่ได้ล่ามสายจูง แต่ทุกครั้งที่มันออกมา มันก็จะไม่ไปไหน คอยแต่จะคอยติดตามเธอไปตลอด

ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ซูตานหง สุนัขตัวใหญ่สีดำตัวนี้ก็จะแยกเขี้ยวใส่ ด้วยขนอันเงางามเป็นมันปลาบ ทำให้มันดูราวกับลูกวัวตัวหนึ่งเลยทีเดียว

คนในหมู่บ้านบางคนมีความประสงค์ร้ายและใช้กระดูกหลอกล่อเสี่ยวเฮยที่ตอนนี้มีชื่อใหม่ว่าต้าเฮย แต่เรื่องนี้ก็ทำให้สุนัขตัวอื่น ๆ ต้องมองด้วยตาเป็นประกายกับกระดูกที่ต้าเฮยไม่แม้แต่จะชายตามอง

วันหนึ่งมีชายหนุ่มโสดในหมู่บ้านคนหนึ่งได้ผิวปากแซวซูตานหง ซึ่งซูตานหงในตอนนี้นับว่าเหมือนได้เกิดใหม่โดยแท้จริง ผิวของเธอดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แม้แต่โครงคิ้วและดวงตายังดูนุ่มนวลอ่อนโยน แม้ว่าเธอจะใส่เสื้อผ้าธรรมดาเหมือนคนอื่น ๆ แต่เธอก็สามารถทำให้มันดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ได้

เธอดูเปล่งปลั่งไปทั่วทั้งตัวเสียจนดึงดูดบรรดาหนุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ซึ่งบรรดาหนุ่มรุ่นที่ยังโสดเหล่านั้นต่างก็มีดวงตาเป็นประกาย

ซูตานหงไม่สนใจกับเสียงผิวปากเรียกในครั้งแรก ครั้งที่สองเธอก็ยังไม่สนใจเช่นกัน แต่พอถึงครั้งที่สาม เธอก็ได้สั่งให้ต้าเฮยไปกัดชายคนนั้น

ชายโสดคนนั้นถูกกัดเสียจนขาข้างหนึ่งแทบเดี้ยง และเรื่องนี้ก็เข้าหูหัวหน้าหมู่บ้าน

แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และซูตานหงก็ไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญแม้แต่แดงเดียว

หนุ่มโสดคนนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วหมู่บ้าน และพอจะมีฝีมือต่อสู้อยู่เหมือนกัน แต่เขากลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของต้าเฮยเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะซูตานหงห้ามแล้ว ลำพังต้าเฮยตัวเดียวก็สังหารเขาได้

ต่อให้มันเป็นสุนัขบ้าน แต่มันก็ดุร้ายไม่ต่างจากสุนัขป่าเลย

นอกจากนี้ยังมีเจี้ยนอวิ๋นของบ้านเธออีกคนที่เป็นคนคอยขวางไว้แม้ว่าตัวจะไม่อยู่ก็ตาม เขาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด และหลายคนก็ได้เห็นเขาแล้วในตอนที่เขากลับมาที่นี่ในช่วงปีใหม่ ใครก็ตามที่กล้ามาเกาะแกะกับภรรยาของเขาอย่าคิดที่จะได้ลิ้มลองรสหวานเลยในตอนที่เขากลับมา

วันนี้ซูตานหงมาเรียนวิธีการทำรองเท้ากับคุณป้าหยาง เธอตัดเสื้อผ้าได้ก็จริง แต่ยังทำรองเท้าไม่ได้ คุณป้าหยางจึงเป็นคนสอนให้เธอ และนางก็อยู่ในบ้านที่ติดกับบ้านเธอนี่เอง

“ตอนนี้ต้นกล้าผลไม้บนภูเขาเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?” คุณป้าหยางถาม

“พวกมันแตกยอดอ่อนออกมาแล้วค่ะ คิดว่าน่าจะรอด” ซูตานหงยิ้ม

ดวงตาของคุณป้าหยางเบิกกว้างเมื่อได้ยินดังนี้ “แตกยอดอ่อนทั้งหมดเลยเหรอจ๊ะ?”

ซูตานหงพยักหน้า “ค่ะ ทุกต้นเลย บางต้นก็มากบางต้นก็น้อย แต่คิดว่าน่าจะรอดหมดทุกต้นเลยค่ะ”

“นั่นดีแล้วล่ะจ้ะ อย่างไรนี่ก็เป็นสวนของเธอเอง ถ้าเธอปลูกรอด อนาคตเธอก็จะได้ผลผลิตดีแน่จ้ะ” คุณป้าหยางพูด

ซูตานหงยิ้ม “ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าจะได้ผลผลิตดีหรือเปล่า ฉันแค่อยากจะปลูกอะไรบนภูเขาลูกนั้นไว้บ้าง ฉันปล่อยให้มันทิ้งร้างอยู่แบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะถูกไหม?”

ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ แม่สามีเธอกับคนอื่น ๆ ต่างใช้ความพยายามในการปลูกอย่างมากเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่พวกเขาก็ปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย แต่สะใภ้แสนประเสริฐคนนี้ของบ้านนี้กลับต่างจากพวกเขา เธอปลูกทุกอย่างขึ้นหมดเลย” คุณป้าหยางเอ่ยชื่นชมเธอ

“คุณป้าหยางอย่าเพิ่งชมฉันเลยค่ะ ฉันยังไม่ใช่ครอบครัวแสนประเสริฐที่ว่าหรอก” ซูตานหงกล่าว

คุณป้าหยางลดเสียงลงต่ำ “ตานหง ป้ารู้ว่าเธอเป็นคนดี แต่เธอต้องจำสิ่งนี้ให้ขึ้นใจ เธอคิดว่าพื้นที่ว่างที่เหลือบนภูเขาจะปลอดจากคนอื่น ๆ เหรอ? ถ้าเธอยังไม่แบ่งเขตให้เป็นสัดเป็นส่วนดี ๆ เธอก็ต้องรีบกั้นรั้วเสีย หากสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดสูญเปล่า พี่น้องสะใภ้อีกสามคนของเธอจะต้องรอซ้ำเติมแน่!”

“ขอบคุณคุณป้านะคะ แต่ฉันกับเจี้ยนอวิ๋นเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมดนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงกล้าไม้ผลไว้ด้วยตัวเองหรอกค่ะ” ซูตานหงยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วจ้ะ” คุณป้าหยางได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นนางจึงพูดต่อ “ที่ดินบนภูเขานั้นไม่ใช่น้อย ๆ ในอนาคตถ้าเป็นสวนผลไม้ขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็จะต้องจ้างคนงานด้วย นอกจากนี้ก็จะต้องมีสุนัขอย่างต้าเฮยเพิ่มขึ้นมาอีก ต่อให้ไม่มาดูแลนาน ๆ ก็จะไม่มีใครกล้ามาแตะสวนผลไม้นั่นแน่นอนจ้ะ”

ซูตานหงอึ้งไป แต่ก็รับฟังไว้

จริงอยู่ที่ว่าที่ดินผืนนั้นไม่ได้น้อย ๆ ต่อให้คุณพ่อจี้เริ่มจะไปเฝ้าที่ตรงหลังภูเขาแล้ว แต่เขาก็จำเป็นต้องเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่อีกจำนวนหนึ่งถึงจะอยู่ได้!

ดังนั้นเมื่อคุณแม่จี้กลับมา ซูตานหงจึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้นางฟัง

“เธอไม่จำเป็นต้องเลี้ยงสุนัขเพิ่มอีกหลายตัวหรอก นั่นไม่หมายความว่าต้องให้อาหารเยอะขึ้นเหรอ?”

ต้าเฮยเป็นสุนัขที่ดีก็จริง แต่นางเห็นปริมาณอาหารที่ต้าเฮยกินแล้ว ซึ่งมันกินจุพอ ๆ กับผู้ชายสองคนเลยทีเดียว!

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ แค่ไปขอไว้ก่อน ถ้าเจอคนที่จะให้ได้แล้วก็ไปขอเขามาเลี้ยงอีก 3 ตัวนะคะ” ซูตานหงกล่าว

คุณแม่จี้คิดว่าหากสวนผลไม้นี้เกิดขึ้นจริงแล้วล่ะก็ มันจะต้องมีขโมยเหมือนอย่างที่คิดกังวลไว้แน่ ๆ แล้วสามีของนางก็ไปเฝ้าที่ตรงนั้นอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ดีเท่ากับการมีสุนัขเฝ้าสวนหรอก

นางจึงพยักหน้าตกลงด้วยอาการลังเล

ภายใน 2 วันต่อมา นางก็กลับมาพร้อมกับสุนัขอีก 3 ตัว เป็นตัวผู้ 2 ตัวและตัวเมีย 1 ตัว

“แม่หมาตัวนี้จะเป็นภรรยาของต้าเฮยในอนาคต เลี้ยงดูมันดี ๆ ล่ะ” คุณแม่จี้บอก

ซูตานหงได้ยินก็รู้สึกเขิน นี่คิดจะให้ต้าเฮยผลิตทายาทแล้วงั้นเหรอ?

แต่เห็นได้ชัดว่าต้าเฮยต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้งสามตัวเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกมันจะยังขยาดกลัวและไม่กล้าเข้าหามันเลยก็ตาม

ซูตานหงจัดทำที่พักอาศัยให้พวกมัน และหาชามข้าวให้ทุกตัว ส่วนชามใส่น้ำนั้นเธอไม่ได้แยก ก่อนจะพูดกับต้าเฮย “พวกแกกินน้ำกันตรงนี้นะ”

“โฮ่ง” ต้าเฮยเห่าใส่เธอ

ซูตานหงรู้ว่ามันเข้าใจที่เธอพูด

กลายเป็นว่าบ้านนี้ได้สุนัขเพิ่มมาอีก 3 ตัว เป็นสีขาวเหลือง 2 ตัวและสีน้ำตาล 1 ตัว พวกมันต่างได้กินอาหารและพักอาศัยที่นี่ทั้งหมด

ในอนาคตพวกมันจะเป็นสุนัขเฝ้าสวน และซูตานหงก็ไม่มีทางปฏิบัติแย่ ๆ กับพวกมันแน่

และในเย็นวันนั้นเอง บุรุษไปรษณีย์จากในเมืองก็ได้มาส่งจดหมาย ซึ่งมันเป็นจดหมายที่ส่งมาจากจี้เจี้ยนอวิ๋น

_______________

Related

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท