ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 55 เมืองมหาวิทยาลัย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 55 เมืองมหาวิทยาลัย

ที่คุณแม่จี้บ่นมากขนาดนั้นเพราะมีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อแสดงความหมายทางอ้อม ประมาณว่าอย่าเห็นลูกชายฉันมีเครื่องซักผ้าแล้วคิดจะมาขอใช้ล่ะแม่พวกตัวขี้เกียจทั้งหลาย เวลาใช้ก็ต้องเสียค่าน้ำค่าไฟฟ้าทั้งนั้น ไม่ใช่ไม่เสียเงินเลย อยากใช้นักเหรอ? ก็จ่ายเงินมาแล้วไปตักน้ำในแม่น้ำมาเองสิ!

คิดจะแบ่งใช้เครื่องซักผ้าราคาเป็นร้อย ๆ หยวนเครื่องนี้กันทั้งหมู่บ้านงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่สังคมคอมมูนแบบสมัยก่อนแล้วนะ ตอนนี้เป็นสังคมยุคใหม่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางหรอก

“เธอใช้เครื่องซักผ้าไปเถอะ แม่ซักมือเองได้ เสื้อผ้าแม่มีไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ตอนนี้ท้องเธอใหญ่มากแล้วนะตานหง ถ้าซักเองคงไม่สะดวก” คุณแม่จี้พูดกับซูตานหงเป็นการยกตัวอย่างต่อหน้าคนอื่นๆ

ซูตานหงไม่ได้โต้เถียงอะไร ทำเพียงยิ้มให้แม่สามีเท่านั้น

คนอื่นๆ ที่รับรู้ความคิดของคุณแม่จี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน พวกเขาได้แต่เม้มปากข่มกลั้น

เมื่อคนอื่น ๆ ไปหมดแล้ว จี้มู่ตานที่ก่อนหน้าอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยก็พูดขึ้นว่า “มีเครื่องซักผ้าเครื่องนี้แล้วอนาคตน่าจะสะดวกสบายขึ้นนะจ๊ะ บ้านพี่รองมีเสื้อผ้าต้องซักหลายตัวในแต่ละวันเลยจ้ะ พี่ล่ะรำคาญเหลือเกิน คราวหน้าเอามาให้พี่ใช้ด้วยนะจ๊ะ”

“เธอไม่ต้องมาพูดเลย ตอนนี้ตานหงกำลังท้องแก่ หล่อนไม่มีเวลามาซักให้เธอหรอก เธออยากใช้นักเหรอ? ก็ให้เจ้ารองซื้อมาไว้สักเครื่องหนึ่งสิ ถ้าเธอกล้ามารบกวนหล่อนแล้วถูกต้าเฮยกัดเอาก็อย่ามาร้องไห้โวยวายก็แล้วกัน!” คุณแม่จี้ต่อว่าหล่อนในทันที

นับจากวันปีใหม่วันแรกที่เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานก่อเรื่องวิวาทขึ้น คุณแม่จี้ก็ไม่มีความประทับใจใด ๆ ในตัวสะใภ้ทั้งสองอีก ส่วนเฝิงฟางฟางนั้นขยับตาใบ้แล้วใบ้อีก แต่จี้มู่ตานก็ไม่อาจพูดอะไรได้

“คุณแม่ ฉันกำลังคุยกับน้องสะใภ้สามอยู่นะคะ” จี้มู่ตานทำหน้ามุ่ย

“ที่คุณแม่พูดมามันก็จริงค่ะ ฉันท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันคงจะซักมือได้ เพียงแต่ว่าอีกไม่นานอากาศจะเย็นลงและลูกของฉันก็กำลังจะเกิด ฉันปล่อยให้คนตัวใหญ่อย่างเจี้ยนอวิ๋นเป็นหวัดเพราะต้องซักผ้าอ้อมในวันที่อากาศหนาวไม่ได้หรอกค่ะ ส่วนคุณแม่เองก็อายุมากแล้วและไม่ควรลำบากใช้แรงมาก ไม่อย่างนั้นเราจะซื้อเครื่องซักผ้าที่แพงหูฉี่แบบนี้มาทำไมล่ะคะ?” ซูตานหงเอ่ยเสียงเบา

ถึงเวลาที่เธอต้องพูดบ้างแล้ว คราวนี้เธอจะไม่ยอมคนอื่นอีก ไม่อย่างนั้นแม่สามีจะต้องลำบากแน่ ต่อให้สองคนจะทะเลาะกัน แต่แม่สามีก็ยังเข้าข้างเธออยู่ดี ซูตานหงจึงเข้าข้างแม่สามีตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่าคุณแม่จี้ก็มองซูตานหงด้วยสายตาพึงพอใจอย่างมากกับสิ่งที่เธอพูด ถึงนางจะมีความคิดบางอย่างเมื่อเห็นว่าเธอซื้อเครื่องซักผ้ามา แต่พอได้ยินสิ่งที่เธอพูด นางก็เห็นด้วยในทันที

ท้องนี้เข้าสู่เดือน 10 พอดี ซึ่งอากาศในเดือนนี้กำลังเย็นลง เมื่อผ่านไปอีกไม่นานก็จะเข้าเดือน 11 แล้ว

ในตอนนั้นคุณแม่จี้คลอดลูกชาย 4 คนและลูกสาว 1 คน ซึ่งในยุคนั้นไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ เลย หลังคลอดบุตรแล้วก็นอนพักรักษาตัวเป็นเวลาเพียง 2 วันก่อนจะต้องลุกขึ้นไปทำงานในไร่นาต่อ นางจึงเกิดอาการป่วยหลังพักรักษาตัว พอเข้าฤดูหนาวแล้วก็ปวดเมื่อยตัวไปหมด จะให้มานั่งซักผ้าอ้อมในตอนนั้นนางก็ไร้กำลังที่จะทำแล้ว

เจี้ยนอวิ๋นเป็นผู้ชายตัวใหญ่ และต้องทำงานในสวนผลไม้ การซื้อเครื่องซักผ้ามาใช้ในตอนนี้จึงเป็นเรื่องดีโดยแท้

แม้จะเจ็บปวดใจบ้างที่ต้องจ่ายเงินไปมากขนาดนั้น แต่ก็ซื้อมันมาแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลอะไรกับมันอีก

“รีบกลับไปซะ ตานหงยังมีเรื่องต้องทำอีกนะ” คุณแม่จี้ไล่

จี้มู่ตานไม่พอใจมาก หล่อนแค่นเสียงหึแล้วเดินกลับไป

ส่วนเฝิงฟางฟางก็เอ่ยกับซูตานหงด้วยรอยยิ้ม “ตานหง เธอพักผ่อนเสียก่อนนะ ถ้าพักรักษาตัวหลังคลอดเมื่อไหร่ พี่สะใภ้ใหญ่คนนี้จะมาช่วยเอง”

ได้ยินดังนี้แล้ว ซูตานหงจึงเต็มใจที่จะให้ความสนิทกับเฝิงฟางฟาง

“ถ้างั้นฉันก็ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยนะคะ เมื่อถึงเวลานั้นพี่คงไม่ต้องทำอาหารที่บ้านพี่แล้ว พี่มาทำกินที่นี่ได้เลยค่ะ พาโหวหวาจือมากินด้วยก็ได้นะคะ” ซูตานหงตอบด้วยรอยยิ้ม

ในเมื่อหล่อนมาดี ซูตานหงก็เต็มใจที่จะมีไมตรีด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่เฝิงฟางฟางได้ยิน หล่อนก็ยิ้มพลางเอ่ยปฏิเสธ แต่ในใจกำลังครุ่นคิด

หลังเฝิงฟางฟางพาโหวหวาจือจากไปแล้ว คุณแม่จี้ก็พูดขึ้น “เมื่อถึงเวลานั้นแม่จะมาช่วยอีกคนนะ”

ซูตานหงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ คุณแม่อย่ามายุ่งกับพวกพี่สะใภ้เลยค่ะ ถ้ามายุ่งกับฉันทางนี้ คุณแม่จะโดนบ่นเอานะคะ”

คุณแม่จี้ได้ยินก็หัวเราะ “เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอก แม่น่ะรอที่จะดูแลเธอหลังคลอดมานานแล้ว พวกหล่อนจะตำหนิอะไรได้? ถ้ากล้าบอกไม่ให้แม่มายุ่ง แม่จะด่าใส่หน้าพวกหล่อนเอง!”

ในเมื่อลูกสะใภ้อีกสามคนที่เหลือไม่ได้ดีเท่าสะใภ้สามคนนี้ มันผิดหรือที่นางจะมาช่วยดูแลหลังคลอดด้วย!

ซูตานหงยิ้มและไม่เอ่ยอะไรกับเรื่องนี้อีก

แต่ละคนล้วนมีชีวิตเป็นของตัวเอง คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ซึ่งเฝิงฟางฟางนั้นไม่พูดมันออกมา ต่อให้หล่อนจะไม่พอใจ หล่อนก็จะยังทำตัวตามปกติ

ส่วนจี้มู่ตานกับอวิ๋นลี่ลี่นั้น แม้จี้มู่ตานจะญาติดีกับเธอด้วยในวันขึ้นปีใหม่วันแรก แต่นั่นเป็นเพราะหล่อนต้องการเอาชนะอวิ๋นลี่ลี่ในเรื่องเงิน 500 หยวน หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่

สองคนนี้แค่หาประโยชน์ดี ๆ จากเธอเท่านั้น อย่าพยายามเอาใจพวกหล่อนเลย พวกหล่อนปฏิบัติดีด้วยในตอนที่เห็นประโยชน์เท่านั้น แล้วเธอก็จะเป็นหนี้พวกหล่อน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรดาพี่สะใภ้น้องสะใภ้แบบนี้ ซูตานหงจึงมักจะปลีกตัวออกห่างอยูุ่เสมอ ในเมื่อแยกบ้านกันแล้วก็ต่างคนต่างอยู่ ช่วยบรรเทาปัญหาและความกังวลไปได้เยอะ!

ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นกำลังติดตั้งตู้เย็นและเครื่องซักผ้าอยู่

ถึงจะยังไม่ได้ต่อไฟฟ้า แต่สภาพของพวกมันก็ดูหรูหราอย่างมากเมื่อตั้งอยู่ในบ้าน

“บ้านเราค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะคะ” ซูตานหงบอก

“นี่ยังเล็กอยู่อีกเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

“ถ้าคุณหาเงินได้แล้ว ถึงตอนนั้นคุณก็ทุบบ้านหลังนี้ทิ้งนะคะ แล้วจะได้สร้างใหม่ให้ฉัน” ซูตานหงเอ่ยขณะมองเขา

จี้เจี้ยนอวิ๋นอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จากนั้นก็พลันหัวเราะออกมา และเข้ามาประคองภรรยาของเขา “ภรรยา อย่ากังวลไปเลยครับ ผมจะสร้างบ้านให้คุณในทันทีที่สวนผลไม้ของเราตั้งตัวได้แล้ว จากนั้นก็จะติดตั้งเครื่องทำความร้อนเหมือนกับที่ใช้ในเมืองให้เลยครับ!”

“คุณพูดอะไรไว้ ฉันจดจำได้หมดนะคะ” ซูตานหงเอ่ยกับเขา

จี้เจี้ยนอวิ๋นอดรนทนไม่ไหวและลูบแก้มของเธอ ใบหน้าของเธอช่างกระจ่างสดใสแม้ไม่ได้แต่งเติมแป้งใด ๆ

ซูตานหงหน้าแดงและกลอกตามองเขา “กลางวันแสก ๆ คุณอย่าทำอะไรแบบนี้สิคะ”

ครั้นเธอพูดจบ ทารกในท้องก็เคลื่อนไหว จากนั้นความสนใจของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไปอยู่ที่ท้องของเธอ

เจ้าตัวน้อยช่างตัวใหญ่และซุกซนนัก จนท้องของซูตานหงเป็นรอยนูนและขยับไหวจากฝีมือของเด็กคนนี้

“เด็กคนนี้เกิดมาจะต้องซนมากแน่ ๆ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยเป็นแบบนี้

ซูตานหงยิ้มและเอ่ยขึ้น “มันเกี่ยวกับคุณไม่ใช่หรือคะ? ฉันไม่สนหรอก ถึงตอนนั้นคุณก็อบรมสั่งสอนให้ดี ๆ แล้วกันค่ะ”

3 วันผ่านไปในพริบตา เช้าวันนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นนำเงิน 6,000 หยวนเข้าไปในเมืองเพื่อไปเมืองมหาวิทยาลัยพร้อมกับหงเจี่ย

เมื่อคุณแม่จี้มาหาและไม่เห็นใคร นางก็ถามขึ้น “เจี้ยนอวิ๋นไปไหนล่ะ?”

“เจี้ยนอวิ๋นไปพบสหายของเขาเพื่อทำธุระบางอย่าง จะกลับมาตอนเย็นน่ะค่ะ” ซูตานหงตอบ “คุณแม่มีอะไรเหรอคะ?”

“นี่คือใบแสดงความจำนงน่ะ ไม่ใช่ว่าจะมีการติดตั้งไฟฟ้าเข้าบ้านหรอกเหรอ? ทุกบ้านต้องยื่นหนังสือนี้นะ” คุณแม่จี้บอก

“งั้นฉันจะเป็นคนลงชื่อเองค่ะ” ซูตานหงรับใบแสดงความจำนงนั้นมาและมองรอบ ๆ จากนั้นก็พยักหน้า

………………………………………………

Related

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท