ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 69 ภรรยาของผมเป็นนางฟ้า

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 69 ภรรยาของผมเป็นนางฟ้า

“ไปเถอะ ๆ แกคิดว่าฉันที่เป็นแม่แกไม่รู้วิธีดูแลเด็กเหรอ พวกแกไปกันได้แล้ว” คุณแม่จี้เอ่ยไล่อย่างติดรำคาญ

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงมาหาซูตานหง “ภรรยา ผมบอกแม่แล้วล่ะว่าให้แม่เลือกถั่วกับดูแลเหรินเหรินไป ผมพาคุณไปเดินเล่นบนภูเขาดีไหมครับ? คุณคงยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ลูกเจี๊ยบกับแกะโตมากแล้ว”

ซูตานหงมองเขาอย่างอับจนแล้วกล่าวขึ้น “เจี้ยนอวิ๋น ฉันไม่ได้ปักผ้ามานานมากแล้วนะคะ”

“ผมไม่ห้ามคุณปักงานนี้หรอกนะครับ เพียงแต่ว่าคุณจะนั่งปักนาน ๆ ไม่ได้ มันไม่ดีต่อสายตาและหลังของคุณน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

หญิงสาวไม่อาจโต้แย้งเหตุผลที่จริงใจนี้ได้

เธอจึงยอมออกมาพร้อมกับจี้เจี้ยนอวิ๋น และเอ่ยกับคุณแม่จี้ “คุณแม่คะ ฝากดูแลตาหนูครู่หนึ่งนะคะ เดี๋ยวเราจะกลับมาหลังจากเดินเล่นบนภูเขาเสร็จแล้วค่ะ”

“จ้ะ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเหรินเหริน แม่ดูแลเขาไว้ให้อยู่” คุณแม่จี้ยิ้ม

ซูตานหงจึงเข้ามาดูลูกชายอีกครั้ง และเห็นว่าเขากำลังนอนหลับสบาย ต้องบอกว่าต้าเฮยทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้ดีจริง ๆ จากนั้นเธอก็ขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับจี้เจี้ยนอวิ๋น

หญิงสาวไม่ได้ขึ้นมาบนภูเขานานมากแล้ว ครั้งนี้เธอยังนำบัวรดน้ำไปด้วย ต่อให้ทุกคนจะรู้สึกคลางแคลงใจ แต่เธอก็ยังคงแสร้งทำทีเป็นขนน้ำขึ้นมาบนภูเขา

เมื่อนับช่วงเวลาต้องอยู่ไฟหลังคลอดเข้าไปด้วย เท่ากับเธอไม่ได้ขึ้นมาบนภูเขาเกือบ 3 หรือ 4 เดือนแล้ว ก่อนหน้านั้นยังไม่สะดวกนักด้วยท้องอันใหญ่โต และต่อมาก็ต้องอยู่ไฟหลังคลอดต่ออีก

ครั้งนี้ที่ได้ขึ้นไปบนภูเขา เธอก็ได้เห็นว่าบนภูเขาของครอบครัวเธอเปลี่ยนแปลงไปมาก

มันถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงจนมองอะไรข้างในไม่เห็น แต่ยังคงได้ยินเสียงแกะร้องกับเสียงสุนัขเห่าดังมาจากภายใน

เมื่อเดินมาที่ประตูใหญ่ทางด้านหน้าก็จะเห็นถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อย หากต้องการเข้าไปขนผลไม้หรืออะไรต่าง ๆ ออกมาจะต้องขับผ่านทางนี้เท่านั้น

ประตูเหล็กของทางสายหลักยังปิดอยู่ แต่ในตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้มันก็ไม่ได้ถูกล็อก ข้างในมีคุณพ่อจี้อยู่ จี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งก็มาด้วย ซึ่งพวกเขากำลังเอาฟางคลุมโคนต้นปกป้องความหนาวเย็นให้กับต้นไม้ผลอย่างขะมักเขม้น

เมื่อเห็นสามีภรรยาทั้งคู่เข้ามา คุณพ่อจี้ก็ชี้ไปที่เล้าไก่กับคอกแกะและเอ่ยขึ้น “ลองไปดูตรงนั้นสิ”

จี้เจี้ยนอวิ๋นพาซูตานหงไปตรงนั้น พวกเขาเหล่านั้นกำลังยุ่งกับการทำงานอยู่ เขาจึงไม่ว่าอะไร

ตอนนี้เองซูตานหงก็นึกอะไรขึ้นได้และเอ่ยขึ้น “จริงสิคะเจี้ยนอวิ๋น คุณจำที่พูดกับจี้หงจวินและสวี่อ้ายตั๋งได้ไหมคะ ว่าให้พวกเขามาช่วยคุณพ่อทำงานดูแลแกะกับไก่ในช่วงหน้าหนาวด้วย แล้วเราจะจ่ายค่าแรงให้พวกเขา”

จี้เจี้ยนอวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ “ผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดีเลย”

ที่นี่มีหิมะตกเช่นกัน แต่ตกไม่มากนัก มันจะตกตอนวันส่งท้ายปีเก่าและตกยาวไปตลอดสองเดือนในตอนฟ้าปิด ส่วนในเดือนหน้าก็มีตกบ้างเป็นบางครั้ง

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมบนภูเขาถึงดูแห้งแล้งและโล่งเตียน

เนื่องจากมันเป็นช่วงเวลาพักสั้น ๆ เขาจึงบอกจี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งว่าจะจ้างแรงงานระยะยาว ในเมื่อพวกเขาเป็นคนงานระยะยาวแล้วก็ต้องได้รับการจ้างงานต่อ ซึ่งในฤดูหนาวพวกเขาจะได้ทำงานขนน้ำจากที่บ้านไปยังภูเขาเพื่อให้คุณพ่อจี้หุงอาหารไก่ และต้องมีคนช่วยคุณพ่อจี้ด้วยหนึ่งหรือสองคน โดยงานนี้เป็นงานที่ง่ายมาก ทั้งคู่แค่ผลัดกันขึ้นเขาในตอนเช้าและลงเขาในตอนบ่ายเท่านั้น

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พวกเขาก็จะได้รับค่าแรงกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาทำงานกันได้ยอดเยี่ยม และยังเป็นการแสดงว่าพวกเขาเป็นคนงานระยะยาวด้วย

เห็นเจี้ยนอวิ๋นของครอบครัวเธอคิดดังนั้นด้วยเหมือนกันแล้ว ซูตานหงก็ไม่สนใจอะไรอีก

เธอมาดูลูกเจี๊ยบในเล้า เวลามากกว่า 10 วันผ่านไป เหล่าลูกเจี๊ยบต่างได้รับอาหารการกินที่ดีทุกวัน แถมยังมีแม่ไก่ 3 ตัวมาสมทบด้วย ทำให้พวกมันดูเจริญเติบโตดีมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ด้านหลังแม่ไก่ทั้งสาม

ซูตานหงเติมน้ำให้พวกมัน แม่ไก่ทั้งสามรีบเข้ามาจิกกินราวกับรู้ว่าน้ำนี่เป็นของดี จากนั้นลูกเจี๊ยบก็กรูเข้ามาดื่มด้วยเช่นกัน

“พวกเขาต้องทำงานในหน้าหนาวด้วยจริง ๆ ล่ะค่ะ” ซูตานหงหัวเราะ

ที่นี่มีลูกเจี๊ยบมากกว่า 200 ตัว ถ้าพวกเขาเลี้ยงพวกมันได้ก็จะมีลูกเจี๊ยบอยู่รอดเป็นจำนวนมาก ถ้าว่ากันตามแผนเดิมของซูตานหงกับจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว พวกเขาก็ตั้งใจจะเลี้ยงพวกมันเป็นจำนวนมากขนาดนี้นี่แหละ

ตอนนี้ลูกเจี๊ยบมากมายกำลังอยู่อย่างสุขสบาย แต่เมื่อพวกมันโตขึ้น พวกมันก็จะเอาแต่กินตลอดทั้งวัน

โชคดีที่จี้เจี้ยนอวิ๋นไปเจรจากับเจ้าของโรงสีข้าวแล้ว และได้ความว่าทางนั้นจะส่งรำข้าวมาให้ในอีกไม่กี่วันเพื่อเอาไว้เป็นอาหารไก่แทน ส่วนของอย่างอื่นก็มีข้าวโพดกับข้าวเก่าค้างปี ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อหุงกับน้ำวิเศษแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร

แม้อาหารไก่ที่ปรุงด้วยน้ำวิเศษจะไม่ทำให้ไก่มีปัญหาอะไรตามที่ซูตานหงมั่นใจ แต่ยังคงเป็นเรื่องนั้นที่เธอต้องการจะปิดปากชาวบ้านทั้งหลาย เธอจึงได้เขียนใบสั่งยาสูตรพิเศษเตรียมให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไปซื้อในวันปีใหม่พร้อมกับของกินของใช้อื่น ๆ

เมื่อนำมาสับและหุงรวมกับอาหาร ไก่ทั้งหลายก็สามารถกินได้

หากไก่เจริญเติบโตดีและไม่ป่วย นั่นก็เป็นเพราะสรรพคุณของสมุนไพรในใบสั่งยา

ถ้าคนในหมู่บ้านอยากได้บ้างล่ะ? ไม่มีปัญหา เธอก็จะให้พวกเขาไป เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่วิเศษวิโสอะไรเลย เป็นแค่ใบสั่งยาแก้หวัดเท่านั้น และสมุนไพรที่ใช้ก็เป็นตัวที่ใช้กันอย่างธรรมดาสามัญ

“พวกเขาทำงานกันได้ดีทีเดียว” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยอย่างพอใจ

เล้าไก่จะได้รับการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน ครั้งหนึ่งในตอนเช้าและอีกครั้งหนึ่งในตอนบ่าย หลังทำความสะอาดเสร็จแล้วก็จะถูกพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็น ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นบทเรียนราคาแพงและไก่ก็จะเจ็บป่วยง่าย

ตอนที่ทั้งคู่มาดูก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นฉุนของมันอยู่ แต่นั่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จะเลี้ยงไก่ได้ต้องรักษาความสะอาดเท่านั้น

เมื่อดูไก่เสร็จ พวกเขาก็มาดูแกะในคอกต่อ จี้เจี้ยนอวิ๋นมองภรรยาเติมน้ำให้พวกแกะกิน เธอให้น้ำไปนิดเดียวเท่านั้น แต่ทำไมมันถึงดูมีน้ำมากกันนะ?

และในทุกครั้งที่เธอให้น้ำ พวกสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็จะกรูเข้ามาดื่ม ดูเชื่อฟังเป็นพิเศษ

ในชั่วพริบตาเดียว ซูตานหงก็รู้สึกได้ว่าเจี้ยนอวิ๋นของเธอกำลังจ้องมองบัวรดน้ำอยู่ เธอจึงพลันหัวเราะออกมา แต่แล้วก็เมินเขาและเทน้ำวิเศษให้แกะกินต่อไป แล้วเธอก็มาหาเสี่ยวไป๋กับพรรคพวก

เสี่ยวไป๋กับพรรคพวกทั้งสามตัวไม่ได้เห็นนายหญิงมานานมาก พวกมันจึงดีใจที่ได้เห็นเธอ ในตอนนี้สุนัขทั้งสามโตกันหมดแล้ว และด้วยความที่กินดีอยู่ดี พวกมันจึงแข็งแรงอย่างมาก

ซูตานหงเติมน้ำวิเศษให้พวกมันกินทีละตัว หลังสั่งให้พวกมันดูแลสวนผลไม้ดี ๆ แล้ว เธอก็เริ่มเดินชมสวนพร้อมกับจี้เจี้ยนอวิ๋น

ซูตานหงเลิกคิ้วแล้วพูดตอบ “มีค่ะ ยังมีอยู่เต็มเลย ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองไปรดต้นไม้ดูได้”

แล้วเธอก็ยื่นบัวรดน้ำให้เขา

จี้เจี้ยนอวิ๋นรับมาและกลืนน้ำลายลงคอในทันที น้ำเต็มบัวรดน้ำอย่างที่เธอว่าจริง ๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นภรรยาให้อะไรกับไก่ แกะ และบรรดาสุนัขทั้งสามไปล่ะนี่?

“เรื่องนี้อย่าถามฉันเลยค่ะ ต้องถามเซียนจิ้งจอกดู ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเซียนจิ้งจอกเสกขึ้นมา” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ฟังแล้วก็มองเธออย่างระอาใจ

เห็นเขามีท่าทางเช่นนี้แล้ว เธอก็ยังอยากเล่นสนุกขึ้นมา

“เจี้ยนอวิ๋น คุณอยากรู้จริง ๆ เหรอคะ?” ซูตานหงพลันเอ่ยขึ้น

จี้เจี้ยนอวิ๋นอึ้งไป เมื่อเห็นว่าภรรยาต้องการบอกเขาจริง ๆ เขาก็ลังเลไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังส่ายหน้าเดินไปหาเธอและกุมมือของหญิงสาวไว้ “ภรรยา อย่าเป็นกังวลเลย ผมรู้ว่าคุณยังเป็นภรรยาของจี้เจี้ยนอวิ๋นคนนี้และยังเป็นแม่ของลูกเราอยู่ ผมไม่สนอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น คุณอย่าห่วงผมเลย อย่าคิดว่าผมจะเริ่มสงสัยหรือเริ่มคิดมากเกินไป ภรรยา ผมจะดูแลคุณราวกับเป็นนางฟ้าที่มาโปรดสัตว์ในโลกทั้งใบนี้เลยครับ”

…………………………………

Related

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท