ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 77 ซูจิ้นตั๋ง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 77 ซูจิ้นตั๋ง

จี้เจี้ยนอวิ๋นมาที่บ้านตระกูลซูพร้อมกับข้าวของมากมาย

เมื่อเขามาถึง ซูจิ้นจวินกับซูจิ้นตั๋งก็อยู่ที่นั่นแล้ว

ซูจิ้นจวินเป็นพี่ชายใหญ่ของภรรยา ส่วนซูจิ้นตั๋งเป็นพี่ชายรองของภรรยา แต่ถึงอย่างนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่อยากเสวนากับซูจิ้นจวินผู้เป็นพี่ชายใหญ่ภรรยาเท่าใดนัก เช่นเดียวกับซูจิ้นจวินที่ไม่อยากพูดคุยอะไรกับจี้เจี้ยนอวิ๋นด้วยเช่นกัน

เหตุผลนั้นง่ายมาก จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ชินกับนิสัยขี้เกียจสันหลังยาวของเขาเลยแม้แต่น้อย และต้องบอกว่าซูจิ้นจวินเป็นคนใจร้อน เพียงแต่เขายังเกรงกลัวน้องเขยที่เป็นทหาร ตัวเขานั้นจะไปสู้อะไรอีกฝ่ายได้ แถมอีกฝ่ายยังเป็นคนเอาของอุปโภคบริโภคดี ๆ มาให้เป็นระยะ ดังนั้นต่อให้ซูจิ้นจวินจะใจร้อนขนาดไหน เขาก็พยายามใจเย็นและเอ่ยทักทายเป็นบางคำ

เขากำลังคิดว่าจะหาประโยชน์จากสวนผลไม้นั้นอย่างไรดี แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่อยากคุยอะไรกับเขามากนัก แค่พูดด้วยไม่กี่คำก่อนจะส่งของให้คุณแม่ซู “คุณแม่ครับ ช่วงปีใหม่ผมกับตานหงจะมาเป็นแขกของบ้านนี้ แล้วก็จะมาขอซองแดงให้กับเหรินเหรินด้วยน่ะครับ”

“ได้สิ ๆ คุณยายคนนี้จะต้องให้ซองแดงซองใหญ่ ๆ กับเขาอย่างแน่นอน” คุณแม่ซูเอ่ยแช่มชื่น

ดูของทั้งหลายในตะกร้านี้สิ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของดีทั้งนั้น มีทั้งเนื้อติดมันชิ้นใหญ่ที่กะประมาณทางสายตาแล้วน่าจะมีน้ำหนักถึง 7 หรือ 8 ชั่ง และยังมีเนื้อซี่โครงอีกมากมาย ต่อให้ไม่ได้ซื้ออะไรเข้าบ้านก็สามารถมีช่วงเวลาที่ดีในวันปีใหม่ได้ด้วยของเหล่านี้ การที่ลูกเขยนำของดี ๆ มาให้มากขนาดนี้ ก็แสดงว่าปีใหม่นี้จะไม่ย่ำแย่แน่นอน

“เอาน้ำตาลทรายแดงกับขนมพวกนี้กลับไปเถอะ” คุณแม่ซูเอ่ยเมื่อเห็นของที่เหลือ

นางยังพอไว้หน้าอยู่บ้าง แต่เดิมนั้นเป็นเพราะว่าลูกสาวของนางแต่งงานออกไปโดยไม่มีสินเดิมติดตัวเลย และเงินก็ถูกใช้ไปจนหมด นางไม่ได้สายป่านยาวเหมือนคุณแม่จี้ ดังนั้นนางจึงไม่อยากขออะไรมากนัก

โชคดีที่ลูกสาวของนางได้กระทำตนให้เป็นที่น่าภูมิใจ ไม่เพียงแต่จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ แต่ยังมีลูกคนแรกเป็นลูกชายอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้พลอยทำให้นางได้หน้าไปอีกคน

ดังนั้นในตอนที่ลูกสาวของนางกำลังอยู่ไฟหลังคลอด คุณแม่ซูก็ฝากให้สะใภ้รองซูนำไข่ 2 ตะกร้าใหญ่และแม่ไก่ตัวใหญ่ 3 ตัวไปให้ที่บ้านนั้น ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นของดีมีประโยชน์

ต่อให้เป็นแม่สามีอย่างภรรยาเหล่าจี้มาพบนาง นางก็ย่อมมีท่าทางสุภาพใจดีตอบ

“คุณแม่ครับ ไม่ต้องคืนของพวกนี้กลับมาหรอก ในครอบครัวผมไม่มีเด็กโตอยู่เลย เหรินเหรินก็ยังเล็ก ถ้าแม่ไม่กินของพวกนี้ แม่เอาไปให้หลาน ๆ ก็ได้นะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

“ใช่แม่ เจี้ยนอวิ๋นอุตส่าห์เอามาให้ถึงนี่ ให้เขาเอากลับไปมันจะไม่ดูน่าเกลียดเหรอครับ?” ซูจิ้นจวินเอ่ย

คุณแม่ซูไม่ได้เอ่ยอะไร นางทำเพียงยิ้มให้แล้วนำของทุกอย่างไปเก็บไว้ในครัว ส่วนซูจิ้นจวินก็ไม่มีอะไรต้องพูดกับน้องเขยเช่นเดียวกัน หลังจากยืนอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงได้ผละจากไป

เมื่อเขาจากไปแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงได้สนทนากับซูจิ้นตั๋งอยู่ครู่หนึ่ง

“พี่รอง ปีนี้เป็นยังไงบ้างครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

“ก็งั้น ๆ จะว่าดีก็ไม่ดี จะว่าแย่ก็ไม่แย่” ซูจิ้นตั๋งยิ้ม จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เจี้ยนอวิ๋น ถ้าพวกนายมีเงินก็ลองไปซื้อห้องชุดในเมืองสักห้องนะ เกิดเงินขาดมือขึ้นมาก็จะได้ขายได้”

เขาช่วยคนไปทุกแห่งหน และจัดการดูแลทุกอย่าง ไม่ต่างจากแรงงานรับจ้างสร้างบ้านขนอิฐคนหนึ่งเลย

ชายหนุ่มจึงมีความเข้าใจในสถานการณ์ภายในเมืองมากขึ้น ซึ่งปีนี้เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมราคาบ้านในเมืองถึงทะยานสูงขึ้นรวดเร็วมาก ผ่านไปเพียงแค่ปีเดียวมันก็เพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่าตัวแล้ว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงนำเรื่องนี้มาบอกกับจี้เจี้ยนอวิ๋นผู้เป็นน้องเขย ว่าถ้าเขามีเงินแล้วก็ให้ซื้อเอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้นจะได้ไม่เสียหายและสามารถทำกำไรได้

“ตอนนี้เงินในมือผมยังไม่อยู่ในสภาพคล่องเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

ขณะที่เขาซื้อของในเมืองวันนี้ เขาก็ได้ส่งเนื้อไม่กี่ชั่งให้หงเจี่ยเป็นการแสดงน้ำใจ แล้วก็ได้ยินสิ่งที่เจินเหมียวหงพูดให้ฟัง

ราคาบ้านกำลังถีบตัวสูงขึ้น แต่ที่ปีนี้พุ่งสูงอย่างรวดเร็วกว่าปีที่แล้วนั้นเป็นเพราะค่าแรงและราคาสิ่งต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้

“ตอนนี้เหรินเหรินคลอดแล้ว ทางบ้านนายก็เลยมีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้นสินะ” ซูจิ้นตั๋งเอ่ยอย่างเข้าใจ

“พี่สะใภ้รองกำลังจะคลอดแล้วใช่ไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

ซูจิ้นตั๋งยิ้ม “เร็ว ๆ นี้ล่ะ พูดได้ว่าหัวถึงหมอนปุ๊บก็ง่วงปั๊บเลย”

“พี่รองครับ ปีหน้าพี่ไปช่วยงานผมได้ไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยถามเป็นเชิงชักชวน

ซูจิ้นตั๋งอึ้งไป หลังเขากลับมาถึงบ้านไม่กี่วัน เขาก็ได้ยินแม่ของเขาพูดเรื่องนี้ ซึ่งในใจของเขาเกิดความสนใจไปแล้ว แต่นั่นจะเป็นการสร้างภาระให้กับน้องเขยไหมนะ?

“ฉันได้ยินว่านายจ้างคนมาสองคนแล้วนี่ ถ้าฉันไปทำงานด้วย มันจะไม่ดีแน่ถ้านายต้องเชิญคนหนึ่งออก เพราะพวกเขาทำงานกันดี” ซูจิ้นตั๋งเอ่ยอย่างลังเล

เมื่อก่อนหน้านี้ยังมีแค่สามีภรรยาก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้มีเด็กเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งและกำลังจะคลอดแล้ว ครอบครัวของเขาก็ต้องระมัดระวังกันมากขึ้นและไม่อาจปล่อยให้ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่ภรรยาได้

แต่ถ้าเขาสามารถไปช่วยงานน้องเขยได้เขาก็เต็มใจ เพื่อที่เขาจะได้กลับมาดูแลลูก ๆ ได้ทุกวัน

“ไม่ลำบากหรอกครับ ผมมีแกะ 15 ตัวบนภูเขา แล้วก็มีไก่อีก 200 กว่าตัว แทบจะทุกฤดูใบไม้ผลิ ไก่พวกนี้จะถูกขายหมด ถึงตอนนั้นผมวางแผนว่าจะขนส่งเข้าไปขายในเมือง แต่ตัวผมเองยังต้องศึกษาเรื่องนี้กับเหล่าฉินก่อน ถึงตอนนั้นผมจะได้ตั้งร้านค้าในเมืองแล้วก็จะให้พี่รองไปช่วยงานทางนี้ ถ้าพี่ขายได้พี่ก็จะขายได้ในราคา 10 หยวนและได้กำไร 2 หยวน ส่วนเรื่องขอเช่าหน้าร้านจะเป็นหน้าที่ผมเอง เพียงแต่พี่รองจะต้องขับรถไปจับไก่มาขายที่ร้าน” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

“ 2 หยวนมากเกินไปมั้ง ถ้าอยากจะทำจริง ๆ ขอแค่หยวนเดียวจาก 10 หยวนก็พอแล้ว” ซูจิ้นตั๋งเอ่ย

“ถ้าผมพูดว่า 2 หยวนก็คือ 2 หยวนครับ เรื่องนี้พี่คงต้องไปปรึกษาพี่สะใภ้รองก่อนนะครับ พี่สะใภ้รองกำลังจะคลอดลูกแล้ว และจากที่ผมรู้มา หล่อนก็ไม่ค่อยจะลงรอยกับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย พี่รองคิดเรื่องที่จะพาพี่สะใภ้รองย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองก็ได้นะครับ ถึงตอนนั้นผมก็คงมีหน้าร้านใหญ่ขึ้นแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงคุณแม่หรอกครับ ยังมีผมกับตานหงอยู่ที่นี่” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยเสียงทุ้ม

ซูจิ้นตั๋งได้ฟังก็เกิดความรู้สึกคล้อยตามขึ้นมา ความจริงเขาก็อยากจะย้ายออกจากบ้านนี้ไปพร้อมกับภรรยาเช่นกัน เพราภรรยาเขามีเรื่องไม่ลงรอยกับสะใภ้ใหญ่ซูอยู่หลายครั้งในไม่กี่วันที่เขาได้กลับมา

เมื่อเห็นว่าเขาคล้อยตามแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่เอ่ยอะไร เขาไม่รออยู่รับประทานอาหารที่นี่ หลังนั่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลับไป แต่ก่อนจะกลับไปนั้นคุณแม่ซูก็ได้ให้ไข่กับเขามาตะกร้าหนึ่ง ซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับมันมา

คุณแม่ซูถามลูกชายคนรอง “แกกระซิบกระซาบอะไรกันกับเจี้ยนอวิ๋นล่ะนี่?”

งานนี้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าและยังไม่ต้องออกเงินลงทุนเองด้วย แค่จับไก่ไปขายก็ได้เงินในทันทีแล้ว จะไปหางานดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?

ไก่ตัวหนึ่งขายได้เงิน 10 กว่าหยวน ต่อให้วันนั้นขายไปได้แค่ 3 ตัวก็ยังคิดเป็นเงินไมต่ำกว่า 10 หยวน รายได้ 2 หยวนจาก 10 หยวนก็คิดเป็นเงิน 60 หยวนต่อเดือน!

คุณแม่ซูเองก็รู้สึกว่าข้อตกลงนี้มันช่างคุ้มค่ามากเหลือเกิน!

“แม่ครับ เงิน 2 หยวนจาก 10 หยวนถือว่ามากเกินไป อย่างมากเจี้ยนอวิ๋นให้เพียงหยวนเดียวก็พอแล้วครับ” ซูจิ้นตั๋งเอ่ยอย่างจนใจ “ความจริงแล้วเงิน 1 หยวนก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ถ้าทางตระกูลจี้รู้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ เพราะตอนนี้มีลูกชายสองคนในครอบครัวจี้กำลังทำไร่ทำนาอยู่”

……………………………………………

Related

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท