ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 57 ไม่รู้สึกว่าร่างกายของคุณดีกว่าเดิมหรือ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 57 ไม่รู้สึกว่าร่างกายของคุณดีกว่าเดิมหรือ?

“เราทำสิ่งนี้เพื่อลูก ๆ ของเราอยู่นะคะ บางทีเราอาจต้องปรับปรุงห้องชุดที่นั่นใหม่ก่อนที่พวกเขาจะไปเรียน ยิ่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งเรียนสูงก็ต้องทุ่มเทมาก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

ซูตานหงไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก

หากเด็กเข้าโรงเรียนเร็วกว่านั้น ถ้าลองนับเวลาดูแล้วก็เท่ากับว่าต้องเข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 18 หรือ 19 ปี ซึ่ง 10 ปีหลังจากนั้นก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

และเธอได้วางแผนไว้เมื่อนานมาแล้วว่าเธอจะเข้าเมืองเป็นครั้งคราว ไม่ได้อยากออกนอกหมู่บ้านนักเพราะต้องการอยู่กับบ้าน เธอพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้มากแล้ว ด้วยความที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานอะไร อยากใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบไปวัน ๆ เท่านั้น

หลังจากคิดถึงชีวิตในอนาคตแล้ว ทั้งคู่จึงเก็บใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ไว้ในตู้

ซูตานหงเข้ามาในครัวเพื่อทำอาหารเย็น เธอตุ๋นปลาสองตัว ผัดผักหนึ่งจาน ผัดเนื้อกับผักดอง และแกงจืดฟักเขียวอีกหนึ่งชาม

ในระหว่างรับประทานอาหาร ซูตานหงก็พูดคุยในเรื่องที่คุณแม่จี้จะเลี้ยงลูกแกะ

“ เลี้ยงลูกแกะก็ดีนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้ว่าเธอหมายถึงอะไรเมื่อเขาได้ยินคำนั้น ก่อนจะพูดว่า “คุณอยากเลี้ยงแกะเพิ่มไหมครับ? ถ้าเราเลี้ยงแกะได้เราก็เลี้ยงไว้บนภูเขาได้นะ เพราะเราทำกำแพงล้อมไว้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าแกะจะหลุดหายไปไหนเลย”

“ปีหน้าเราจะเลี้ยงไก่แล้ว คุณจะดูแลมันไหวไหมคะ?” ซูตานหงเอ่ยขณะมองเขา

“งานเลี้ยงไก่ถือว่าหนักเอาการอยู่นะ เราคงเลี้ยงได้ไม่มากนัก แค่ 100 หรือ 200 ตัวก็พอแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

ไก่จำนวน 100 หรือ 200 ตัวนับเป็นจำนวนที่มาก แต่ความเป็นจริงเมื่อเทียบกับพื้นที่ภูเขาใหญ่ขนาดนั้นแล้ว ไก่ 100 หรือ 200 ตัวนี้ถือว่าไม่มากเลย เพราะมันเป็นไปได้ที่จะเลี้ยงได้ถึง 1,000 หรือ 2,000 ตัว แต่การจัดการดูแลก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเธอเองก็อยากจะมีเวลาเดินเล่นเก็บผลไม้ในสวนบ้าง ไม่อยากได้กลิ่นมูลไก่ขณะเข้าไปในสวนผลไม้หรอก

ที่จี้เจี้ยนอวิ๋นสามารถพูดเช่นนี้ได้เป็นเพราะเขาเข้าใจภรรยาของเขาเอง และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เขายอมที่จะเสียรายได้ไปส่วนหนึ่งแลกกับการไม่ทำผิดต่อภรรยา

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำคอกแกะบนภูเขาด้วยนะคะ” ซูตานหงเม้มปากและคลี่ยิ้ม

เห็นท่าทางของเธอแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงรู้ตัวในทันทีว่าเขาทำถูกต้อง ก่อนกล่าวว่า “ในเมื่อเราเลี้ยงไก่ไม่มากนัก เราก็เลี้ยงแกะให้มากขึ้นเถอะครับ นี่นับว่าเป็นรายได้มหาศาลในช่วงปีใหม่ของทุกปีเลยนะ”

“ได้ค่ะ แต่คุณต้องทำความสะอาดสวนผลไม้ด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ขึ้นไปข้างบน” ซูตานหงกล่าว

จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้นิสัยด้านนี้ของภรรยาดี จึงตอบตกลง “ภรรยาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะฝึกเสี่ยวไป๋กับพรรคพวกให้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะ แล้วผมก็วางแผนจะขยายพื้นที่สวนอีกเล็กน้อยด้วย ถนนลูกรังจะได้ไม่มีสภาพเป็นโคลนเลนเวลาฝนตก”

จะว่าซูตานหงเป็นคนเจ้าเล่ห์ก็ได้ แต่ความจริงแล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็รักความสะอาดไม่แพ้กัน เป็นเพราะเขาได้เข้ากองทัพตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จึงไม่ได้สัมผัสกับความสกปรกเหมือนคนที่อยู่กับปุ๋ยคอกในบ้านเกิด เรื่องนี้จึงส่งผลให้เขารักความสะอาดเช่นกัน

ซูตานหงเองก็ไม่คัดค้านกับสิ่งเหล่านี้

เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ออกไปให้อาหารสุนัขทั้ง 4 ตัว จากนั้นก็มาหาคุณแม่จี้

หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับการเลี้ยงแกะเพิ่มบนภูเขาแล้ว คุณแม่จี้ก็มีความสุขมากและกล่าวขึ้น “ตกลง แม่จะซื้ออีก 2-3 ตัวแล้วเอาไปปล่อยบนภูเขานะ”

คุณแม่จี้ถึงกับอึ้งไปและเอ่ยกลับ “เราจะไม่เลี้ยงไก่เพิ่มกันแล้วเหรอ? ไก่มันเลี้ยงง่ายเหมือนกันนะ เมื่อไหร่ที่ถึงฤดูมันเทศหรือฤดูเก็บเกี่ยวผักก็ให้พวกมันกินใบมันเทศหรือใบผักต่าง ๆ ก็ได้นะ พวกมันชอบกินของพวกนี้ แล้วก็ออกไข่เก่งด้วย”

“ผมรู้ครับ ดังนั้นจึงวางแผนจะเลี้ยงไก่มากกว่า 200 ตัว จากนั้นก็เลี้ยงแกะด้วย เป็นแบบนี้แล้วในสวนของเราจะได้มีความหลากหลาย ไม่ใช่ว่ามีรายได้เพียงทางเดียว” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

“เลี้ยงแกะบนภูเขาก็ดีนะ” คุณพ่อจี้ฟังแล้วก็พยักหน้า

ยิ่งเลี้ยงแกะบนภูเขามากขึ้นก็เท่ากับว่ามีปุ๋ยให้ใช้มากขึ้น แถมพวกมันยังเลี้ยงง่ายอีกด้วย

“ไปซื้อแกะมาสิ แล้วพ่อจะเอาไปเลี้ยงบนภูเขาให้แก” คุณพ่อจี้พูด

ตอนนี้คุณพ่อจี้ขึ้นไปบนภูเขาทุกวันแล้ว ทุกครั้งที่ชายชราขึ้นไปเขาก็เหมือนจะเห็นผลของความสำเร็จบนภูเขา เขาที่เป็นคนจริงจังก็ถึงกับยิ้มออกมาเต็มหน้าได้

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “ตกลงครับ งั้นผมต้องพึ่งพาพ่อในเรื่องนี้แล้ว”

“ไม่ต้องห่วง พ่อจะดูแลเรื่องนี้ให้แกเอง แกน่ะอยู่กับตานหงให้มากหน่อย อย่าคิดกังวลกับเรื่องอื่นมากนักเลย” คุณพ่อจี้เอ่ยอย่างจริงจัง

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

ถ้าพ่อของเขาอยู่บนภูเขาเพียงคนเดียวเขาจะต้องรู้สึกเป็นห่วงอย่างแน่นอน ต่อให้มีกำแพงล้อมก็ยังไม่น่าวางใจ โชคดีที่มีเสี่ยวไป๋กับพรรคพวกอยู่ด้วย สุนัขทั้งสามตัวนี้ดุร้ายมาก แถมพวกมันยังเชื่อฟังคำสั่งของคุณพ่อจี้ มีหูมีตาของพวกมันคอยเฝ้าระวังแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้สึกเบาใจลงมาก

สวนผลไม้มีความสำคัญมากในสายตาของคุณพ่อจี้ แต่ถ้าภรรยาของลูกชายคนที่สามไม่แข็งแรงพอ สวนผลไม้ก็ไม่มีทางตั้งตัวได้

ยิ่งคนเราอายุมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีความเชื่อเรื่องโชคลางมากขึ้น เมื่อหลายปีก่อนสะใภ้สามไม่แม้แต่จะก้าวเข้าประตูบ้านตระกูลจี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งเขากับภรรยาต่างเตรียมทิ้งที่ดินแห่งนี้ไว้แล้วกี่ปีกัน? แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

แต่สวนผลไม้แห่งนี้กลับแตกต่างจากเดิมเมื่ออยู่ในมือของบ้านสาม ถ้าบอกว่าคุณพ่อจี้เป็นผู้มีบุญเขาก็คงจะไม่เชื่อ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมผ่านมาหลายปีแล้วเขาถึงไม่ประสบความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเลย?

ดังนั้นกุญแจสำคัญจะต้องอยู่ที่สะใภ้สาม

คุณพ่อจี้ไม่ได้หูหนวก เรื่องที่ว่าสะใภ้สามเป็นเซียนจิ้งจอกนั้นเขาเองก็ได้ยินมาจากคนอื่นในหมู่บ้านเหมือนกัน เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่เชื่อ เลือกที่จะเชื่อว่าเป็นบุญวาสนาของแต่ละคนแทน

วันต่อมา จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไปหาซื้อลูกแกะกับคุณแม่จี้

ซูตานหงเย็บของเล่นของใช้ต่าง ๆ ให้เจ้าตัวเล็กเพิ่มเติม อย่างเช่นตุ๊กตา แต่มันก็มีหลายอย่างเหลือเกิน หลังผ่านมาครึ่งเดือน เธอก็ยังคิดไม่ออกว่าขาดสิ่งไหนบ้างที่เธอยังไม่ได้เตรียมไว้?

แต่เธอก็เตรียมไว้หมดแล้ว

ทว่าการอยู่คนเดียวในห้องมันก็น่าเบื่อจริง ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย เธอจึงหยิบด้ายปักออกมากปักงานต่อทีละน้อย ฝีปักแต่ละเข็มเป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะเธอกะทำฆ่าเวลาเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เหลืออยู่อีกครึ่งเดือนเท่านั้นที่ซูตานหงจะคลอดบุตร ในช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นทำงานหนักมากเท่าที่เขาจะขยันได้ หลังจากนั้นเขาจะไม่ออกไปทำงานอีก เมื่อใดที่เริ่มวันใหม่เขาจะขึ้นไปบนภูเขา แต่เขาก็หาโอกาสกลับลงมาดูแลเธอเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง

ซูตานหงบอกไม่ให้เขาตื่นเต้นนัก แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังไม่เลิก ยังคงเฝ้าดูเธออย่างใกล้ชิด

“เรื่องลูกแกะเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ซูตานหงถามด้วยรอยยิ้ม หลังเห็นเขากลับมาหาภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“พวกมันมีลักษณะดีทีเดียว แต่ผมชอบน้ำที่คุณเอาให้ไปบนภูเขาเป็นพิเศษเลยล่ะ ทุกครั้งที่ผมเอาน้ำไปเติมให้ พวกมันก็กรูเข้ามาดื่มเลยทีเดียว” จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะ

คราวที่แล้วเขาก็คุยปรึกษากันกับคุณแม่จี้ และจบลงที่การซื้อลูกแกะมาจำนวน 15 ตัว ทุกตัวล้วนเป็นแกะพันธุ์ดี เป็นตัวผู้ 3 ตัวและตัวเมีย 12 ตัว จุดประสงค์หลักก็เพื่อเลี้ยงพวกมัน ถ้าเลี้ยงแล้วประสบผลก็ให้พวกมันขยายพันธุ์และตกลูกแกะมาให้พวกเขา

ในตอนแรกที่เลี้ยงก็มีความกังวลอยู่บ้าง แต่หลายวันมานี้ลูกแกะแต่ละตัวต่างเจริญเติบโตดีมาก พวกมันกินหญ้าอย่างสงบในทุกวันและดื่มน้ำวิเศษที่ซูตานหงให้อยู่เสมอ และท่าทางของพวกมันก็ดูมีชีวิตชีวากันมาก

ซูตานหงได้ยินก็ยิ้มยิงฟันขาวใส่เขา “ฉันเป็นคนทำน้ำนั่นมาเองโดยเฉพาะ ถ้าได้ดื่มแล้วจะดีต่อสุขภาพไม่น้อยเลยล่ะค่ะ คุณไม่รู้สึกว่าร่างกายของคุณดีกว่าเดิมเหรอ?”

ก่อนหน้านี้จี้เจี้ยนอวิ๋นทั้งผ่านฝนผ่านลมมาตลอด ต่อให้เขาจะดูแข็งแรง แต่ร่างกายของเขาก็มีโรคภัยไข้เจ็บมากมายแฝงอยู่

แต่หลังจากที่เขากลับมาแล้วและได้รับการดูแลจากเธอ เธอก็ลองตรวจชีพจรของเขาครั้งหนึ่งในตอนที่เขากำลังหลับ และพบว่าร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว…………………………………………

Related

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท