ตอนที่ 60 ตระกูลหูปลูกดอกไม้
จี้เจี้ยนอวิ๋นไปที่เมืองมหาวิทยาลัยในตอนเข้า ส่วนป้าหยางหลังจากที่เสร็จเรื่องยุ่ง ๆ ก็มาอยู่เป็นเพื่อนซูตานหง
“รบกวนคุณป้าหยางตลอดเลย ขอโทษด้วยนะคะ ฉันบอกเขาแล้วว่าอีกตั้งครึ่งเดือนกว่าลูกจะคลอดแต่เขาก็ไม่เชื่อ ชอบเป็นห่วงเกินเหตุเรื่อยเลย” ซูตานหงกล่าว
คุณป้าหยางยิ้มรับ “ดูเธอพูดเข้าสิ ผู้ชายรักเธอมากขนาดนี้แล้วเธอไม่ดีใจเหรอ? เจี้ยนอวิ๋นก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ป้าเห็นว่าเธอเป็นคนโชคดีขนาดนี้”
ลองมองผู้ชายในหมู่บ้านนี้สิ รวมถึงหมู่บ้านอื่น ๆ ด้วย มีผู้ชายคนไหนบ้างที่เป็นห่วงภรรยาเหมือนกับเจี้ยนอวิ๋น?
อาจไม่มีใครที่มาเทียบเขาได้เลยด้วยซ้ำ
เขาเฝ้ามองทุกวันด้วยกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับภรรยา แต่ถ้าคนอยู่บ้านแล้วจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นได้?
แต่ถึงอย่างนั้น เจี้ยนอวิ๋นก็ยังรักภรรยาของตนมาก
ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาว่าพวกหล่อนมีโชคแบบไหน ใครที่มีโชคชะตาได้แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นเหมือนสมดุลร้อนเย็นซึ่งกันและกัน สามารถดูแลทั้งในและนอกบ้านได้ ชีวิตของหล่อนผู้นั้นก็จะมีความสุขไปชั่วกาลนาน
และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องสามารถจัดการดูแลครอบครัวได้ด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตสมรสที่ดีจะเป็นเรื่องเสียเปล่า
ยกตัวอย่างเช่นซูตานหงที่คุณป้าหยางเห็นแล้วรู้สึกพอใจ แม้เจี้ยนอวิ๋นเด็กคนนี้จะรักเธอ แต่นั่นก็มีเหตุผลอย่างอื่นด้วย
นอกจากรูปลักษณ์ที่งดงามของตานหงแล้ว เธอยังนำความรุ่งเรืองมาให้ครอบครัวอีกด้วย สิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีที่สุดก็คืองานปักผ้าของเธอ
คนอื่น ๆ อาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่คุณป้าหยางมีความสัมพันธ์อันดีกับคุณแม่จี้ นางก็ย่อมได้ยินอะไรบางอย่างมาจากคุณแม่จี้เหมือนกัน
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะตานหงที่ทำให้สวนผลไม้นี้กำเนิดขึ้นได้ในที่สุด
ไม่อย่างนั้นต่อให้เจี้ยนอวิ๋นจะทำได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ทั่วทั้งภูเขาอย่างแน่นอน
คุณป้าหยางกำลังเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านบ้าง อย่างเช่นใครได้ผลผลิตที่ดีในปีนี้ บ้านไหนที่ขี้เกียจทำงานถึงขนาดไม่สามารถทำผลผลิตได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของคนอื่น
“สมัยก่อนที่ทำงานในระบบคอมมูนก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ แล้วตอนนี้พวกเขาก็แยกมาทำงานส่วนของตัวเอง แต่กลับยังไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดหรือจะตายเลย” คุณป้าหยางพูด
ซูตานหงยิ้ม “เรามีชีวิตของเราให้ดีก็พอแล้วล่ะค่ะ คนอื่นไม่สามารถควบคุมได้หรอก”
คุณป้าหยางพยักหน้า “นั่นก็จริงนะจ๊ะ อ้อตานหง ป้าต้องขอไปเก็บผักสมุนไพรในสวนของเธอเพื่อเอาไปเลี้ยงไก่หน่อยนะ”
“ถอนไปได้เลยค่ะ เลือกต้นที่ใหญ่ ๆ ไปนะคะ” ซูตานหงตอบ
ทั้งสองนั่งทำงานเย็บปักถักร้อยด้วยกัน และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งทั้งคู่ก็นั่งต่อไปไม่ไหว จึงชวนกันมาเก็บผักที่สวนหลังบ้าน
ภรรยาผู้มีบุญก็ยังเป็นภรรยาผู้มีบุญอยู่วันยังค่ำ ดูสิ สมุนไพรพวกนี้เติบโตดีเสียจนผักสมุนไพรข้างนอกโตสู้ไม่ได้เลย
ซูตานหงยิ้ม “ป้าหยางคะ ถ้าเก็บต้นผักกวางตุ้งไปแล้วก็เอาไปให้คุณลุงหยางกินนะคะ เขาชอบกินต้นผักกวางตุ้งมากเลยค่ะ”
“มันอวบสวยมากเลยนะ” คุณป้าหยางพูด แต่ไม่ได้เด็ดมันไป “แต่ที่บ้านป้าก็มีจ้ะ”
“เก็บไปเถอะค่ะ คุณป้าได้กินแล้วจะหยุดไม่อยู่เลยล่ะค่ะ น้อยนักที่มันจะมีลักษณะอวบใหญ่แบบนี้นะคะ” ซูตานหงบอก
คุณป้าหยางเห็นว่ามันมีอยู่มากจึงเอ่ยขึ้น “ถ้างั้นป้าจะเก็บผักพวกนี้กลับไปนะจ๊ะ”
นางถอนไปไม่เยอะนัก กะแค่เพียงพอสำหรับกินกันสองคนเท่านั้น
คุณป้าหยางเด็ดต้นผักกวางตุ้งแล้วก็กลับไป นางยังเรียกให้ซูตานหงกินด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องหุงหาอาหารเอง
ซูตานหงยิ้มและบอกว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นทำเกี๊ยวเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนและเก็บใส่ตู้เย็นไว้แล้ว
คุณป้าหยางจึงยิ้มและไม่เอ่ยอะไร
พอถึงตอนเที่ยง คุณแม่จี้ก็มาหา เมื่อได้ยินว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นไปเมืองมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง นางก็รู้สึกจนใจอย่างยิ่ง
“พวกเธอสองคนนี่มีเงินแล้วก็ใช้ทิ้งใช้ขว้างกันจริง ๆ เลย เมื่อไหร่ที่เด็กเกิดมามันจะต้องใช้เงินในทุกเรื่องนะ ปีหน้าเขาอยากซื้อไก่มาเลี้ยง แล้วจำนวนไก่ที่จะเอามาเลี้ยงก็ไม่ใช่น้อย ๆ หากเลี้ยงแกะด้วยก็ต้องเสียเงินซื้ออีกก้อน พวกเธอนี่มีเงินเหลือเฟือจนไม่รู้จะใช้จ่ายกับอะไรเลยจริง ๆ” คุณแม่จี้พูด
ก็แค่เด็กคนเดียวเอง ต้องใช้ผ้าอ้อมมากขนาดไหนเชียว
เด็กในหมู่บ้านไม่มีโอกาสได้ใช้ของแบบนี้เลยสักคน พวกเขาจะไม่แห่กันมาที่นี่เหรอ?
อย่าว่าแต่เด็กในหมู่บ้านเลย แม้แต่หลานสาวของบ้านสี่ก็ยังไม่ได้ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ของชนิดนั้นไม่ใช่ของถูก ๆ เด็กคนหนึ่งมีแต่กินกับนอนและนอนตลอดทั้งวัน จะต้องใช้ผ้าอ้อมเยอะขนาดไหนกันถึงจะพอ?
“ฉันบอกเขาแล้วค่ะว่าอย่าไปเลย แต่เขาก็บอกว่าไม่อยากเลี้ยงลูกแบบแย่ ๆ ฉันก็จนปัญญาเหมือนกันค่ะ” ซูตานหงโยนความผิดให้จี้เจี้ยนอวิ๋นโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ และไม่รู้สึกกดดันใด ๆ
คุณแม่จี้ก็ตำหนิไปอย่างนั้น เพราะความจริงแล้วนางก็รู้ว่าสะใภ้สามเข้มงวดขนาดไหน
ถ้าตานหงไม่เห็นด้วย เขาจะได้ไปเหรอ?
ตานหงไม่ค่อยมายุ่งเรื่องในครอบครัวมากนัก และเจี้ยนอวิ๋นก็เป็นคนที่ตัดสินใจในหลาย ๆ เรื่อง โดยที่เธอเป็นฝ่ายเฝ้าดู
“ฉันเอาต้นกล้วยไม้มาให้น่ะ ให้เธอเลี้ยงไว้ดูเล่นนะ” คุณแม่จี้เอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ แล้วนางก็หยิบต้นกล้วยไม้ออกมาจากย่ามสะพายไหล่
ซูตานหงเบิกตากว้าง “คุณแม่ได้ต้นกล้วยไม้นี่มาจากไหนคะ?”
“มาจากไหนน่ะเหรอ? วันนี้ฉันไปเห็นเข้าตอนถางวัชพืชในแปลงน่ะสิ ก็เลยเอากลับมาให้เธอ” คุณแม่จี้หัวเราะ
“ขอบคุณนะคะคุณแม่!” ซูตานหงเอ่ยด้วยความยินดี
“เธอจะเอาไปปลูกที่ไหนล่ะ? แม่จะได้เอาต้นไปลงให้” คุณแม่จี้ถาม
“ปลูกไว้ในสวนหลังบ้านก่อนก็ได้ค่ะ” ซูตานหงตอบ
คุณแม่จี้นำต้นกล้วยไม้ไปปลูกที่สวนหลังบ้าน พลางพูดว่า “กล้วยไม้ชนิดนี้หายากมากเลยนะ แล้วคนในเมืองก็ชอบมันมาก ในอดีตมีคนในหมู่บ้านเราเคยปลูกพวกมันขายด้วยล่ะ”
“มีคนปลูกด้วยเหรอคะ?” ซูตานหงถาม
“ใช่จ้ะ เป็นตระกูลหูที่อยู่ท้ายหมู่บ้านน่ะ เหล่าหูเคยเป็นคนสวนในบ้านเจ้าของที่ดินมาก่อน ต่อมาเขาก็ปลูกดอกไม้เพื่อหาเลี้ยงชีพ แล้วตอนนี้เขาก็ปลูกมันอยู่ เธอคงไม่รู้นักหรอกว่าในอดีตตระกูลหูของพวกเขานับว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในหมู่บ้านเลยล่ะ” คุณแม่จี้บอก
“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะปลูกดอกไม้ไว้หลายชนิดเลยใช่ไหมคะ?” ซูตานหงไม่สนอะไรอย่างอื่นแล้ว เธอฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย
เจ้าของร่างเดิมไม่เคยเดินทางไปถึงท้ายหมู่บ้าน หลังแต่งงานแล้วหล่อนก็เอาแต่คิดสกัดสามครอบครัวที่เหลือไม่ให้แสดงความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่จี้ด้วยกลัวว่าตัวหล่อนเองจะน้อยหน้าคนอื่น แล้วหล่อนจะเหลือความคิดมาคิดในเรื่องนี้ได้อย่างไร?
“ใช่แล้วล่ะ แต่แม่กับเหล่าหูน่ะไม่ได้สนิทกันนักหรอก” เมื่อเห็นว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร คุณแม่จี้ก็เกิดความรู้สึกอยากปลูกดอกไม้ขึ้นมา นางรู้สึกมีแรงบันดาลใจขึ้นมาบ้างแล้วจึงบอกไปว่า “ดอกไม้พวกนี้ปลูกไม่ง่ายเลยนะ”
แม้ว่าพวกมันจะปลูกไม่ได้ง่ายนัก แต่นางก็ไม่รู้ว่าตานหงจะสามารถปลูกได้ไหม? เมื่อคิดถึงสวนไม้ผลบนภูเขาแล้ว คุณแม่จี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองสะใภ้คนนี้อีกครั้ง และนึกสงสัยว่าเซียนจิ้งจอกนี่จะช่วยปลูกดอกไม้ได้หรือไม่?
ถ้าเธอเต็มใจที่จะปลูก นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าปลูกขึ้นเมื่อไร ก็สามารถทำเงินได้มหาศาล แค่ปีก่อนหน้าปีที่แล้ว เหล่าหูก็สามารถปลูกดอกไม้ได้เป็นสวนใหญ่ ๆ เลยทีเดียว และแทบจะนับว่าเป็นสวนดอกไม้ที่ดีที่สุดของหมู่บ้านด้วย
ทั้งเจี้ยนอวิ๋นกับตานหงไม่ใช่คนที่จะเก็บออมและใช้จ่ายอย่างจำกัดจำเขี่ย ดังนั้นพวกเขาจะหาเงินมากขึ้นได้ไหมนะ?
“คุณแม่คะ ตระกูลของเรามีเรื่องไม่ดีกับตระกูลของเขาหรือเปล่าคะ?” ซูุตานหงถาม
“ไม่เลยจ้ะ ปีที่แล้วลูกสาวของเหล่าหูก็เพิ่งแต่งงานไป แล้วคุณพ่อก็เป็นคนทำตู้เสื้อผ้าให้พวกเขา เพราะมันถูกกว่าซื้อที่อื่น” คุณแม่จี้ตอบ
“ดีแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปเยี่ยมตระกูลหูกัน” ซูตานหงยิ้ม
คุณแม่จี้เองก็เป็นคนมีไฟ เมื่อนางได้ยินน้ำเสียงของตานหง นางก็รู้ว่าเซียนจิ้งจอกตนนี้เต็มใจที่จะปลูกดอกไม้แล้ว แถมทั้งชีวิตของนางก็มีความใฝ่ฝันว่าจะมีรายได้จากการปลูกดอกไม้เหมือนกับทางตระกูลหู
นางรู้ว่าดอกไม้มูลค่าสูงสามารถขายได้เงินจำนวนมาก อย่างน้อยก็สิบกว่าหยวน และบางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วย เนื่องจากไม่มีความลับในหมู่บ้านนี้แต่อย่างใดสำหรับทุกครั้งที่ครอบครัวของเหล่าหูสามารถเรียกรถบรรทุกมาขนดอกไม้ประดับแปลงไปเป็นคันรถ
………………………………………
Related